ตอนที่ 524 มอบหมายภารกิจ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 524 มอบหมายภารกิจ

อันหลิงเกอยื่นมือออกไปจะเด็ดก้านบัวที่อยู่ใต้โคลนตมแต่คลำหามิเจอ สุดท้ายก็ดึงมือกลับมา เสียงท้องร้องด้วยความหิวดังเป็นระยะและปี้จูก็มิอยู่ด้วย

นางจึงตัดสินใจถอดรองเท้าและดึงชายกระโปรงขึ้น จากนั้นก็ก้าวลงไปในน้ำ

นางก้าวลงไปในน้ำที่มิลึกมากนักเพื่อความปลอดภัย เพียงแต่เมื่อเท้าของนางจมลงในโคลนตม พลันทำให้นางรู้สึกเย็นสะท้านขึ้นทันใด

ดังนั้นอันหลิงเกอจึงเด็ดฝักบัวมาสองสามฝักแล้วเตรียมขึ้นฝั่ง แต่พอหันกลับไปก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากนอกเรือน ในชั่วเวลาที่กำลังเหม่อลอยนั้น เท้าของนางก็เกิดลื่นไถลและกำลังกลิ้งลงไปในโคลน

“ว๊าย…” อันหลิงเกอส่งเสียงร้องยังมิทันสิ้นสุดก็ถูกคนผู้หนึ่งโอบเอวแล้วดึงกลับขึ้นฝั่ง

โดยที่คนผู้นั้นมิได้สนใจโคลนที่เปื้อนอยู่บนเท้าของนาง ทั้งยังดึงนางและฝักบัวเข้าไว้ในอ้อมกอดพร้อมกันอีกด้วย

“จวินฮาน เหตุใดจึงเป็นท่าน…”

ครั้นเห็นเขาสวมชุดสีแดงนางจึงรู้ว่าคนที่ทำให้ตกใจจนเหม่อลอยเมื่อครู่คือมู่จวินฮาน

“แล้วเยี่ยงไร มิอยากให้ข้ามาแล้วหรือ ? ”

มิใช่ว่าไม่อยาก เพียงแต่…

“แล้วท่านแยกตัวออกจากทัวป๋าหลิวลี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเกอรู้ว่าทัวป๋าหลิวลี่และแคว้นชิงเยว่ล้วนชอบสร้างความวุ่นวาย เขาลำเอียงมาหานางเยี่ยงนี้จักเผชิญหน้ากับแคว้นชิวเยว่ได้เยี่ยงไร ?

“นางดื่มสุราจนเมามายไปแล้ว”

เมื่อเขากล่าวจบ อันหลิงเกอก็เห็นรอยยิ้มลึกลับบนมุมปากของเขา นางก็เข้าใจความหมายของเขาทันที ดูท่าแล้วเขาคงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาหานางที่นี่

“เหตุใดท่านถึง…”

“หรือเจ้าอยากเห็นข้าอยู่กับสตรีอื่น ? ” มู่จวินฮานเอ่ยถามอย่างเปิดเผย ทำให้อันหลิงเกอหน้าแดงระเรื่อ

“ท่าน…อือ”

ยังมิทันที่เสียงของนางจะสิ้นสุดก็ถูกมู่จวินฮานจับท้ายทอยแล้วโน้มริมฝีปากลงมาประกบริมฝีปากของนางเสียก่อน

อันหลิงเกอคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานทำรุ่มร่ามเยี่ยงนี้จนนางลืมขัดขืนทันที

“จวินฮาน ท่าน…”

มู่จวินฮานมิได้สนใจว่านางจะกล่าวอันใดและมิรู้ว่าคืนนี้เป็นคืนที่ต้องเข้าหอกับผู้ใดเพราะเขาอุ้มอันหลิงเกอเข้าไปในห้องทันที

กลายเป็นคืนที่มิได้นอนหลับอีกหนึ่งคืน

“เฮ้อ…”

ในตอนที่อันหลิงเกอลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็รู้สึกได้ถึงความปวดเมื่อยตามร่างกายราวกับป่วยหนักก็มิปาน

พลันความทรงจำเมื่อคืน…ได้ย้อนเข้ามาในสมอง นางมิได้ปฏิเสธมู่จวินฮานเลยหรือ ?

เหมือนในห้วงความทรงจำยังมีอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา บอกว่านางคือพระชายาของมู่จวินฮาน แล้วเหตุใดต้องปฏิเสธเขาด้วย ?

