ตอนที่ 413 อำเภอชวูอี้

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 413 อำเภอชวูอี้

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า ห้าค่ำ เดือนสิบ

เวลานี้ที่เจียงหนานเพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงบรรยากาศดีมากยิ่งนัก ทว่าพื้นที่ทางตอนเหนือสุดของแคว้นหยูนั้นได้มีหิมะแรกของปีตกลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หิมะแรกของปีมิได้ตกหนักมากเท่าใดนัก เลยยิ่งทำให้รู้สึกกลัดกลุ้มและกังวลใจ

เยี่ยนหลินชิวบัดนี้กำลังรู้สึกเป็นกังวลเสียเหลือเกิน

และในขณะนี้ เขากำลังบันดาลโทสะใส่หัวหน้าเขต ผู้ตรวจการ และเหล่าบรรดาที่ปรึกษาของตนภายในสวนด้านหลังของที่ว่าการอำเภอ

“เวลานี้อำเภอชวูอี้มีประชากรเพียงแค่ 86,324 คน ทั้งคนชราและเด็กก็ได้นับรวมเข้าไปแล้ว ผู้ช่วยจาง ข้าใคร่ถามเจ้าว่า เหตุใดกระท่อมของชาวนาแห่งหมู่บ้านหานสุ่ยที่ให้ไปสร้างใหม่ถึงยังไร้ความคืบหน้า ผู้ช่วยหลี ข้าใคร่ถามเจ้าว่าอำเภอชวูอี้มีทั้งหมด 3 เมืองและ 41 หมู่บ้าน ข้าใคร่รู้เหลือเกินว่าเสบียงที่ใช้กักตุนสำหรับฤดูหนาวนี้ยังขาดอีกเท่าใด เหตุใดถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังมิรายงานข้าเสียที ? ”

“พวกท่านอยากเห็นผู้คนในชวูอี้อพยพหนีไปที่อื่นในฤดูหนาวเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เยี่ยนหลินชิวหน้าแดงด้วยความโกรธ “เพล้ง… ! ” ทันใดนั้นเขาก็ได้ปัดกาน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะตกจนแตกละเอียด เขาลุกพรวดขึ้นแล้วชี้หน้าต่อว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเดือดดาล “ข้ามิอยากคอยดูแลพวกมิได้เรื่อง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อที่จะจับกุมพวกกองโจร พวกเราต้องเสียเสบียงไปโดยเปล่าประโยชน์เป็นจำนวนเท่าใด ? ”

“หิมะก็เริ่มตกลงมาแล้ว ถ้าหากภัยพิบัติจากหิมะนำหายนะมาให้มากกว่าปีก่อน ๆ พวกท่านลองบอกข้ามาสิว่าพวกเราจะต้องเสียจำนวนประชากรไปให้กับกงเซินจ่างอีกเท่าใด ? ”

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ หนึ่งคราแล้วก็ถอนลมหายใจออกมา “ข้าต้องใช้เส้นสายมากมายเพื่อที่จะซื้อเสบียงจากเจียงหนานมาที่นี่ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันยากเย็นถึงเพียงใด ? ”

“ข้าเพียงแค่หวังอยากให้ชาวบ้านในอำเภอชวูอี้ของพวกเราสามารถใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวที่จะถึงนี้ได้อย่างผาสุก เพียงแค่รอให้ท่านแม่ทัพเผิงกำราบกงเซินจ่างเสียให้สิ้นซาก ต่อไปอำเภอชวูอี้ก็จะดำเนินตามนโยบายของฝ่าบาทโดยให้พ่อค้ารายใหญ่เข้ามาลงทุนได้อย่างเป็นทางการเสียที”

“นี่เป็นนโยบายของแคว้น กว่าข้าจะทำให้อำเภอชวูอี้กลายมาเป็นเขตทดลองเป็นอำเภอแรก ๆ ได้นั้น มิใช่เรื่องง่าย เมื่อเหล่าพ่อค้ามาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาย่อมลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงาน พวกเขาย่อมต้องการกำลังคน พวกท่านจงคิดดูเถิด หากประชากรของเราหนีไปที่อื่นจนหมดสิ้น แล้วพวกเขาจะมาสร้างโรงงานไปทำหอกอะไรกัน ! ”

