เหล่าคนที่ตามน้ำรีบเช็ดทำความสะอาดสุราที่หกเลอะรองเท้าให้หลางฉ่าง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หลางฉ่าง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าจริงๆ แล้วสุรากระเด็นใส่รองเท้าผ้าไหมลายก้อนเมฆของซูหลีด้วย
รองเท้าผ้าไหมเรียบลื่น ฝีมือการปักเย็บประณีตละเอียดอ่อน หยดน้ำเกาะอยู่ด้านบน มิได้ซึมเข้าไป ซูหลีเองก็ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย มีเพียงเซียงซืออวี่ที่สังเกตเห็น เขาย่อกายลงไปนั่งคุกเข่าข้างเดียว แล้วใช้แขนเสื้อเช็ดหยดน้ำเบาๆ สายตาจดจ่อ สีหน้าเคร่งขรึมดูจริงใจ ราวกับนอกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีเรื่องใดสำคัญในสายตาเขาอีกแล้ว
ซูหลีมองเขาด้วยความตกใจ นางดึงเท้าถอยหนีโดยสัญชาตญาณ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วแย้มยิ้มให้นางเล็กน้อย สีหน้าราบเรียบเป็นปกติ คล้ายไม่ได้ใส่ใจการกระทำเมื่อครู่แม้แต่น้อย เหมือนเห็นว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว
ซูหลีเอ่ยพลางมองหน้าเขาด้วยสายตาสับสน “ท่าน…ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้!” ยิ่งเขาดีกับนางเท่าใด นางก็มีแต่จะยิ่งลำบากใจ
เซียงซืออวี่ยิ้มอย่างสุขุม “เรื่องเล็กน้อย ข้าเพียงทำตามที่ใจต้องการ ฉางเล่อไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
ซูหลีจนใจ ทำได้เพียงเบือนหน้าไปทางอื่น จิตใจสับสนวุ่นวาย
ฮ่องเต้กับฮองเฮาที่นั่งอยู่เบื้องบน ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกต่างออกไป
ฮองเฮาคล้องแขนฮ่องเต้แคว้นติ้งเบาๆ แย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาทสายพระเนตรดียิ่งนัก เซียงซืออวี่ผู้นี้ จริงใจกับฉางเล่อจริงๆ! ภายหน้าหากฉางเล่อแต่งงานกับเขา เขาจะต้องทะนุถนอมฉางเล่อดุจสมบัติล้ำค่าไปตลอดชีวิต เช่นที่ฝ่าบาททรงทำแน่นอนเพคะ! ตอนนี้ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้แล้วหรือยังเพคะ?”
สายตาของฮ่องเต้แคว้นติ้งไหวระริก สายตาจดจ้องไปยังร่างของธิดาอันเป็นที่รักที่อยู่เบื้องล่าง ไอหมอกก่อตัวในดวงตารางๆ ทะนุถนอมดั่งสมบัติล้ำค่า ปกป้องไปตลอดชีวิต นี่ก็คือสิ่งที่เขาปรารถนา ฉางเล่อของเขาจะต้องแต่งงานกับคนที่รักนางที่สุดในโลกนี้เท่านั้น ถึงจะไม่ถูกทำร้ายอีก! เซียงซืออวี่ คือคนที่จะสามารถปกป้องนางได้ เขามองไม่ผิด
หัวใจที่เดิมเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย กลับมาหนักแน่นอีกครั้ง ฮ่องเต้แคว้นติ้งกุมมือฮองเฮา แล้วแย้มยิ้มออกมาช้าๆ แต่สายตายังคงเต็มไปด้วยความเศร้าหมองยากจะควบคุม “ตงฟางเจ๋อเป็นคนฉลาดมีวรยุทธ์สูงส่ง เป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ แต่น่าเสียดาย เขามีความทะเยอทะยาน ความคิดซับซ้อนเกินไป กลัวว่าจะไม่สามารถปกป้องฉางเล่อไปได้ตลอด ฉางเล่อ เป็นคนสำคัญของข้า สิ่งที่นางต้องการ ไม่ใช่ราชันผู้สามารถรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง แต่เป็นสวามีที่สามารถปกป้องนางด้วยทั้งหัวใจที่มี ข้ามิอาจอยู่ปกป้องนางไปได้ตลอด ภายหน้า ขอเพียงมีเซียงซืออวี่คอยอยู่ข้างกายนางก็เพียงพอแล้ว! แม้ในอนาคต ข้าก็หวังว่าฮองเฮาจะยังคอยดูแลฉางเล่อเสมอ!”
