1004 ปะทะ
“ฉันเข้าใจแล้ว” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ขอบคุณมากนะ”
“คุณลุงไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”หวังเย้าพูด“มันเป็นเรื่องที่ผมสมควรทําอยู่แล้ว”“แต่อย่าให้คนรู้เรื่องนี้มากจะเป็นการดีกว่านะ”
“ผมรู้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”ซูเซี่ยงฮวาพูดทั้งสองพากันเดินออกมาจากห้องทํางานและกลับไปที่ห้องอาหารทั้งครอบครัวใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นหวังเย้ากลับไปที่มหาวิทยาลัยกับซูเสี่ยวซวี เธอยังมีคลาสที่ต้องเข้าเรียนในช่วงบ่ายอยู่
“เชียนเชิงคุยอะไรกับคุณพ่อเหรอคะ?”เธอถาม “ทําตัวมีลับลมคมในกันแบบนี้หรือจะเป็นเรื่องของกั๋วเจิ้งเหอคะ?”
“ใช่”
หวังเย้าเล่ารายละเอียดให้ซูเสี่ยวซวีฟังทั้งยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาไม่ได้เล่าให้ซูเซี่ยงฮวารวมอยู่ด้วย
“นี่มันเลวร้ายมากเขาอันตรายมากจริงๆ”ซูเสี่ยวซวีพูด“แล้วเขายังฆ่าคนด้วยเหรอคะ?”“กลัวว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทําแบบนี้ด้วย”หวังเย้าพูด
“คนแบบนั้นต้องถูกลงโทษ”ซูเสี่ยวซวีพูด
“ใช่”
หวังเย้าอยู่ที่ปักกิ่งเป็นเวลาสองวันก่อนจะต้องรีบเดินทางกลับเขตเหลียนชานอยู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ทางการปรากฏตัวขึ้นที่เขตและพวกเขายังมุ่งเป้าไปที่บริษัทหนานชานเภสัชด้วยพวกเขา
สอบถามหลายเรื่องและต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตภายในระยะเวลาที่กําหนดเอาไว้ถ้าพวกเขาทําไม่ทัน โรงงานก็จะถูกสั่งให้ยุติการผลิตและนั่นหมายความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
เมื่อได้ยินข่าวชื่อของกั๋วเจิ้งเหอก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาทันทีในขณะเดียวกันเขาก็ได้บอกให้เจิ้งเหว่ยจวินตรวจสอบหาความผิดปกติในส่วนของพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งของบริษัทคว้าโอกาสนั้นเพื่อเล่นงานพวกเขาได้
หลังจากที่เขากลับมาถึงเขตเหลียนชานแล้วทั้งสองก็นัดพบกันทันที
“อยู่ๆคนพวกนั้นก็โผล่มา แล้วยังไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าด้วย” เจิ้งเหว่ยจวินพูด“ตอนแรกเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตอนนี้เป็นหน่วยงานรักษาความปลอดภัยคนพวกนั้นต้องการให้เราเปลี่ยนหลายอย่างมากและเรื่องมากไม่หยุด”
“แล้วบริษัทมีปัญหาอะไรก่อนหน้านั้นรึเปล่า?”หวังเย้าถาม
“ผมไม่สามารถการันตีได้ 100% เพราะเรื่องพวกนี้เราไม่สามารถทําได้อยู่แล้ว”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“แต่ผมก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในธุรกิจนี้ ถ้าเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อมกับความปลอดภัยผมมั่นใจว่าเรารักษามันให้อยู่ในระดับมาตรฐานมาโดยตลอดรวมไปถึงเรื่องของฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ด้วย”
“แล้วพวกเขาว่ายังไงบ้าง?”หวังเย้าถาม
“พวกเขาบอกให้พวกเราปรับปรุงโรงงานภายในหนึ่งเดือน”เจิ้งเหว่ยจวินพูด “แล้วพวกเขาจะกลับมาตรวจอีกครั้ง”
“ผมขอดูหน่อยว่าพวกเขาให้เราเปลี่ยนเรื่องอะไรบ้าง?”หวังเย้าพูด
“ปัญหาด้านเสียงรบกวน?”
“พวกเขาทําการวัดระดับตรงถนนด้านนอก”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“แค่เสียงรถขับผ่านมันก็เกินระดับมาตรฐานที่พวกเขาตั้งไว้แล้ว”
“นี่มันยากมาก”หวังเย้าพูด
“ลองดูเรื่องความปลอดภัยที่ต้องการให้เปลี่ยนสิครับ มันเข้มงวดยิ่งกว่า” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “ผมได้ขอให้บริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มาช่วยดูให้แล้ว”
มา”
“เรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเกี่ยวกับผมก็ได้”หวังเย้าพูด
“เชียนเชิง?” เจิ้งเหว่ยจวินประหลาดใจ “ยังไงเหรอครับ?”
