DC บทที่ 258: ผู้ใช้ค่ายกล

 

จอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษตรงเข้าไปหานิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหลังจากที่รับรู้ถึงปราณไร้ลักษณ์ของเซียวไป่ที่ปะทุออกจากสถานที่นี้

 

แม้ว่าคนสามสิบคนอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรในเมื่อนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีผู้อาวุโสอย่างน้อยร้อยคนและศิษย์อีกหลายพันคน แต่จอมยุทธแต่ละคนจากนิกายล้านอสพิษขั้นต่ำอยู่ที่เขตปฐพีวิญญาณ บางคนอยู่กระทั่งเขตอัมพรวิญญาณ

 

ในเวลานี้ นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยไม่มีจอมยุทธแม้สักคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ และมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่เขตปฐพีวิญญาณ

 

ต่อให้ครึ่งหนึ่งของจอมยุทธสามสิบคนนี้ไม่แม้จะกระดิกนิ้ว นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ยังไม่มีโอกาสต่อสู้กับนิกายล้านอสพิษ

 

นี่เป็นความแตกต่างระหว่างนิกายระดับกลางและผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของภูมิภาค ราวฟ้ากับดิน

 

ในขณะที่นิกายล้านอสรพิษมุ่งตรงไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอยู่นั้น ซูหยางและฟางซีหลานยืนอยู่บริเวณหน้าห้องสวีทแห่งศลิษา ดูเหมือนว่ากำลังเตรียมตัวเข้าไปในนั้น

 

อย่างไรก็ตามเพราะว่าระลอกคลื่นที่เซียวไป่ได้สร้างขึ้น พวกเขาจึงยังยืนอยู่ที่นั่นนานกว่าเดิมอีกหลายนาที

 

“หมายความว่านี่จักต้องเกิดแบบนี้ทุกสี่วันละสิ เฮ้อ…” ฟางซีหลานถอนใจ

 

เธอจึงหันไปมองดูซูหยางและกล่าวว่า “เป็นเพราะว่าเจ้าที่ลืมสิ่งที่สำคัญเช่นนี้ ข้าเกือบหัวใจวายในครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น”

 

ซูหยางเพียงแค่ยักไหล่กับคำกล่าวของเธอ

 

“มันจักสงบลงเองในอีกไม่กี่นาที”

 

อย่างไรก็ตาม ฟางซีหลานไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเซียวไป่ตื่นเต้น กลับกันเธอกังวลว่าริ้วคลื่นอาจจะกระตุ้นความสนใจโดยไม่จำเป็น

 

“ถ้าคนรู้ถึงตัวตนของเซียวไปเพราะเรื่องนี้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่นี้…” เธอถอนหายใจ

 

“ก็เพียงแค่โยนเสือหิมะนั่นเข้าไปในค่ายกลปิดบังก่อนที่จะป้อนหญ้าเงินเจ็ดใบให้เธอ”

 

“นั่นพูดง่ายกว่าทำ ผู้เชี่ยวชาญด้านยันต์และค่ายกลนั้นหายากเป็นพิเศษในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถสร้างค่ายกลที่สามารถซ่อนคลื่นพลังที่รุนแรงเช่นนั้น”

 

แม้ว่าจะไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการเรียนค่ายกลและยันต์ แต่ก็ไม่มีผู้ฝึกยุทธมากเท่าไหร่ที่ปรารถนาจะใช้เวลาหลายปีเรียนรู้บางสิ่งที่ต้องการสมาธิและความอดทนเป็นอย่างสูงและไม่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้โดยตรง

 

เวลาที่จะใช้ในการสร้างค่ายกลหนึ่งหลัง ศัตรูสามารถใช้วิชาได้ไม่ต่ำกว่าสิบวิชาไม่ซ้ำกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมค่ายกลจึงยากที่จะถูกใช้ระหว่างการต่อสู้ และด้วยเหตุนั้น ผู้ฝึกยุทธหลายคนจึงมองค่ายกลและยันต์เป็นบางสิ่งที่มีไว้สำหรับสนับสนุนและป้องกัน ตามจริงค่ายกลป้องกันที่ล้ำลึกส่วนใหญ่มักจะต้องการใช้เวลานับปีในการสร้างจนสำเร็จ

 

“ข้าจักสร้างค่ายกลปิดบังรอบที่พักของเจ้าหลังจากเรื่องนี้ ค่ายกลที่แข็งแกร่งพอที่จะกันไม่ให้ริ้วคลื่นนี้กระจายออกไป” ซูหยางกล่าว

 

“เจ้าเป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วยรึ” ฟางซีหลานมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

นอกจากจะเป็นนักปรุงยาแล้ว เขายังเป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขามีพลังการฝึกปรือลึกล้ำขณะที่เพียงมีอายุเท่านี้

 

ฟางซีหลานอดที่จะประหลาดใจว่าตัวตนของซูหยางจะกลายเป็นแบบไหนกันยามเมื่อเขาโตขึ้น ในเมื่อเขาได้เป็นสัตว์ประหลาดที่ท้าทายตรรกะไปแล้วในตอนนี้

 

“อย่างไรก็ตามอย่ายืนอยู่ตรงนี้อีกเลย ริ้วคลื่นจักหายไปในเวลาไม่นานนัก และทุกสิ่งก็จักกลับคืนสู่ปกติ”

 

