ตอนที่ 417 นามลือเลื่องปฐพี

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 417 นามลือเลื่องปฐพี

เนื่องด้วยการที่กองกำลังดาบเทวะได้รับพระราชทานรางวัลโดยฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู ราชวงศ์อู๋เองก็รับรู้ข่าวคราวนี้แล้วเช่นกัน

ณ เมืองกวนหยุนบัดนี้ได้มีหิมะโปรยลงมาให้เชยชมแล้ว เหวินรั่วซีได้ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะและมีผ้าคลุมขนสัตว์คลุมเพื่อให้ความอบอุ่น ดวงตาคู่นั้นได้มองไปยังดอกเหมยที่ยังมิเบ่งบานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

เมื่อช่วงปลายเดือนของเดือนสามฟู่เสี่ยวกวนเคยเอ่ยไว้ว่ากองกำลังนี้มีชื่อว่ากองกำลังดาบเทวะ และแม่ทัพก็คือคนที่ข้าต้องการจะแนะนำให้กับเจ้า เขามีนามว่าไป๋ยู่เหลียน เจ้าจงรอเป็นเวลา 1 ปี หากภายใน 1 ปีนี้เจ้ามิได้ยินชื่อเสียงความสำเร็จของกองกำลังนี้ดังมาถึงหูเจ้าแล้วล่ะก็ ให้ถือเสียว่าข้ามิเคยได้เอ่ยสิ่งนี้ออกไปก็แล้วกัน แต่ถ้าหากเป็นดังที่ข้าเอ่ย…

“หากเก่งกาจถึงเพียงนั้นอย่างแท้จริง ข้าจะยอมเป็นเมียเขา ! ”

และในวันนี้กองกำลังดาบเทวะก็ได้เข้าสู่สนามรบจริง ๆ เสียที และแม่ทัพผู้ที่มีนามว่าไป๋ยู่เหลียนได้นำกองกำลังดาบเทวะจำนวน 4,000 นายปราบปรามกองกำลังของกงเซินจ่างนับแสนนาย จนฝ่ายศัตรูต้องทิ้งชุดเกราะทิ้งดาบหนีในสภาพที่น่าสมเพชเวทนา

กองกำลังเพียงแค่ 4,000 นายเท่านั้น อีกทั้งยังตามกองทัพที่เหลือของกงเซินจ่างอย่างมิลดละตลอดทั้งห้าวันห้าคืน แล้วต้อนกองกำลังที่เหลือของกงเซินจ่างเข้าไปยังหุบเขาเยว่หมิง การเดินทัพครานั้นของพวกเขาจริงจังเสียยิ่งกว่าศึกเมื่อคราเริ่มบุกโจมตีภูเขาทางตอนเหนือเสียอีก

กองกำลังเหล่านั้นของกงเซินจ่างเป็นคน มิใช่แกะเสียหน่อย !

พวกเขาวางแผนแบ่งกองทัพไปประจำสามเส้นทางหลักที่เขามั่นใจว่าศัตรูอาจจะใช้หนึ่งในสามเส้นทางนี้ในการหลบหนี ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ในทุก ๆ เส้นทางนั้นมีทหารมากสุดเพียงแค่พันกว่านายเท่านั้น

เจ้าคนพวกนี้…ช่างมีความสามารถในการรบมากยิ่งนัก !

และแล้ววันนี้กองกำลังดาบเทวะก็ได้มีนามลือเลื่องทั่วหล้า เยี่ยงนั้นแล้วตัวนางก็ควรจะรักษาวาจาใช่หรือไม่ ?

เขา…เขาจะเป็นคนเยี่ยงไรกัน ?

เหวินรั่วซีเกิดอาการเขินอายหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันพลัน ฟู่เสี่ยวกวนได้ตกตายไปเสียแล้ว สัญญาปากนี้นางย่อมสามารถทำเหมือนว่ามิเคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้ แต่ทว่านางมิได้คิดเช่นนั้น และสิ่งที่นางกำลังนึกถึงอยู่นั่นก็คือแม่ทัพที่มีนามว่าไป๋ยู่เหลียนผู้นั้น

เพราะดวงใจของนางนั้นปรารถนาที่จะสมรสกับชายผู้มากความสามารถ

ได้ยินมาว่าบัดนี้เขาได้นำกองกำลังไปโจมตีแคว้นฮวงแล้ว…หรือว่าเขาจะนำกองกำลังที่เหลือมิถึง 4,000 นายไปปะทะกับกองทัพม้าเหล็กแสงยานุภาพสูงของแคว้นฮวงกัน ?

