กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 698
เมื่อเห็นขลุ่ยหยกขาวของเยี่ยจิ่งหานเหวี่ยงไปในแนวนอน เจตนาฆ่าที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิก็ได้กระแทกเข้าไปที่ฝูงชน

ผู้ที่ถูกขลุ่ยหยกปกคลุมจะรู้สึกเศร้าหมองและหมดหนทาง

ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนรู้ว่ากำลังจะตกนรก แต่ไม่สามารถโต้ตอบและหยุดมันได้

นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนเยือกเย็น อี้เฉินเฟยส่งขลุ่ยหยกให้กับนางออกไป

ปัง……

ขลุ่ยหยกขาวและขลุ่ยหยกปะทะกันจนเสียงดังสนั่น

ไม่ว่าจะเป็นขลุ่ยหยกขาวหรือขลุ่ยหยก ล้วนแต่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง และไม่สามารถทำลายได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากการปะทะกันครั้งนี้ บริเวณส่วนหางของขลุ่ยทั้งสองล้วนแต่เกิดรอยร้าว

“ปัง ๆ ๆ……”

ขลุ่ยทั้งสองกลับคืนไปสู่มือของพวกเขา ทั้งสองคนใช้ขลุ่ยเป็นอาวุธ และต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าในชั่วพริบตาเดียว

“เยี่ยจิ่งหาน ท่านตื่นสิ และดูว่าข้าคือใคร”

เยี่ยจิ่งหานไม่ได้ยินสิ่งที่นางกำลังพูด เขารู้เพียงแค่ต้องฆ่า ฆ่า ฆ่าพวกเขาทั้งหมดให้สิ้นซาก

เขายิ่งต่อสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม อีกทั้งยังใช้กระบวนท่าท่าไม้ตาย และไม่ให้โอกาสกู้ชูหน่วนได้รอดชีวิต

ในทางกลับกัน เนื่องจากกู้ชูหน่วนกลัวว่าจะทำร้ายเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกครั้งที่ใช้กระบวนท่าขั้นสูง นางก็จะเหลือทางหนีทีไล่ไว้

ทำให้กู้ชูหน่วนตกเป็นเบี้ยล่าง

ประกอบกับวรยุทธของนางเทียบไม่ได้กับเยี่ยจิ่งหาน และรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ผู้คนที่มองดูจึงอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกแทนนาง

ฮวาฉี่หลัวกล่าวอย่าเป็นกังวล “ทำไมพวกท่านถึงมองดูอยู่ที่นี่ ไม่เห็นหรือว่าท่านพี่หน่วนของข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย?พวกท่านควรจะรีบไปช่วยสิ”

ฮวาฉี่หลัวร้อนใจ ผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ ก็ร้อนใจเช่นกัน

เพียงแต่พวกเขาต้องนั่งสมาธิเพื่อปรับลมปราณสักพัก พละพลังถึงจะฟื้นฟูกลับมาอย่างก่อน มิเช่นนั้นแม้แต่เดินก็ยังลำบาก แล้วจะช่วยหัวหน้าเผ่าได้อย่างไร

หากหุนหันพลันแล่น แล้วได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่รู้สึกตัว

ก็จะไม่สามารถไปช่วยหัวหน้าเผ่าได้

นี่เป็นความอัปยศพวกเขาของเผ่าหยก

ฮวาฉี่หลัวตบต้นขาของตัวเอง “น่าโมโหชะมัด หากพวกท่านไปไม่ช่วย ข้าจะไปช่วยเอง ตาเฒ่าคนนั้นรีบมาควบคุมค่ายกลสองมิติเร็วเข้า” ฮวาฉี่หลัวเรียกผู้อาวุโสไป๋เฉ่า

ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าพยักหน้า และในขณะที่ควบคุมค่ายกลสองมิติ เขาก็กล่าวว่า “ฉันเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ และไม่เก่งเรื่องวรยุทธ ค่ายกลสองมิติต้องให้ผู้ที่มีวรยุทธสูงส่งมาควบคุม ข้ากลัวว่าจะควบคุมไม่ได้”

“ท่านกลัวว่าจะควบคุมไม่ได้ แต่ข้ากลัวว่าท่านพี่หน่วนจะตกอยู่ในอันตราย”