สายตาของฮองเฮาชะงักงัน พอคิดว่าเขาจะจากนางไป นางก็ปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด ได้แต่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “หม่อมฉันจะดูแลนางอย่างดี หากฝ่าบาทต้องการปกป้องผู้ใด หม่อมฉันก็จะปกป้องผู้นั้น! เด็กคนนี้ หม่อมฉันเห็นนางเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของหม่อมฉันนานแล้ว”
ฮ่องเต้แคว้นติ้งพยักหน้าอย่างวางใจ ฮองเฮาของเขา ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง
สุราที่หกด้วยอุบัติเหตุถูกเก็บกวาดจนสะอาด ระหว่างที่หลางฉ่างกลับไปเปลี่ยนรองเท้า เหล่าขุนนางก็แวะเวียนเข้ามาดื่มสุราคารวะฮ่องเต้แคว้นติ้ง ฮ่องเต้แคว้นติ้งสุขภาพอ่อนแอ ดื่มสุรามากไม่ได้ แต่เพราะเป็นวันมงคล จะไม่ดื่มก็ทำไม่ได้ ซูหลีรับถ้วยสุราในมือฮ่องเต้แคว้นติ้งไป หมายจะดื่มแทนเขา แต่กลับถูกเซียงซืออวี่ฉวยถ้วยสุราไปก่อน
เซียงซืออวี่หันหน้าไปหาเหล่าขุนนาง ยิ้มกว้าง แล้วกล่าวเสียงดังกังวาน “ฉางเล่อดื่มสุราแทนฝ่าบาท ซืออวี่ดื่มสุราแทนฉางเล่อ สุราถ้วยนี้ ข้าน้อยขอดื่มคารวะให้ทุกท่าน”
ทุกคนล้วนรู้ว่า เขาเป็นว่าที่พระสวามีขององค์หญิงฉางเล่อ การดื่มสุราแทน จึงไม่ใช่เรื่องเสียมารยาท อีกทั้งเห็นสายตาของฮ่องเต้แคว้นติ้งที่มองเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและชื่นชม จึงไม่สะดวกกล่าวมากความ ทำได้เพียงดื่มสุราตามเท่านั้น
ครั้นเวียนดื่มจนรอบวง เหล่าขุนนางรื่นเริง ฮ่องเต้แคว้นติ้งสำราญใจ เซียงซืออวี่กลับเริ่มยืนซวนเซ ซูหลีรีบประคองเขา แล้วกล่าวถาม “ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เซียงซืออวี่ตาปรือออกอาการมึนเมา หันมามองนางแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นไร ข้ายังดื่มไหว!”
เขาชูถ้วยสุราขึ้นมา แล้วชนแก้วกับคนที่เข้ามาคารวะ หมายจะยกขึ้นดื่ม ซูหลีรีบคว้าแขนเขา แล้วเอ่ยห้ามปราม “อย่าดื่มอีกเลย ท่านเมาแล้ว”
เซียงซืออวี่หันไปมองนาง นางอยู่ใกล้แค่นี้ กลีบปากแดงสดงดงามกำลังขยับพูด เขาได้ยิน แต่ก็คล้ายไม่ได้ยิน ด้วย ภาพตรงหน้าราวกับกลายเป็นอีกภาพหนึ่ง ท่ามกลางสายตาอันพร่าเลือน ชุดแต่งงานสีแดงสดงดงามตรึงใจ แขกเหรื่อเต็มห้องโถง ราวกับกำลังอวยพรให้เขากับนาง งานแต่งครั้งนี้ หากเป็นงานของเขากับนาง จะดีแค่ไหนกันนะ!
เซียงซืออวี่หัวใจสั่นไหว กอดนางอย่างไม่อาจห้ามใจ ดวงตาหรี่ลงด้วยความเมามาย ขยับกลีบปากเข้าไปใกล้ ซูหลีตกใจ ผลักเขาออก แล้วตวาดเสียงต่ำ “เซียงซืออวี่!”