เช่นนี้แล้วจะอันตรายเกินไปหรือไม่ ?

มิได้ ข้าต้องไปดูด้วยตนเอง !

วันพรุ่งข้าจะต้องไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดินีเพื่อให้พระนางพระราชทานกองทัพหญิงติดตามข้า ข้าต้องการไปเยือนยังแคว้นฮวง !

องค์จักรพรรดินีขึ้นครองบัลลังก์จนกระทั่งบัดนี้เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่สี่แล้ว มิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าสถานการณ์ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง แต่ก็โชคดีที่ยังมีอัครมหาเสนบดีทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาคอยรับใช้ด้วยความจงรักภักดี และก็ถือเป็นโชคดีเช่นกันที่ไทเฮายังคงมีสุขพลามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง

อู๋หลิงเอ๋อร์ชีวิตช่างแสนรันทด เป็นสตรีแต่กลับต้องแบกรับภาระปกครองแคว้น คิดดูแล้วคงทำให้นางเหนื่อยล้ามิน้อย

ในขณะที่เหวินรั่วซีกำลังกังวลถึงความเป็นความตายของไป๋ยู่เหลียนอยู่นั่นเอง อู๋หลิงเอ๋อร์ผู้ซึ่งบัดนี้กำลังประทับอยู่ที่คฤหาสน์จิ้งหูได้ราชสาสน์แจ้งสถานการณ์นี้เข้ามาก่อนหน้านั้นแล้ว

บนผืนปฐพีนี้มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่เข้าใจความหมายแอบแฝงของข่าวคราวนี้ได้อย่างถ่องแท้

ฟู่เสี่ยวกวนได้เดินทางกลับถึงซีซานแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวนนำทัพกองกำลังดาบเทวะบุกโจมตีภูเขาผิงหลิง

ฟู่เสี่ยวกวนใช้กองกำลังเพียงแค่ 4,000 นายปราบปรามกองกำลังราวแสนนายของกงเซินจ่างจนราบเป็นหน้ากลอง !

และเมื่อคืนก่อน ฟู่เสี่ยวได้กำจัดกองทัพ 20,000 นายของแคว้นฮวงเสียจนแตกพ่าย ข่าวคราวนี้มิมีผู้ใดรับรู้มากนัก แคว้นฮวงมิได้เปิดเผยข่าวนี้ให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน แต่ทว่าหน่วยสอดแนมลับได้สืบทราบสาสน์นี้มา

หน่วยสอดแนมลับเองก็มิได้หยั่งรู้เช่นกันว่าฟู่เสี่ยวกวนยังมิตาย และสิ่งที่เขาได้ลงน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดนั้นก็ได้ตกเป็นคุณงามความดีของแม่ทัพผู้ที่มีนามว่าไป๋ยู่เหลียน

“ในเมื่อท่านบุกโจมตีจนศัตรูแตกพ่ายไปแล้ว ท่านยังจะกระเสือกกระสนไปยังแคว้นฮวงเนื่องด้วยเหตุใดกัน พวกมันจะกลืนกินท่านจนสิ้นชีพเอาได้ ! ”

อู๋หลิงเอ๋อร์ยืดท้องของนางออกไป นางได้เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง ข้างกายของนางนั้นไร้ซึ่งบริวารที่เป็นสตรี แต่กลับเป็นสองแม่ทัพฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของกองทัพหญิงที่มาอยู่ข้างกายของนางแทน

อาจจะเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงอารมณ์แปรปรวนของนาง เด็กในท้องจึงได้บิดยืดตัวแล้วถีบหน้าท้องของผู้เป็นมารดา

สีหน้าของนางก็ได้อ่อนโยนขึ้นมาทันใด นางลูบท้องอย่างเบามือ แล้วเอ่ยกับบุตรในครรภ์อย่างแผ่วเบา “บิดาของเจ้าเป็นวีรบุรุษของผืนปฐพี ให้แม่ได้ทำหน้าที่ดูแลรักษาผืนปฐพีนี้แทนเขาเถิด วันใดที่เขาได้เรียนรู้มากพอแล้ว เขาก็ย่อมกลับมา”