ซูหยางเริ่มตรงเข้าไปในทางเข้าแห่งหนึ่งของห้องสวีทแห่งศลิษา

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้เข้าไปในที่แห่งนั้น ฟางซีหลานก็ตะโกนขึ้น “รอสักครู่ ข้าเห็นร่างเจ้านิกายมุ่งตรงมาทางพวกเรา ดูเหมือนเธอกำลังกระวนกระวาย”

 

ซูหยางหยุดเท้าหันไปมองทางโหลวหลานจีซึ่งกำลังวิ่งมาทางพวกเขาด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยเหงื่อและความกระวนกระวายใจ ในอ้อมแขนของเธอเป็นเซียวไป่ซึ่งดูเหมือนไม่พอใจที่ถูกเธออุ้มมา

 

“ศิษย์ฟาง ซูหยาง พวกเจ้ากำลังจะทำอะไรกัน นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน”

 

โหลวหลานจีตะโกนใส่พวกเขาจากที่ไกล

 

“เกิดอะไรขึ้น เจ้านิกาย” ฟางซีหลานถามเธอพร้อมขมวดคิ้ว

 

“นิกายล้านอสรพิษรู้ถึงการปรากฏตัวของเซียวไป่ ไม่เพียงแค่นั้นแต่พวกเขากำลังมาที่นี่ขณะที่พวกเรากำลังพูด”

 

“ท่านว่ากระไรนะ” ฟางซีหลานอุทานออกมาเสียงดัง “ภูมิภาคตะวันตกนิกายล้านอสรพิษ อะไรทำให้พวกเขามาที่นี่”

 

“ข้ามิมั่นใจนักแต่ดูเหมือนพวกเขารู้เรื่องเซียวไป่ก่อนที่เราจะได้ตัวเธอ และพวกเขามาที่นี่เพื่อเธอ”

 

“ม-ไม่มีทาง..เราควรทำอะไรดีตอนนี้ ท่านเจ้านิกาย”

 

โหลวหลานจีมองดูเธอและส่ายหน้า “ถ้าเรามิยอมให้เซียวไป่ แน่นอนว่านิกายล้านอสรพิษจักต้องใช้กำลัง และนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเราก็มิสามารถต่อกรกับพลังมหาศาลดังเช่นนิกายล้านอสรพิษได้ และถึงแม้ว่าเราจะขับไล่พวกเขาในวันนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจักต้องกลับมาด้วยกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม”

 

ฟางซีหลานพลันเงียบลงไป สายตาเธอจับจ้องไปยังเซียวไป่

 

“เซียวไป่…”

 

แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะยอมยกเซียวไป่ไปง่ายๆ ฟางซีหลานรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก หรือไม่พวกเธอก็จักต้องเสี่ยงกับการล่วงเกินนิกายล้านอสรพิษทั้งหมด หนึ่งในนิกายที่ทรงอำนาจที่สุดภายในทวีปตะวันออก

 

“เอาจริงรึ หลังจากที่ข้าได้ใช้ความพยายามทั้งหมดไปกับการเพาะหญ้าเงินเจ็ดใบงั้นรึ” ซูหยางส่ายหน้าในใจ

 

“เจ้าพวกบ้านิกายล้านอสรพิษนี้เป็นใคร ว่ามาหน่อยซิ” เขาถาม

 

โหลวหลานจีมองดูซูหยางที่มีท่าทางสงบเฉยแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “พวกเขาเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในเขตตะวันตก จอมยุทธเขตปฐพีวิญญาณมีมากมายนักในสถานที่แห่งนั้น และพวกเขาก็ยังมีจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณอีกสองสามคนในนั้นด้วย เป็นที่ที่เรามิอาจจะล่วงเกิน”

 

“อืมมม…อย่างนั้นรึ…” ซูหยางหรี่ตา

 

“อย่างไรก็ตามพวกเจ้าทั้งสองคนควรตรงไปยังเขตกลางและเตรียมพร้อมในกรณีที่การต่อสู้ปะทุขึ้น” โหลวหลานจีกล่าว

 

“ท่านจะทำอะไรต่อไป ท่านเจ้านิกาย” ฟางซีหลานถาม

 

“ข้าคง..ข้าคงต้องส่งเซียวไป่ให้กับพวกเขา”

 

ฟางซีหลานพยักหน้าและตรงเข้าไปหาเซียวไป่

 

เธอลูบขนขาวปุยบนหัวเซียวไป่และพูดว่า “ข้าเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ เซียวไป่..”

 

น้ำตาไหลลงจากใบหน้าของฟางซีหลาน และเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ร้องไห้

 

เซียวไปไม่เข้าใจกับสถานการณ์แต่เธอสามารถบอกได้ว่าฟางซีหลานเศร้าในตอนนี้ทำให้มันบึ้งตึง

 

หลังจากนั้นไม่นาน โหลวหลานจีก็จากไปพร้อมเซียวไป่ ปล่อยให้ซูหยางและฟางซีหลานยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

 

“ข้าเสียใจซูหยาง แต่ข้ามิมีอารมณ์ที่จะฝึกวิชาร่วมอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้…”

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี”

 

อย่างไรก็ตามในใจของเขา เขาได้ตัดสินโทษให้นิกายล้านอสรพิษล่มสลายไปแล้วที่มารบกวนการร่วมฝึกวิชาของเขา สิ่งที่เขารังเกียจอย่างถึงที่สุด