“ปัญหาส่วนตัวน่ะคอยดูไปก่อนแล้วกัน”หวังเย้าพูด
การปะทะกันโดยไร้เสียงเริ่มขึ้นแล้ว
ค่าคืนผ่านพ้นไปโดยไร้เรื่องราว
“ธุระที่ปักกิ่งเรียบร้อยแล้วเหรอครับเชียนเชิง?” จงหลิวชวนกับคนอื่นๆมาที่คลินิก
“เรื่องทางนั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ”หวังเย้าพูด“แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นที่นี่แทน ผมก็เลยต้องรีบกลับ
“ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว มันน่าจะเป็นฝีมือของคุณชายกั๋วคนนั้น”
“ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเขา” หวังเย้าพูด
“เชียนเชิงจะให้พวกเราทําอะไรไหมครับ?”
“ตอนนี้ยังไม่ต้อง”หวังเย้าพูด“พวกเราจะคอยดูต่อไปก่อน”
“ครับ/ค่ะ”
บ้านตระกูลซูในปักกิ่งที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“คุณผู้หญิง ผู้ชายคนนั้นกําลังพยายามเล่นงานบริษัทยาของหวังเย้าอยู่ค่ะ” “อืม มันชัดเจนอยู่แล้ว”ซงรุ่ยปิงพูด“แล้วที่บริษัทนั้นมีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่มีเลยค่ะ”ชูเหลียนพูด“ยาที่พวกเขาผลิตออกมามีประสิทธิภาพสูงและมีชื่อเสียงที่ดีแล้วยังขายไม่แพงมากจนเกินไปด้วยค่ะ”
“อืม ฉันรู้แล้ว”ซงรุ่ยปิงพูด
“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเสี่ยวซวีล่ะ”
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
ในวิลล่าหลังหนึ่งที่ปักกิ่ง
กั๋วเจิ้งเหอมีอาการไอไม่หยุด เขาอยู่ในสภาพที่ย่ําแย่ ชายวัยกลางคนกําลังตรวจอาการของเขาอยู่
“ผมเป็นอะไรครับ หมอเสวี่ย?”
“ผมยังบอกไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไรผมอยากให้คุณชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้
ถ้าไปตรวจที่นั่นเราก็จะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณชายกันแน่”
“ได้ ขอบคุณมาก”
“ด้วยความยินดีครับคุณชายกั่ว”
พ่อบ้านออกไปส่งหมอ
ถั่วเจิ้งเหอลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างเขารู้สึกถึงความผิดปกติภายในร่างกายของเขาเขารู้สึกเหนื่อยมากและรู้สึกราวกับมีบางอย่างกําลังทุบตีศีรษะของเขาจากภายในอยู่ตลอดเวลา
“นี่จะต้องเป็นเพราะเลือดของเมี่ยวซีเหอแน่”เขาพึมพําออกมา
เขาเคยกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก่อนแต่เขาไม่คิดว่าปัญหามันจะโผล่มารวดเร็วขนาดนี้ฉันจะทํายังไงกับเรื่องนี้ดี?เขาจุดบุหรี่สูบ
เขารู้ว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้ก็คือต้องไปหาหวังเย้าแต่สถานะระหว่างพวกเขาในเวลานี้คือศัตรูพวกเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันไม่มีทางที่พวกเขาจะกลับมาสานสัมพันธ์กันใหม่ได้
พรุ่งนี้ ฉันคงต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลดู
วันต่อมา กั๋วเจิ้งเหอรู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขาเลวร้ายลงกว่าเดิมผลตรวจที่ออกมากลับกลายเป็นข่าวร้ายยิ่งกว่า
“คุณชายกั๋วเราพบสัญญาการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายในโดยเฉพาะไตของคุณที่มีปัญหาหนักที่สุดเราขอแนะนําให้คุณชายเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลครับ”
“เข้ารับการรักษา?” กั๋วเจิ้งเหอเงียบไปหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น “ผมมีโอกาสหายมากแค่ไหน?”
“เรื่องนั้น…”
“หอมเสวีย บอกผมมาเถอะ”
“คุณชายยังมีโอกาสที่จะหายเป็นปกติครับ”
“ผมเข้าใจแล้ว”กั๋วเจิ้งเหอพูด“ช่วงนี้ผมยุ่งมากไว้ผมจะหาเวลาอีกทีนะครับ”
“รีบหน่อยก็ดีนะครับสภาพร่างกายของคุณชายในตอนนี้มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ”
“ผมรู้แล้ว”กั๋วเจิ้งเหอลุกขึ้นและเดินโซเซออกไป
“คุณชาย”
“ไปที่หุบเขา”
“คุณชาย ถ้าไปตอนนี้มันจะไม่อันตรายเกินไปเหรอครับ?”
หลังจากที่คิดดูแล้วกั๋วเจิ้งเหอก็พูดขึ้นมาว่า “ยังไงผมก็ต้องไปที่นั่น ผมรอไม่ได้แล้ว”
“ได้ครับ”
เครื่องบนเดินทางออกจากปักกิ่งมันมุ่งหน้าไปยูนนานใต้
ตอนเช้าตรู่หุบเขาพันโอสถนั้นเงียบสงัดแต่พายุกําลังเคลื่อนตัวเข้าหาหุบเขาที่มีอายุยาวนานนับร้อยปีแห่งนี้
“ยังไม่มีข่าวของผู้นําอีกเหรอ?”