หนีฉางและลั่วอิงนั้นมิค่อยเข้าใจสิ่งที่นางได้เอ่ยออกมา ตั้งแต่ที่นายของพวกนางได้ขึ้นมาครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดินีก็ดูเหมือนว่าความคิดของพระนางลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมมากนัก

และบัดนี้พวกนางก็ได้เข้าใจแล้วว่าเรื่องบางเรื่องก็มิบังควรถาม บางเรื่องนั้นมิบังควรเอ่ยหรือแม้แต่ได้ยิน

พวกนางพอจะคาดเดาได้แล้วว่าผู้ใดเป็นพระบิดาของเด็กในครรภ์ แต่ทว่าคนผู้นั้นได้ตายจากไปแล้ว เหตุใดพระนางถึงได้ตรัสเยี่ยงนั้นออกมากัน ?

ทันใดนั้นอู๋หลิงเอ๋อร์ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา “หนีฉาง เจ้าจงนำคำสั่งการของข้าไปให้กับถังเชียนจวิน”

“ขอฝ่าบาททรงตรัส ! ”

“ให้ถังเชียนจวินนำกองกำลังองครักษ์ชุดแดงหมื่นนายไปยังแคว้นฮวง ณ บัดนี้ เพื่ออารักขาความปลอดภัยของไป๋ยู่เหลียนและกองกำลังดาบเทวะ”

หนีฉางชะงักด้วยความตกใจทันพลัน ไป๋ยู่เหลียนเยี่ยงนั้นหรือ ?

ฝ่าบาททรงรู้จักผู้ที่มีนามว่าไป๋ยู่เหลียนด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?

ถึงกับส่งกองกำลังไปช่วยคนผู้นี้โจมตีอาณาเขตของแคว้นฮวงโดยมิคำนึงถึงผลที่จะตามมาในภายหลัง นี่มันต่างอันใดกับการประกาศสงครามกัน

“เพื่อแม่ทัพที่โดดเด่นแห่งแคว้นหยูผู้หนึ่ง…มันคุ้มค่าแล้วหรือเพคะ ? ”

อู๋หลิงเอ๋อร์กลับมิได้โกรธกริ้ว นางเพียงแค่ส่งรอยยิ้มบาง ๆ กลับไปให้ “ไปเถิด…อีกมินานพวกเจ้าก็จะล่วงรู้ถึงเหตุผลของข้า”

เมื่อคำรับสั่งได้ไปถึงผู้รับ ถังเชียนจวินก็ได้สับสนจนไปมิถูก

“นี่มัน… ! ”

“เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงรับสั่งมาเยี่ยงนี้”

“แล้วถ้าเกิดพวกเรามีปัญหากับแคว้นฮวงขึ้นมาเล่า… ? ”

“ไอ้เจ้าโง่ เจ้าก็ต้องอัดพวกมันกลับไปสิ กองกำลังองครักษ์ชุดแดงตั้ง 10,000 นาย ไป๋ยู่เหลียนนำกองกำลังดาบเทวะมิถึง 4,000 นายเสียด้วยซ้ำยังทะลวงเข้าสู่ดินแดนของแคว้นฮวงได้สำเร็จ เจ้ากลัวว่าเจ้าจะทำมิสำเร็จเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ถังเชียนจวินเลียริมฝีปาก แต่เขาก็มิได้เก็บเอาคำเอ่ยนั้นไปคิดเล็กคิดน้อย ในเมื่อฝ่าบาททรงรับสั่งให้ออกเดินทางประเดี๋ยวนี้ เยี่ยงนั้นเขาก็ควรจะจัดแจงม้าแล้วเตรียมออกเดินทางในทันที

เขาอยากจะกลับไปไถ่ถามท่านปู่เสียเหลือเกินว่าการทำเช่นนี้นั้นหมายความว่าเยี่ยงไร ทว่าก็เป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่าฝ่าบาทมิประสงค์ให้เขาได้มีเวลาสอบถามสิ่งใดทั้งสิ้น

และแล้วกองกำลังจากราชวงศ์อู๋แดนไกลก็ได้เคลื่อนทัพท่ามกลางหิมะโปรยปราย การเคลื่อนไหวครานี้นั้นยิ่งใหญ่พอสมควร เมื่อเหวินรั่วซีได้ยินข่าว นางก็ได้รีบเปลี่ยนชุดทันที แล้วสะพายดาบที่วางทิ้งไว้เนิ่นนานไว้บนหลัง จากนั้นก็ได้ทิ้งจดหมายไว้ให้ท่านปู่ 1 ฉบับ แล้วจึงออกเดินทางจากไป