“ข้าให้เวลาพวกท่าน 5 วัน จำไว้ว่าเพียงแค่เพียง 5 วันเท่านั้น พวกท่านจงไปหาข้อมูลที่ข้าได้ไถ่ถามไปทั้งหมดมา แล้วมารายงานข้าให้ละเอียด”

“ผู้ตรวจการซุน ท่านจงไปเฝ้าโกดังเสบียงเอาไว้อย่าให้คาดสายตา รอให้นับเสร็จแล้วค่อยนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน”

“คำเอ่ยที่มิน่าฟังของข้าก็คงจะต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ หากพวกท่านประสงค์ที่จะร่วมงานกับข้าอย่างราบรื่น ก็จงเดินตามหมากที่ข้าได้วางไว้เสีย หากยังมัวแต่เสวยสุขในตำแหน่งมิทำการทำงานเสียล่ะก็ ข้าจะมิเพียงแค่ปลดพวกเจ้าออกจากตำแหน่งอย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะ”

“จงลงมือเสีย ข้ารู้ว่ามันยากลำบาก แต่ถึงจะลำบากเพียงใดก็ต้องเอาชนะมันให้ได้ ต้องอดทนและผ่านฤดูหนาวนี้ไปให้ได้อย่างราบรื่น หลังจากนี้อำเภอชวูอี้ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกคืนวัน”

“ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ ! ”

เมื่อสิ้นเสียง ที่ว่าการอำเภอก็ได้เงียบลงในทันที

เยี่ยนหลินชิวเดินไปจนถึงบ่อน้ำ จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องนภาที่บัดนี้คลุ้งไปด้วยไอจากความหนาว “ท่านแม่ทัพเผิง หากท่านยังปราบกงเซินจ่างมิสำเร็จในเร็ววัน เกรงว่าเมื่อผ่านฤดูหนาวนี้ไป แม้แต่เมืองหย่งหนิงเองก็คงจะไร้ซึ่งความสงบสุขไปตลอดกาล ! ”

ในขณะที่เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นั่นเอง ก็ได้มีที่ปรึกษาอาวุโสท่านหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาเขาด้วยร่างที่สั่นเทิ้ม

“ท่านนายอำเภอ ท่านนายอำเภอขอรับ มีรายงานด่วน…มีรายงานด่วนมาถึงขอรับ ! ”

เยี่ยนหลินชิวชะงักด้วยอารามตื่นตกใจ “ท่านโจว หรือว่า…ท่านแม่ทัพเผิงจะรบชนะศึกครานี้แล้ว ? ”

“เป็นไปได้นะขอรับ ท่านเปิดอ่านก่อนเถิด”

เยี่ยนหลินชิวรับหยังสือรายงานมาเปิดอ่านด้วยความดีใจ

“กองกำลังดาบเทวะเยี่ยงนั้นหรือ ? นี่มันเป็นกองกำลังแบบไหนกัน ? ”

“ข้าเองก็มิทราบเช่นกัน นี่เป็นรายงานที่ส่งออกมาจากจวนของท่านแม่ทัพใหญ่ และหนังสือฉบับทางการบัดนี้กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองหลวงแล้ว ท่านแม่ทัพส่งจดหมายด่วนเหล่านี้มาประกาศให้แต่ละอำเภอได้ทราบกันถ้วนหน้า”

เยี่ยนหลินชิวก้มลงอ่านจดหมายฉบับนั้นต่อไป และรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก ยากที่จะเชื่อในข้อความที่อยู่เบื้องหน้า

“กองกำลังดาบเทวะจำนวน 4,000 นายภายใต้การนำทัพของนายพลไป๋ยู่เหลียนได้บุกโจมตีภูเขาทางตอนเหนือในราตรีหนึ่งและได้ต้อนกองทัพส่วนที่เหลือของกงเซินจ่างราวแสนนายอยู่ถึงห้าวันห้าคืนจนถึงหุบเขาเยว่หมิง ทหารชายแดนเหนือได้ใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามอ่อนล้าภายใต้คำสั่งของดาบเทวะ ท้ายที่สุดก็ได้จับกุมกองกำลังที่เหลือของกงเซินจ่างได้จนสำเร็จ”

