DC บทที่ 257: เตรียมพร้อมรบ

 

“ว-วิญญาณพิทักษ์”

 

โหลวหลานจีถาม หวังว่าผู้อาวุโสวันไม่ได้คิดลึกเกี่ยวกับท่าทางตกใจของเธอก่อนนี้ และจะดีมากถ้าเขาพลาดไปไม่ได้สังเกต

 

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสวันได้หัวเราะและเต้นรำอยู่ในใจหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของโหลวหลานจี เขาเกือบมั่นใจแล้วว่าโหลวหลานจีรู้ถึงวิญญาณพิทักษ์

 

“ใช่แล้ว นิกายล้านอสรพิษตอนนี้กำลังค้นหาวิญญาณพิทักษ์ และจากท่าทีของเจ้าเมื่อกี้ เจ้าต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันใช่หรือไม่”

 

ผู้อาวุโสวันถามเธอ

 

“ไม่…” โหลวหลานจีสามารถได้ยินหัวใจของเธอเต้นราวกับกลองศึก อย่างไรก็ตามเธอสามารถควบคุมให้ใบหน้าดูเรียบเฉยและกล่าวว่า “ข้าเพียงประหลาดใจกับคำ “วิญญาณพิทักษ์” “

 

เธอกล่าวต่อว่า “หรือว่านิกายล้านอสรพิษพบวิญญาณพิทักษ์แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

ผู้อาวุโสหวังหัวเราะหึและกล่าวว่า “แม้ว่าเราจะพบเจอวิญญาณพิทักษ์ แต่พวกเราก็ยังจับมันไม่ได้ อย่างไรก็ตามนิกายล้านอสรพิษย่อมทำทุกสิ่งตามอำนาจที่มีเพื่อจะจับมันให้ได้”

 

ผู้อาวุโสวันตัดสินใจที่จะเล่นไปตามเกมของโหลวหลานจี แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะข่มขู่เธอทางอ้อมโดยการบอกให้เธอรู้ว่านิกายล้านอสรพิษถือเรื่องนี้จริงจังมาก

 

“อย่างนั้นรึ แต่อะไรที่นิกายล้านอสรพิษต้องการให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยช่วยทำรึ” โหลวหลานจีถาม

 

“จริงแล้วง่ายมาก เรามิขอให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยช่วยพวกเราค้นหา แต่เราจักขอบคุณอย่างมากถ้าเจ้าสามารถแจ้งให้เราทราบถ้ามีใครเห็นลูกเสือขาว แน่นอนว่าเรามิขอร้องให้เจ้าช่วยฟรีๆ ครั้นเมื่อเราพบวิญญาณพิทักษ์ เราย่อมให้รางวัลนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่ให้ความร่วมมืออย่างหนัก”

 

โหลวหลานจีพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจักแจ้งให้ศิษย์ข้าและบอกพวกเขาเฝ้าระวัง–”

 

“โอ มีอีกอย่าง”

 

ผู้อาวุโสวันพลันกล่าวขึ้น “ถ้าเจ้าพบวิญญาณพิทักษ์และซ่อนมันไว้จากพวกเราและพวกเราพบเห็น นั่นย่อมมิใช่วันที่ดีสำหรับพวกเรา…”

 

โหลวหลานจีหรี่ตาและกล่าวว่า “ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ท่านมิควรข่มขู่คนหลังจากที่ขอความช่วยเหลือ”

 

ผู้อาวุโสวันหัวเราะหึและกล่าวว่า “อย่าถือว่านี่เป็นการล่วงเกินเพื่อนเต๋า มันเป็นแค่การเตือนในกรณีที่บางคนมีความคิดตลกๆ”

 

“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ามิมีสิ่งใดที่จะพูดแล้ว ข้าควรถือโอกาสอำลา”

 

ผู้อาวุโสวันหันกายและออกไปจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย หายลับไปจากสายตาโหลวหลานจีอย่างรวดเร็ว

 

ครั้นเมื่อพวกเธอมั่นใจว่าผู้อาวุโสวันจากไปเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสอูก็แค่นเสียงเย็นชา “ช่างเป็นคนหยิ่งยะโสและหยาบคาย เจ้านิกายลืมเรื่องพวกเขาไปและไม่ต้องช่วยพวกเขา”

 

โหลวหลานจีส่ายหน้าและกล่าวว่า “เขาอาจจะเป็นไอ้หน้าตูด แต่เขามีความสามารถที่จะเป็นหนึ่งในหล้า ในภูมิภาคตะวันตก นิกายล้านอสรพิษอยู่เบื้องสูง สำหรับพวกเขาที่ได้สังเกตเห็นพวกเราถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว”

 

“แล้วเรื่องวิญญาณพิทักษ์นั่น หรือว่ามีวิญญาณพิทักษ์ในบริเวณใกล้เคียงนี้จริง ข้ากลัวว่าสงครามจะเกิดขึ้นและพวกเราอาจจะตกอยู่ท่ามกลางพวกมันด้วย…”