ไม่รอให้ไป๋เฉ่าตอบกลับ ฮวาฉี่หลัวก็นำผ้าต่วนออกมา แล้วสะบัดใส่เยี่ยจิ่งหาน

เดิมทีผ้าต่วนเป็นเพียงผ้าชิ้นหนึ่ง แต่ภายใต้การควบคุมของนาง มันจึงเหมือนกับใบมีดและมีจิตวิญญาณ

ใบมีดรวดเร็วและแม่นยำ ฟันเข้าไปที่เยี่ยจิ่งหาน

ไม่ต้องสงสัยเลย หากถูกฟันด้วยใบมีดนี้ เยี่ยจิ่งหานจะต้องกลายเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน

“ปัง……”

ขลุ่ยหยกขาวของเยี่ยจิ่งหานปะทะกับใบมีดกลางอากาศ

ทิศทางของการปะทะกันไม่ได้ไปที่อื่น แต่กำลังไปที่ฮวาฉี่หลัวเอง

“ซวยแล้ว ท่านคิดจะใช้อาวุธของข้าสังหารข้างั้นหรือ?ท่านพี่หน่วน คนผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก ท่านไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”

ฮวาฉี่หลัวยังเด็กมาก แต่วรยุทธของนางสูงส่ง และวิชาตัวเบาก็สูงส่งมาก นางจึงหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “เจ้าไปหาไป๋จิ่น ข้าจะจัดการที่นี่เอง เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”

“แต่เขาเสียสติไปแล้ว และท่านก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“นี่เป็นคำสั่ง เจ้ารีบไปตามหาไป๋จิ่นเดี๋ยวนี้”

ที่นี่มีการต่อสู้กันอยู่นานแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นไป๋จิ่นและผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์อีกสองคน กู้ชูหน่วนจึงเป็นกังวล

ด้วยนิสัยของไป๋จิ่นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋จิ่นจะนั่งดูนางตกอยู่ในอันตราย

“นี่……แต่……ก็ได้ข้าจะไปตามหาท่านพี่ไป๋จิ่นเดี๋ยวนี้ ท่านพี่หน่วน ท่านรอข้าก่อน ท่านจะต้องต้านไว้ให้ได้นะ”

แววตาของกู้ชูหน่วนเยือกเย็นมาก ฮวาฉี่หลัวจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ประกอบกับตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจิ่งหาน จึงต้องยอมถอย

“ขวับ……”

กู้ชูหน่วนถูกเยี่ยจิ่งหานบีบคอ และร่างของนางก็ถูกเขายกขึ้น

ผู้คนตื่นตระหนก

กู้ชูหน่วนกลั้นหายใจและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ใครก็ห้ามเข้ามา”

“เยี่ยจิ่งหาน ท่านจะฆ่าข้าจริง ๆ หรือ?”

ลำคอขอกู้ชูหน่วนถูกบีบไว้แน่น และยากที่จะพูดออกมาได้แต่ละคำ

นัยน์ตาสีขาวดำของนางมีน้ำตาคลอ และมีกลิ่นอายของความเศร้าเสียใจอยู่รอบตัวนาง

ไม่รู้ว่าความโศกเศร้านั้นเป็นเพราะอี้เฉินเฟยกำลังจะตาย หรือเพราะว่าคืนนี้เผ่าหยกจะมีคนเป็นจำนวนมาก หรือเพราะผู้ชายที่ตัวเองรักมากที่สุด ปฏิบัติต่อนางเหมือนคนแปลกหน้า ไม่เพียงแต่จะฆ่าคนของนางไปมากมาย แต่ยังต้องการจะฆ่านางด้วย

นัยน์ตาที่กระหายเลือดของเยี่ยจิ่งหาน มีความเจ็บปวดปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง และบีบคอของกู้ชูหน่วนเบาลง

เขาเอาอีกมือหนึ่งทุบหัวของตัวเองอย่างแรง ราวกับว่ามีบางอย่างในหัวกำลังกัดเซาะเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกทุกข์ทรมาน

ผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ ล้วนแต่ตึงเครียด

เมื่อเห็นว่าเขาเบามือลง พวกเขาก็เหงื่อแตกพลั่ก

ผู้อาวุโสหกร้อนใจและต้องการจะไปช่วยกู้ชูหน่วนออกมาในทันที

แต่เขากลัวว่าหากเขาลงมือ จะทำให้อารมณ์ของเยี่ยจิ่งหานไม่คงที่ และอาจจะรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