เมื่อกองทัพองครักษ์ชุดแดง 10,000 นายได้เคลื่อนทัพออกจากเมืองกวนหยุน แน่นอนเสียว่าเรื่องนี้มิอาจเล็ดลอดสายตาของหน่วยสอดแนมไปได้แม้ว่าจะมิได้มีเจตนาปกปิดใด ๆ ข่าวคราวนี้ได้มาถึงพระกรรณของไทเฮาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีโจวถงถงรับหน้าที่เป็นผู้ถวายสาสน์นี้ด้วยตนเอง

“ฝ่าบาททรงกระทำเช่นนี้…”

ไทเฮาได้โบกพระหัตถ์เพื่อขัดโจงถงถงที่ต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง “ฝ่าบาทมิได้ออกราชโองการใด ๆ มานานโขแล้ว ช่างพระนางเถิด พระนางคงได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ…เช่นนั้นกระหม่อมจะไปจัดเตรียมสายลับของหน่วยสอดแนมที่ประจำอยู่ที่แคว้นฮวง ให้เขาช่วยส่งตำแหน่งของกองกำลังดาบเทวะมา เพื่อที่จะให้กองทัพองครักษ์ชุดแดงค้นหาพวกเขาได้ในเร็ววัน”

“อือ…ถงถง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเรื่องที่กองกำลังเพียงแค่ 4,000 นายสามารถรบชนะกองทัพหลายหมื่นนายเป็นเรื่องจริง อายเจียกลับคิดว่ามันช่างเหลวไหลสิ้นดี”

“ตอบองค์ไทเฮา กระหม่อมก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลเช่นกัน แต่ทว่าจดหมายจากหน่วยสอดแนมได้กล่าวเยี่ยงนั้น แท้ที่จริงกองกำลังที่สังหารทหารของแคว้นฮวงราว 20,000 นายนั้นมีมิถึง 4,000 คน แต่กลับมีเพียงแค่ 1,000 คนเท่านั้น ! ”

ไทเฮาทรงประทับอยู่บนเตียงนอนอุ่น ๆ พระหัตถ์ที่วางอยู่บนพระชานุทั้งสองข้างนั้นได้กำแน่นขึ้นมา พระนางทรงตกอยู่ในห้วงภวังค์ความเงียบอยู่เนิ่นนาน “เยี่ยงนั้นแล้ว กองกำลังนี้ก็ย่อมไร้เทียมทานกว่าผู้ใดในผืนปฐพีใช่หรือไม่ ? ”

“ในความคิดเห็นของกระหม่อมนั้น ความเก่งกาจของกองกำลังนี้มีทั้งหมด 3 ประการด้วยกัน ประการแรกเป็นกองกำลังรบพิเศษโดยเฉพาะ กระหม่อมยังจำได้ว่าองค์ชายใหญ่เคยได้ถวายจดหมายแก่ทางราชวงศ์หยูเรื่องยุทธวิธี จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้ทรงทอดพระเนตรแล้วเช่นกัน กองกำลังนั้นเป็นกองกำลังที่องค์ชายใหญ่ทรงก่อตั้งขึ้นมา และหลักวิธีฝึกที่ได้ยึดปฏิบัติก็มาจากองค์ชายใหญ่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ประการที่สองคือการฝึกฝนอย่างเคร่งครัด พวกเขามีกฎระเบียบที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก แม้ว่านี่จะเป็นข้อบังคับพื้นฐานของกองกำลัง แต่ผู้ที่สามารถปฏิบัติตามได้ทั้งหมดนั้นก็มีมิมากนัก”

“และประการที่สามคือยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี ดังเช่นอาวุธปืนที่พระองค์เองก็ได้ทอดพระเนตรมาก่อน ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ถูกผลิตขึ้นที่ซีซาน โดยมีศูนย์วิจัยซีซานคอยออกแบบและควบคุม แสนยานุภาพของมันเป็นเลิศและไร้เทียมทานพ่ะย่ะค่ะ”

และทั้งหมดนี้ก็เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของฟู่เสี่ยวกวน !

ไทเฮาทรงถอนหายใจออกมา “ช่างน่าเสียดายมากยิ่งนัก ! ”