“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้านั่งอยู่ตรงนี้เพื่ออะไรกัน” หลังจากฉินมู่ปิงกับจี้ฉินเดินตามซูหลีทัน เมื่อเห็นท่าทางของซูหลีในเวลานี้ คิ้วของจี้ฉินก็ย่นขึ้นและถามประโยคนี้ออกมา
ทว่าสายตาของฉินมู่ปิงกับตวัดมองไปทางนั้นปราดหนึ่ง
“ข้า…รู้สึกเย็นสบายจนทนไม่ไหวแล้ว” ซูหลีหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา นางหกล้มเช่นนี้เป็นการทำให้นางเสียชื่อ!
นี่เป็นการหกล้มในพื้นระนาบโดยแท้!
“…” จี้ฉินหมดคำจะพูด
“ปล่อยข้านะ! เจ้าไม่ได้ยินหรือ!?” ทางแม่นมที่เป็นคนข้างกายของเจียงโม่อวี้ยังพยายามผลักชุยตานที่ยืนขวางทางเอาไว้
ซูหลีที่นั่งอยู่บนพื้นเห็นดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้น นางยื่นมือออกมาและเอ่ยว่า “ดึงข้าขึ้นที”
คำพูดนี้ซูหลีพูดกับสาวใช้ทั้งสองคนของนาง ใครจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวของฉินมู่ปิงจะเร็วยิ่งกว่า เขายื่นมือของตนให้กับซูหลี ซูหลีไม่แม้แต่มอง นางคว้ามือของเขาและดันตัวลุกขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เหลือบตาขึ้นมองจะสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือยากจะเข้าใจคู่นั้นของฉินมู่ปิง
“…ขอบคุณซื่อจื่อ” ซูหลีอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงดึงมือของตนเองกลับมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ฉินมู่ปิงกวาดตามองที่มือของตนเองอยู่ปราดหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ทว่าซูหลีกลับเดินขากระแผลกไปทางชุยตาน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน โหว-ฮู-หยิน!” ซูหลียืนนิ่งและใช้สายตาเย็นชาตวัดมองไปที่เจียงโม่อวี้และพูดทีละคำ
โหวฮูหยินสามคำนั้น เมื่อถูกนางเอ่ยขึ้นกลับให้ความรู้สึกถากถางอย่างบอกไม่ถูก
เจียงโม่อวี้ชะงักไปในทันที ผ่านไปพักหนึ่งก็หมุนกายหันมา
สีหน้าของนางดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก ใครก็ไม่ทราบว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ถึงได้เจอซูหลีในวันนี้
ทันทีที่ฉุกคิดถึงบทสนทนากับคนผู้นั้นภายในสวน นางไม่รู้ว่าซูหลีจะได้ยินไปมากน้อยเพียงใด วันนี้เพื่อมาเจอคนผู้นั้น นางจึงพาคนข้างกายอย่างแม่นมมาด้วยเท่านั้น ทางด้านซูหลีมีคนจำนวนมาก หากต้องการกระทำสิ่งใดขึ้นมา เกรงว่าคนอย่างนางจะต่อต้านไม่ไหว
เมื่อเจียงโม่อวี้หันมา แม้กระทั่งจี้ฉินก็ยังจำได้ว่านางคือใคร สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง
“ดูเหมือนว่าบุตรของฮูหยินจะคลอดอย่างปลอดภัย” ซูหลีมองเจียงโม่อวี้อย่างวิเคราะห์อยู่ปราดหนึ่ง เพราะนางหกล้มเมื่อครู่นี้ทำให้นางยืนได้อย่างไม่มั่นคงนัก เย่ว์ลั่วเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปประคองนางไว้
ไป๋ฉินรู้สึกรังเกียจเจียงโม่อวี้เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเจียงโม่อวี้ผู้นี้ อากัปกริยาของนางยังตอบสนองไม่ทัน จึงไม่ได้เข้าไปหาซูหลีในทันที
“ไม่ได้ถูกฆ่าทำร้ายในเวลานั้น ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียจริง” ใบหน้าของซูหลีฉายแววถากถาง คำพูดของนางก็ยังมีความนัยอย่างลึกซึ้งแฝงอยู่ สีหน้าของเจียงโม่อวี้ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก และนางก็มองไปที่ซูหลีด้วยโทสะ
ซูหลีกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าในบริเวณนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดเลย
ทว่าก่อนหน้าที่นางจะมาถึงที่นี่นางกลับได้ยินเสียงของเจียงโม่อวี้คุยกับอีกคนอยู่ เสียงนั้นเป็นเสียงของสตรีที่เยาว์วัย ทว่าไม่ใช่เสียงแม่นมข้างกายของเจียงโม่อวี้
นางแค่นยิ้มเย็นออกมา คนอีกคนหนึ่งนั้นหนีไปอย่างรวดเร็วจริงๆ
เพียงแต่เสียงนั้นคุ้นหูยิ่งนัก แม้ซูหลีจะไม่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย แต่ภายในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
ดูเหมือนว่าในเมืองหลวงจะมีคนรังเกียจนางจำนวนไม่น้อย
“ไม่ได้เจอกันนาน คุณชายซูยังเป็นคนชอบพูดล้อเล่นเหมือนเดิม ข้าน้อยยังมีเรื่องต้องไปสะสาง ไม่สามารถที่จะอยู่ต่อได้จึงขอตัวลา เชิญคุณชายซูชมดอกเหมยตามสบายเจ้าคะ!” หลังจากเจียงโม่อวี้หยุดชะงักไปพักใหญ่ จากนั้นก็หายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่งและเอ่ยประโยคนี้ออกมา
นางหมุนกายเตรียมจะตามแม่นมผู้นั้นเดินออกไป
“ช้าก่อน!” ซูหลีออกคำสั่ง ชุยตานจึงเข้าขวางทางพวกนางโดยทันที
“ใต้เท้าซูนี่หมายความว่าอย่างไร” สีหน้าของเจียงโม่อวี้เก็บอาการต่อไปไม่ไหว
“ไม่มีอะไร” ซูหลีแสยะยิ้มเย็นออกมา พลันเอ่ยขึ้นว่า “ข้าหกล้มอย่างรุนแรงขนาดนี้ เจ้าเอ่ยจะไปก็จะไปแล้ว ข้าคงจะขายหน้านัก”