 

เพราะว่าผู้อาวุโสอูไม่รู้เรื่องการปรากฏตัวของเซียวไป่ เธอจึงไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์

 

“เรื่องนั้น…”

 

โหลวหลานจีถอนใจ รู้สึกสับสน

 

ถ้านิกายล้านอสรพิษรู้ว่าพวกเธอมีเซียวไป่ ย่อมเป็นหายนะต่อทั้งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย และโหลวหลานจีย่อมไม่ปรารถนาที่จะเสียสละทั้งนิกายและศิษย์ทุกคนเพียงเพื่อวิญญาณพิทักษ์หนึ่งตัว

 

“ถ้าเพียงแต่เซียวไป่โตเต็มวัย…แต่ช่างโชคร้าย ข้ามิอาจรอจนกระทั่งครบเดือนเพื่อให้เธอเติบโตโดยมีนิกายล้านอสรพิษค้นหารอบสถานที่นี้อย่างแข็งขัน ข้าจักต้องปล่อยเซียวไป่ไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…” โหลวหลานจีถอนใจอีกครั้ง

 

“ฟางซีหลานจักต้องมิชอบข่าวนี้แม้แต่น้อย…”

 

โหลวหลานจีหันไปมองยังทิศทางห้องสวีทแห่งศลิษา รู้สึกเสียใจกับสถานการณ์ทั้งหมด

 

ทันใดนั้นเอง คลื่นกระแทกอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้น กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็ว

 

“โอ ไม่” ใบหน้าโหลวหลานจีพลันซีดเผือดเมื่อเธอตระหนักว่าอะไรคือต้นเหตุของคลื่นนั้น

 

“มันเกิดขึ้นอีกแล้ว…คลื่นนี้อะไรเป็นถึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ มันเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสี่วันก่อน” ผู้อาวุโสอูคิดสงสัยขณะที่คลื่นเคลื่อนผ่านร่างของเธอ จนทำให้ร่างของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย

 

ใช่แล้วเป็นเซียวไป่ที่ทำให้เกิดคลื่นนี้เกิดขึ้น เพราะว่านั่นเป็นเวลาสี่วันแล้วนับตั้งแต่เธอถูกป้อนหญ้าเงินเจ็ดใบ ฟางซีหลานได้ป้อนใบใหม่ให้กับเธอวันนี้ก่อนที่จะจากไปยังห้องสวีทแห่งศลิษาเพื่อพบกับซูหยาง

 

“นี่ต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมนิกายล้านอสรพิษเลือกที่จะปรากฏตัวในพื้นที่นี้ พวกเขาคงรับรู้ถึงปราณไร้ลักษณ์ของเซียวไป่เมื่อสี่วันก่อน”

 

โหลวหลานจีไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปในเวลานั้นและได้เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

 

ไม่มีทางที่นิกายล้านอสรพิษจะไม่สังเกตพบสิ่งนี้เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้อาวุโสวันเพิ่งจากไปไม่นานนัก

 

หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะ โหลวหลานจีก็กัดฟันตะโกนไปยังผู้อาวุโสวู “รวบรวมผู้อาวุโสนิกายและศิษย์ทั้งหมดไปที่เขตกลางและเตรียมพร้อมรบ นิกายล้านอสรพิษจักมาถึงที่นี่ได้ทุกขณะ”

 

“ข-ขออภัย…”

 

ผู้อาวุโสอูยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางงุนงง เธอไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมโหลวหลานจีจึงพูดถ้อยคำเหล่านั้น แต่ใครก็โทษว่าเธอไม่ได้ในเมื่อใครก็ตามที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเธอก็ต้องแตกตื่นตกใจ

 

“รีบเร็วเข้าและทำตามที่ข้าพูด นี่เป็นคำสั่ง”

 

หลังจากที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นแล้ว โหลวหลานจีก็วิ่งไปยังที่พักของโหลวหลานจี ปล่อยให้ผู้อาวุโสอูยืนอยู่ตรงนั้นราวกับลูกไก่ที่สับสน

 

ในเวลานั้นผู้อาวุโสวันซึ่งเพิ่งจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ส่งข้อความไปถึงเจ้านิกายของนิกายล้านอสรพิษถึงคลื่นในอากาศ

 

“ยืนยันว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีเสือขาวในครอบครอง”

 

“ดี ดี ดี เจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ผู้อาวุโสวัน ข้าจักปล่อยทุกอย่างไว้ในมือเจ้า”

 

เสียงแสดงความดีใจของเจ้านิกายได้ยินออกมาจากป้ายหยกสื่อสาร

 

ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสวันพร้อมด้วยผู้กล้าจากนิกายล้านอสรพิษก็ตรงเข้าไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและล้อมพวกเขาไว้ด้วยกลิ่นอายของความกระหายเลือด