เมื่อได้รับการยินยอมจากนายพลไป๋ ทางจวนของแม่ทัพใหญ่ได้ออกเดินทางในวันนั้นเพื่อรับตัวเชลยที่ถูกกงเซินจ่างกวาดต้อนไปส่งคืนกลับภูมิลำเนา บัดนี้ประสงค์ให้แต่ละอำเภอได้เตรียมการให้พร้อม อีกทั้งทรัพย์สินทุกอย่างที่กงเซินจ่างได้ปล้นชิงไป มิว่าจะเป็นเสบียงอาหารหรือจะเป็นเงินทอง จะถูกส่งไปยังผิงหลิงและชวูอี้

ประกาศให้แต่ละอำเภอในหย่งหนิงโจวได้รับทราบโดยทั่วกัน ฤดูหนาวปีนี้หากมีภัยพิบัติจากหิมะถาโถมมาอีกครา กองทัพชายแดนทางเหนือได้อนุเคราะห์เสบียงจำนวนมากให้แก่อำเภอที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด หวังว่าหย่งหนิงโจวจะข้ามผ่านความยากลำบากนี้ไปได้

ลงชื่อ…เผิงเฉิงอู่ แม่ทัพกองทัพชายแดนเหนือแห่งราชวงศ์หยู

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า สองค่ำ เดือนสิบ !

ชนะแล้ว !

ชนะแล้วจริง ๆ !

กงเซินจ่าง ในที่สุดเจ้าก็จบสิ้นเสียที !

เยี่ยนหลินชิวดีใจเสียจนน้ำตาไหลพราก และยากที่จะควบคุมความรู้สึกของตนเอาไว้ได้

เขามารับราชการที่นี่ตั้งแต่ฤดูหนาวเมื่อปีกลาย สิ่งที่เขาพบเห็นมีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า ผู้คนต่างแร้นแค้น

เขาได้เดินทางสำรวจอำเภอชวูอี้ทั้งสามเมืองและสี่สิบเอ็ดหมู่บ้าน ยิ่งสำรวจก็ยิ่งรู้สึกขมขื่น ยิ่งสำรวจก็ยิ่งรู้สึกหมดหวัง !

เสื้อผ้าขาดลุ่ย ใบหน้าดูอดอยากหิวโซ ดวงตาเหล่านั้นไร้ซึ่งชีวิตชีวา ร่างกายผอมแห้งเสียจนเหลือแต่กระดูก…

นี่คือสภาพของผู้คนในอำเภอชวูอี้ !

ภัยพิบัติพายุหิมะครานั้น แค่เพียงอำเภอชวูอี้แห่งเดียวก็เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงแล้ว กระท่อมของชาวนาทั้งเจ็ดร้อยกว่าหลังได้ถูกหิมะซัดจนถล่มระเนระนาด เมื่อนับรวมผู้ที่เสียชีวิตจากการแข็งตายและอดอยากจากฤดูหนาวที่ผ่านมานับได้มากถึงหกพันกว่าราย

ทว่าข้อมูลเหล่านี้กลับมิได้รายงานต่อทางราชสำนัก มิใช่เพราะเยี่ยนหลินชิวต้องการจะปกปิด แต่เป็นเพราะว่าเยี่ยนเป่ยซีได้ส่งจดหมายมาหาเขาและรายงานว่าสงครามทางชายแดนตะวันออกนั้นแสนสาหัส ต่อให้รายงานเรื่องนี้ต่อราชสำนักก็เปล่าประโยชน์ ราชสำนักเองก็มิได้มีเสบียงมากพอที่จะมาช่วยเหลือในยามคับขันเช่นนี้ เยี่ยงนั้นเจ้าต้องพึ่งพาตนเองสถานเดียว !

เขาก็มิรู้ว่าจะทำสิ่งใดให้กับราษฎรที่อยู่ภายใต้ความดูแลของตนได้บ้าง ในฤดูหนาวปีนั้นเอง ผู้คนได้หนีออกไปจากอำเภอชวูอี้มากถึง 20,000 คน

พวกเขาได้เข้าร่วมกองโจรของกงเซินจ่างที่ภูเขาผิงหลิง

สมควรแล้วหรือที่จะกล่าวโทษพวกเขา ?