เซียงซืออวี่อ่อนแรงด้วยความเมามาย เสียหลักทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงไปนั่งบนพื้น ในงานเลี้ยงอันคึกคัก เหล่าแขกเหรื่อต่างเมามาย ต่างพากันหัวเราะเสียงดัง
อัครเสนาบดีลู่เจี่ยนไป๋หัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ดูท่าราชบุตรเขยคงดื่มจนเมามายแล้ว!” ทุกคนหัวเราะเสียงดัง ในสายตาพวกเขา ฐานะของว่าที่ราชบุตรเขยซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทผู้นี้ จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป
เซียงซืออวี่เสียหลักล้มนั่งบนพื้น กลับไม่แยแส เขาจ้องหน้าซูหลีอย่างจริงจัง อ้าปากเอ่ยวาจาก็เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา เขาหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เมา ข้าจำเจ้าได้ เจ้าเป็นภรรยาของข้า!” นัยน์ตาคมเข้มจ้องนางอย่างหนักแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเสน่หา ราวกับคนตรงหน้าได้สลักอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขาอย่างไม่อาจถอนตัวได้อีกแล้ว
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับมีเงาของใครคนหนึ่งทับซ้อนขึ้นมา เซียงซืออวี่คนนี้เมื่อเมามายก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความรู้สึกคุ้นเคยที่คล้ายห่างหายไปนานบังเกิดขึ้นในใจรางๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
มีคนเดินเข้าไปช่วยประคองเขา แต่กลับถูกเขาผลักออก เขาจ้องซูหลีไม่ละสายตา ท่ามกลางเสียงหัวเราะมากมาย จู่ๆ เขาก็หัวเราะตามไปด้วย แต่รอยยิ้มนั้นกลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าและเจ็บปวด
หัวใจของซูหลีบีบรัด อวิ๋นฮุ่ยสะกิดแขนนาง แล้วเอ่ยเสียงเบา “รีบประคองเขาขึ้นมาเถิด อย่าปล่อยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะอีกเลย!”
ซูหลีหมายจะเดินเข้าไปประคองเขา เขากลับตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเอง แม้ยืนไม่มั่นคง แต่ก็ยังไม่ลืมหันไปค้อมกายให้ฮ่องเต้แคว้นติ้ง “เซียงซืออวี่เมามายจนเสียมารยาท ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นติ้งโบกมือ เหล่าแขกเหรื่อต่างพากันแยกย้าย ฮ่องเต้แคว้นติ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าเมามายเพราะข้า ข้าจะเอาผิดเจ้าได้เช่นไร ฉางเล่อ ราชบุตรเขยเมาแล้ว เจ้าส่งเขากลับไปพักที่หอเฉี่ยนเยวี่ยเถิด”
ซูหลีเพียงก้มหน้ารับคำ “เพคะ” นางเดินเข้าไปประคองเซียงซืออวี่ออกจากตำหนัก เซี่ยอวิ๋นเซวียนที่นั่งอยู่ข้างประตูพลันเงยหน้าขึ้น เขามองเซียงซืออวี่ที่กำลังเมามาย สายตาคล้ายแฝงแววห่วงใย ทำท่าจะเอ่ยปากแต่ก็หยุดไป ซูหลีสังเกตเห็นสายตาเขา ครั้นเห็นนางมองมา เขาก็รีบก้มหน้าลงไป
หอเฉี่ยนเยวี่ยอยู่ใกล้ตำหนักบูรพา มีไว้สำหรับรับแขกโดยเฉพาะ คนในวังส่วนใหญ่ล้วนไปร่วมฉลองในงานเลี้ยงที่ตำหนักบูรพา ที่นี่จึงเงียบงันร้างไร้ผู้คน เพียงกำแพงกั้น ฝั่งนั้นบรรยากาศครื้นเครง ฝั่งนี้กลับเงียบสงบไร้เสียง
ซูหลีประคองเขานั่งลงบนเตียง รินชาร้อนให้เขา เซียงซืออวี่เอนกายพิงราวเตียง ยกมือรับถ้วยชาไป อุณภูมิอุ่นร้อนของน้ำชาในถ้วยแทรกซึมผ่านเครื่องเคลือบกระเบื้องสู่กลางฝ่ามือเขา หัวใจอันหนาวเหน็บก็คล้ายจะอบอุ่นตามไปด้วย เขามองหน้าซูหลี ดวงตาหรี่ลงด้วยความเมามาย สายตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย
พิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทหลางฉ่าง ในวังเต็มไปด้วยสีแดงแห่งงานมงคล แม้แต่คานประตูของหอเฉี่ยนเยวี่ยยังมีผ้าไหมสีแดงแขวนไว้ สีแดงสดสะดุดตา ราวกับเวลาได้หวนย้อนกลับ ชั่วขณะหนึ่ง เขามองเห็นสตรีที่สวมชุดมงคลสีแดง ค่อยๆ เอื้อมมือออกมาวางลงกลางฝ่ามือเขา เขากุมมือนางแน่น หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น สาบานกับตนเองว่าจะปกป้องนางไปตลอดชีวิต แต่ทว่า เพียงชั่วพริบตา มือข้างนั้นกลับถูกมือของใครอีกคนกระชากนางออกจากมือของเขา! เขาอยากไขว่คว้านางคืนมา แต่สวรรค์กลับไม่เป็นใจ…
————————————-