รวมทั้งเหวินเส่าอี๋ด้วย ในเวลานี้แววตาอันอ่อนโยนของเขาทรุดลง เขากำมือซ้ายที่เปื้อนเลือดไว้แน่น และพร้อมที่จะโจมตีครั้งสุดท้าย

“เยี่ยจิ่งหาน ข้าคืออาหน่วน อาหน่วนที่ท่านรักที่สุด ท่านจำข้าได้หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะเสียใจ และพูดเบา ๆ เพื่อดึงสติของเขากลับมา

นัยน์ตาของเยี่ยจิ่งหานเป็นสีดำชั่วขณะหนึ่ง และมองไปที่นางอย่าสับสนมึนงง จากนั้นนัยน์ตาสีเลือดก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และมีไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัว

กู้ชูหน่วนกล่าวต่อ “ยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้หรือไม่?บนภูเขาที่แห้งแล้ง ข้าจูบท่านต่อหน้าลูกน้องของท่าน”

ฉ่า……

นัยน์ตาสีเลือดเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะคำพูดของนาง

เยี่ยจิ่งหานเกือบจะได้สติจะกลับมาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่กลับมา เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงงราวกับหุ่นกระบอก

เจี้ยงเสวี่ยเบือนหน้าหนี และไม่กล้ามองหน้าผู้คน

พระชายากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร มันน่าอายเกินไป

เหล่าผู้อาวุโสไอสองสามครั้ง เพื่อปกปิดความเก้อเขิน

ในทางกลับกัน ใบหน้าของผู้อาวุโสและผู้คนในเผ่าเต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับว่าดอกไม้งามปักบนขี้วัว

เดิมทีเยี่ยจิ่งหานไม่คู่ควรกับหัวหน้าเผ่าของพวกเขา

“ท่านบีบคอข้า……ข้าเจ็บมาก……และหากบีบต่อไป ข้าคงจะขาดใจตาย……”

“ท่านเคยสัญญากับข้าว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจะไม่ทำร้ายข้า……”

มือของเขาที่บีบคอไว้แน่น ผ่อนคลายลงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กู้ชูหน่วนยังคงหน้าเขียวคล้ำ

นางยังคงถูกเขาบีบคอไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงบีบแล้ว แต่กู้ชูหน่วนก็ยังสำลักจนหายใจไม่ออก

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ

มีซากศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมีเสียงผู้หญิงที่ร้องไห้คร่ำครวญ

น้ำตาของกู้ชูหน่วนหยดลงบนหลังมือของเยี่ยจิ่งหาน

อุณหภูมิที่แผดเผาและน้ำตาที่หยดลงมาของกู้ชูหน่วน ทำให้หัวของเยี่ยจิ่งหานมีเสียงดังก้อง และสติของเขาก็กลับมามากกว่าครึ่ง

เขาคลายมือออก กู้ชูหน่วนทรุดตัวลงและสูดหายใจเข้าอย่างแรง

“ปัง……”

ผู้อาวุโสหกฉวยโอกาสตอนที่สติของเยี่ยจิ่งหานกำลังกลับมา ฟาดลงไปที่เขา

เยี่ยจิ่งหานถูกฟาดจนสลบ

นอกจากเจี้ยงเสวี่ยแล้ว ทุกคนต่างก็ถอนหายใจวด้วยความโล่งอก

ลมพัดหากลิ่นคาวเลือดมา

ในคืนนี้เผ่าหยกสูญเสียอย่างนับไม่ถ้วน

แต่ที่โชคดีคือในที่สุดพวกเขาก็ได้สามารถควบคุมความโกลาหลไว้ได้

และผู้คนในเผ่าที่ควรขังในกรงเหล็กก็ถูกขังไว้แล้วเช่นกัน

เมื่อกู้ชูหน่วนจัดการทุกอย่างได้แล้ว ฮวาฉี่หลัวก็รีบวิ่งเข้ามา

“ท่านพี่หน่วน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ท่านพี่ไป๋จิ่นและพวกนางหายตัวไป”

ขวับ……

กู้ชูหน่วนจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสรองอย่างเย็นชา

บทที่ 697

บทที่ 699