เยี่ยนหลินชิวผู้ที่พากเพียรศึกษามาโดยตลอดก็ตอบคำถามนี้มิได้

ทว่าตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว มิมีกองโจรนั่นอีกแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ได้ทำให้กองโจรเหล่านั้นกลับตัวกลับใจ และอีกทั้งยังมอบเสบียงอาหารมาให้อีกด้วย ต้องนำผู้คนเหล่านี้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนให้จงได้ ต้องทำให้เตาทำอาหารของผู้คนเหล่านั้นส่งควันโขมงออกมาให้ได้ เพื่อเป็นการรับรองว่าบ้านของพวกเขาจะมิพังถล่มลงมาอีกครา

“ท่านโจว ! ”

“ขอรับ ! ”

“เงินคงคลังของอำเภอยังเหลืออีกเท่าใด ? ”

“…ยังมีเหลืออีก 3,800 ตำลึงโดยประมาณขอรับ”

“เหลือเพียงเท่านี้เองหรือ ? ”

ที่ปรึกษาอาวุโสโจวได้โค้งตัวคำนับ แล้วเอ่ยตอบว่า “ท่านนายอำเภอ เงินที่นำไปซื้อเสบียงทั้งสามพันตำลึงนั้นยังคงติดค้างอยู่”

“…ข้ารู้แล้วล่ะ”

……

“ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องจัดการ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงที่แปลงนาว่างเปล่าในหมู่บ้านหานสุ่ย เขาขุดโคลนขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วบีบไว้ในมือ เมื่อหันไปมองหมู่บ้านที่มีสภาพพังทลายก็รู้สึกใจหายขึ้นมา

ไป๋ยู่เหลียนได้ยืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวน เขามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้านั่นด้วยความตกตะลึง เศรษฐีที่ดินผู้นี้มิมีผู้ใดเหมือน เขาจะมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงที่ดินที่รกร้างแปลงนี้ได้หรือไม่ ?

“เสี่ยวไป๋ ต่อไปที่แห่งนี้จะประสบกับความลำบาก เจ้าดูกระท่อมเหล่านั้นสิ ถ้าหากหิมะครานี้ก่อตัวเป็นภัยพิบัติขึ้นมาอีกครา กระท่อมเหล่านั้นก็ย่อมพังลงมาอีกคราอย่างแน่นอน บ้านเรือนคือรากฐานของผู้คน ถ้าหากไร้บ้านเรือน พวกเขาก็ย่อมไร้ซึ่งความหวัง ชีวิตก็จะดำเนินไปยังเส้นทางที่โหดร้าย เช่นนั้นก็จะปรากฏคนเยี่ยงกงเซินจ่างขึ้นมาอย่างมิจบสิ้น”

“นี่มัน…เป็นธุระของฝ่ายปกครอง”

“เงินคงคลังของราชวงศ์หยูนั้นอยู่ในขั้นวิกฤตมาตั้งนานแล้ว พื้นที่เล็ก ๆ อย่างอำเภอผิงหลิงและอำเภอชวูอี้นั้นจะสามารถส่งภาษีไปยังราชสำนักได้สักเท่าใดกันเชียว เมื่อไร้ซึ่งการสนับสนุนทางการเงินจากราชสำนัก ก็ย่อมทำให้พวกเขาไร้ทางเลือก”

ฟู่เสี่ยวกวนได้ทิ้งโคลนลงพื้นจากนั้นก็ปัดมือแล้วยืนขึ้น “เยี่ยงไรเสียก็ต้องทำให้พวกเขาผ่านฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ไปได้อย่างราบรื่น ! ”

“เจ้าจะทำเยี่ยงไรหรือ ? ”

“ประเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายไปหาซูหลาน เจ้าจงจัดเตรียมขบวนม้าเร็วเพื่อส่งจดหมายไปให้นาง การลงทุนในอำเภอผิงหลิงและอำเภอชวูอี้เห็นทีต้องลงมือก่อนกำหนดการเสียแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้ได้มีการมีงานทำในช่วงฤดูหนาวนี้ เมื่อมีการมีงานพวกเขาก็ย่อมมีรายได้ เยี่ยงนั้นก็จะมิอดตาย เช่นนี้ก็จะมีความหวังในการใช้ชีวิตต่อไป ! ”