ในขณะที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น มู่จวินฮานที่อยู่ข้างกายก็ลืมตาขึ้น

“กำลังคิดถึงข้าหรือ ? ”

มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ทันทีที่ได้ยินเสียงหยิ่งยโสและอวดดีของเขาก็ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา

“ข้ามิได้คิดถึงท่านเจ้าค่ะ” แม้ในใจซื่อสัตย์แต่นางยังเมินหน้าหนีไปทางอื่น มิยอมมองหน้าเขา

“เจ้ารักข้ามากใช่หรือไม่ ? ”

พอมู่จวินฮานเอ่ยถามเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกและพยักหน้า

“เจ้าค่ะ”

เห็นนางมิปฏิเสธ นัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวขึ้นมา

“เกอเอ๋อ ชาตินี้ข้ามิมีวันปล่อยเจ้าไปไหนเด็ดขาด!”

“ท่านอ๋อง ท่านควรไปเปลี่ยนชุดได้แล้วเจ้าค่ะ” คำกล่าวที่ว่า ‘สตรีงามเป็นเหตุให้ราชามิยอมไปว่าราชการ’ ย่อมเป็นจริงเพราะเขามัวแต่พิรี้พิไรอยู่เยี่ยงนี้

“อ๋องมู่และองค์หญิงหลิวลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีจริง ๆ คราแรกข้ายังกังวลเรื่องอภิเษกสมรสอยู่เลย ทว่าบัดนี้ได้วางใจลงแล้ว”

จ้าวหลานหยู่กล่าวเย้ยหยันออกมาเพราะคิดว่าที่มู่จวินฮานมาประชุมราชสำนักสายเยี่ยงนี้เป็นเพราะทัวป๋าหลิวลี่ มิรู้ว่าเหตุใดใบหน้าของอีกฝ่ายจึงแสดงท่าทีมีความสุขอย่างมาก

“เจียงอ๋องเอ่ยติดตลกไปแล้ว”

มู่จวินฮานมิได้อธิบายอันใด ครั้นจ้าวหลานหยู่เห็นจึงปล่อยผ่านไป

เพราะรู้ว่าในใจของจ้าวหลานหยู่กำลังคิดอันใดอยู่ หากเขาเมินเฉยต่ออันหลิงเกอเพราะทัวป๋าหลิวลี่ อีกฝ่ายก็จะถือโอกาสแทรกตัวเข้ามา แผนการนี้ช่างตื้นเขินยิ่งนัก

“ช่างเถิด วันนี้ฮ่องเต้ทรงมีราชกิจเร่งด่วนที่จะปรึกษาเจ้า ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็เข้าไปข้างในกัน”

มู่จวินฮานเดินเข้าไปในท้องพระโรง เดิมทีเขาคิดว่าจักมีเหล่าขุนนางอยู่ด้วยแต่คาดมิถึงว่ามีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

“ช่วงนี้เผ่าปิงชวนเกิดความวุ่นวาย บุตรชายของข้าจักแบ่งเบาความกังวลได้หรือไม่ ? ”

เผ่าปิงชวนอย่างนั้นหรือ ?

ผู้ใดก็รู้ว่าเผ่าปิงชวนเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งและเป็นปึกแผ่นเดียวกันที่สุด หลายปีมานี้พวกเขาได้ยึดชนเผ่าบริเวณโดยรอบไปแล้วกว่าสิบชนเผ่า

ก่อนหน้านั้นมู่จวินฮานเคยไปเผ่าปิงชวนเพื่อเก็บสมุนไพรกับอันหลิงเกอจึงได้รู้ถึงความน่ากลัวของที่นั่น

เพราะพื้นที่ทางตอนเหนือสุดมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ล้วนมิรู้จัก

“กระหม่อม…”

มู่จวินฮานยินยอมพร้อมขมวดคิ้วและมิอยากให้จ้าวหลานหยู่ต้องคุกเข่าลง

“ทูลฟู่หวง ลูกในฐานะองค์ชายสมควรแบ่งเบาความกังวลของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ! ”

จ้าวหลานหยู่ปกติมิยอมให้ตนตกอยู่ในอันตรายโดยเด็ดขาด เหตุใดวันนี้จึง…

เนื่องจากเผ่าปิงชวนอันตรายมาก แต่เขายอมไปเสี่ยงชีวิตแสดงว่าต้องมีแผนการชั่วร้ายเป็นแน่

“เจียงอ๋องมิจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้ เรื่องการสู้รบเป็นภาระหน้าที่ของข้า เจียงอ๋องสมควรไปบริหารจัดการบ้านเมืองและการปกครองดีกว่า”

ปกติแล้วเรื่องที่ต้องเสี่ยงอันตราย ฮ่องเต้ล้วนมอบหมายงานให้มู่จวินฮาน

“อ๋องมู่กล่าวถูกต้อง เผ่าปิงชวนอันตรายเป็นอย่างมาก หากพวกเจ้าทั้งสองร่วมใจกัน ข้าก็ยิ่งวางใจ”

ฮ่องเต้ทำเยี่ยงนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ ?