“ไม่มีเลย”
“นี่มันก็เกือบจะสองอาทิตย์แล้ว เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
ผู้อาวุโสวัยเจ็ดสิบถาม “ชิงเฟิง ผู้นําไปที่ไหน?”
“ผมไม่รู้จริงๆครับลุงเขาบอกผมแค่ว่าจะขึ้นเหนือเท่านั้น”
ผู้อาวุโสในหุบเขากําลังปรึกษากันอยู่ที่แห่งนี้ไม่สามารถขาดผู้นําเป็นเวลานานได้ หุบเขา
จําเป็นต้องมีคนดูแล โดยเฉพาะสถานการณ์ในเวลานี้ที่มีคนนอกเดินทางเข้ามาในหุบเขาเป็นจํานวนมากทุกๆวันเหล่าผู้สูงอายุไม่ได้ชอบพวกเขาเหล่านั้นมากนักแต่คนหนุ่มสาวในหุบเขา
กลับให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดีพวกเขายังอายุน้อยและสงสัยเกี่ยวกับโลกภายนอกพวกเขาจึงจําเป็นต้องวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาที่จะตามมาไม่ช้าก็เร็ว
“เฮ้อ ผู้นําไม่ได้ออกไปข้างนอกนานหลายปีแล้วครั้งนี้ที่เขาออกไปก็ใช้เวลานานกว่าทุกครั้งอีกด้วย”
มีคนเดินเข้ามารบกวนการประชุมของพวกเขา“มีคนนอกต้องการพบคนดูแลที่นี่อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่”
“เขาเป็นใคร?”
“เขามีแซ่ว่าถั่ว”
“แซ่ ว?”
เหล่าผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันและรู้สึกงุนงงไม่มีใครในหมู่พวกเขายินดีที่จะออกไปพบชายแซ่กั่วคนนั้น
“เราไม่พบเขา”
“เขาบอกว่า เขารู้ว่าผู้น่าอยู่ที่ไหน”
“อะไรนะ?”
ในที่สุด ก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งออกมาพบกับชายหนุ่มแซ่กั่ว
“สวัสดี”
“สวัสดี ให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดีครับ”
“เดี่ยวจ้าวชิ่ง”
“ผมชื่อว่า กั๋วเจิ้งเหอ ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นผู้ว่าของเขตเหอมาก่อน”เมี่ยวจ้าวชิ่งตกใจเล็ก
น้อยเมื่อได้ยินคําพูดของกั๋วเจิ้งเหอเขารู้ดีว่าเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง
“สวัสดี แล้วผู้ว่าเขตกั่วมาทําอะไรที่นี่เหรอ?”
“ผมไม่ได้เป็นผู้ว่าเขตแล้วครับผมลาออกแล้วเรื่องนี้ต้องขอบคุณพวกคุณ”กั๋วเจิ้งเหอยิ้มหลังจากนั้นเขาก็ไอไม่หยุด
“เดี่ยวซีเหอตายแล้ว”
คําพูดของเขาทําให้อีกฝ่ายตกตะลึง
เมี่ยวจ้าวชิ่งตกตะลึงร่างกายแข็งทื่อ
“คุณไม่เชื่อผมเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอหยิบรูปภาพออกมาใบหนึ่งและโยนไปทางเมี่ยวจ้าวชิ่งมันเป็นภาพที่แสดงถึงสภาพของเมี่ยวซีเหอก่อนที่เขาจะตาย
“ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”เมี่ยวจ้าวชิ่งพูด
“เลิกพูดได้แล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ผมถูกพิษและผมมาที่นี่เพื่อรักษา คุณช่วยดูอาการให้ผมทีตอนนี้เขามีภูมิต้านทานแมลงพิษแล้วแต่เลือดที่เขาดื่มลงไปกลับกลายเป็นดาบสองคมพวกมันทั้งปกป้องและทําร้ายเขาในเวลาเดียวกัน
“ฉันขอดูหน่อย”
เมี่ยวจ้าวชิ่งตรวจให้เขาเล็กน้อยแล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ
“คุณป่วยได้ยังไง?”
“ผมดื่มเลือดของเมี่ยวซีเหอ”
“หา!?” เมี่ยวจ้าวชิ่งหวาดกลัวจนตัวสั่นเขาถอยร่นออกมาแววตาของเขาราวกับคนที่กําลังเห็นผี
“ทําไมถึงได้กล้าทําเรื่องแบบนี้ได้ลง?” เมี่ยวจ้าวชิ่งถาม“เลือดของเขามียาอยู่ก็จริง แต่มันก็มีพิษด้วย!”
“แสดงว่าคุณรู้เรื่องพวกนี้สินะ?”
“เขากลั่นร่างกายของตัวเองด้วยยาและมันได้ซึมลึกไปถึงจิตวิญญาณของเขาแล้วและเขาก็มีความแข็งแกร่งมากพอ จนสามารถรักษาสมดุลของยากับพิษในร่างกายของเขาได้