“ทูลฝ่าบาท มิได้เพคะ !”

เฉินเจียอวี๋วิ่งเข้ามา จากนั้นก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าพระพักตร์

“พี่สาว…”

ครั้นเห็นนางเข้ามาแล้ว จ้าวหลานหยู่ก็ยิ่งกังวลใจ ดูท่าทั้งสองคนยังตกลงกันมิได้

“เฉินเจียอวี๋ ! เจ้าวิ่งเข้ามาเยี่ยงนี้ช่างไร้มารยาท ! ข้ากำลังหารือเรื่องราชการอยู่ ! ” ฮ่องเต้บันดาลโทสะอย่างเห็นได้ชัดแต่เฉินเจียอวี๋ยังไร้ทีท่าจะถอยออกไป

“ทูลฝ่าบาท องค์ชายของหม่อมฉันมิเคยออกรบมาก่อน การให้เขาไปเผชิญหน้ากับเผ่าปิงชวนเยี่ยงนี้หม่อมฉันจะวางใจได้เยี่ยงไรเพคะ”

ใช่ว่าเฉินเจียอวี๋มิเห็นด้วยกับทางเลือกของจ้าวหลานหยู่ แต่นางมิอาจสูญเสียเขาไปได้

เพราะนางมิอาจทนเห็นความหวังตายไปต่อหน้าต่อตา

“บังอาจ ! ไร้ยางอายยิ่งนัก ! อีกอย่างก็มีอ๋องมู่ไปด้วย เจียงอ๋องในฐานะโอรสของข้าไปเรียนรู้การสู้รบกับอ๋องมู่มิดีได้อย่างไร ? ”

เห็นชัดว่าตอนนี้ฮ่องเต้โปรดปรานเฉินเจียอวี๋มาก เช่นนั้นพระองค์มิมีทางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนเยี่ยงนี้แน่

“แต่…”

“พอได้แล้ว ! เฉินเจียอวี๋ เจ้ามีฐานะต้อยต่ำ ที่ข้าเมตตาก็ถือเป็นบุญคุณท่วมหัว เจ้ายังมิรู้จักคิดอีก ทหาร ! พาตัวนางออกไปและหากมิได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้ามให้นางออกจากตำหนัก ! ”

เมื่อเห็นเฉินเจียอวี๋ถูกพาตัวไป จ้าวหลานหยู่จึงได้แต่อยู่นิ่ง ๆ และมิได้กล่าวอันใดออกมา

“พี่เลี้ยงของเจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก เทียบมิได้กับหลี่กุ้ยเฟย!”

ในขณะที่ตรัสเยี่ยงนี้ออกมา สายพระเนตรก็จับจ้องไปยังจ้าวหลานหยู่ราวกับอยากเห็นท่าทีตอบสนองของอีกฝ่าย แต่ก็มิได้เห็นเขาแสดงท่าทีอันใดออกมา

“ฟู่หวง พี่สาวแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของลูก แต่ลูกมิมีวันทำให้ฟู่หวงผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ!”

ในตอนที่ลั่นวาจานี้ มู่จวินฮานสังเกตเห็นว่าทั้งสองพ่อลูกมองตากันอย่างชัดเจน ราวกับ…

มองแล้วสิ่งที่เขาคาดเดาไว้จะมิผิดเพี้ยน

ฮ่องเต้และจ้าวหลานหยู่ต้องมีการตกลงอันใดบางอย่าง หากเป็นเยี่ยงนี้อาจมิเป็นผลดีต่อตัวเขาเสียแล้ว

“มิได้ ข้าจักไปกับท่านเจ้าค่ะ ! ”

เมื่ออันหลิงเกอได้ทราบเรื่องก็มิอาจทนรออยู่ในจวนอย่างสงบได้ เผ่าปิงชวนเชี่ยวชาญการลอบโจมตี หากนางไปด้วยต้องช่วยเหลือเขาได้แน่นอน