ในเมื่อเจี่ยเทียนมู่มีความสามารถด้านเคล็ดวิชาหุ่นเชิดระดับนี้ เดิมทีก็เป็นผู้ที่ชาญฉลาดมาก เมื่อได้ยินหานลี่ถามเช่นนี้ ย่อมเดาเจตนาของเขาได้ในทันที

 

 

“ข้าน้อยอยากอาศัยเขตอาคมส่งตัวไปถึงแผ่นดินใหญ่อื่นจริงๆ” จนถึงครานี้หานลี่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบัง เอ่ยอย่างซื่อสัตย์

 

 

“จะใช้เขตอาคมส่งตัวนั้น เกรงว่าจะยาก” เจี่ยเทียนมู่หัวเราะอย่างขมขื่น ไม่ได้ถามสาเหตุของหานลี่ แค่สั่นศีรษะเป็นพัลวัน

 

 

“ข้ารู้ว่าเขตอาคมส่งตัวนี้ต้องจ่ายจำนวนมหาศาล แต่ไม่ว่าจะเท่าไหร่ ก็จะยืมใช้สักครั้ง ข้าแค่อยากถามสหายว่า จากฐานะคนนอกเผ่าของข้า มีโอกาสจะยืมเขตอาคมส่งตัวนี้ได้หรือไม่” หานลี่จ้องเจี่ยเทียนมู่เขม็ง แล้วตอบกลับอย่างแช่มช้า

 

 

ใบหน้าของเขาไม่มีความประหลาดใจเลยสักนิด แต่ความจริงแล้วหัวใจกลับแล่นขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ

 

 

ประโยคสุดท้าย ถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา!

 

 

“ในเมื่อสหายถามเช่นนี้ ข้าก็จะพูดตามความจริง หากพี่หานคือเผ่าศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีต้นกำเนิดจากเผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเรา การใช้เขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่จากสถานะของพี่หานในตอนนี้ กลับเป็นเรื่องที่แสนยาก ทว่าในสถานการณ์ที่เผ่าแมลงมีเขากำกำลังรุกรานเข้ามาในยามนี้ กลับยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ หากสหายสามารถสร้างคุณงามความดีให้กับเผ่าเมฆาสวรรค์ระหว่างสงคราม ก็อาจจะพอต่อรองได้ ในเผ่านั้นข้ารับหน้าที่แค่หลอมหุ่นเชิด ส่วนเรื่องที่เป็นรูปธรรมนั้นเกรงว่าสหายจะต้องไปคุยกับเหล่าอาวุโสเอาเอง จะว่าไปแล้ว เป็นเพราะสงคราม สิบสามเผ่าของพวกเราจึงกำลังรับสมัครแขกผู้มีเกียรติจากนอกเผ่า ส่วนพี่หานที่เคยสังหารเผ่าแมลงมีเขาในระดับเดียวกัน ข้าได้เอ่ยกับเหล่าอาวุโสของเผ่าแล้ว พวกเขาสนใจสหายหานเป็นอย่างมาก” เจี่ยเทียนมู่ครุ่นคิดเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยอย่างมั่นใจตรงๆ

 

 

หานลี่ได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ก็ขมวดคิ้วมุ่น

 

 

จากนิสัยของเขา แน่นอนว่ายี่สิบส่วนในร้อยส่วนคงไม่อยากเข้าร่วมสงครามของทั้งสองเผ่าแน่ สงครามเผ่าพันธ์ขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าผู้ที่มีพลังยุทธ์อย่างเขา หากไม่ทันระวังก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้

 

 

“ขอบพระคุณสหาย ข้าน้อยจะกลับไปครุ่นคิดดู แต่ผู้แซ่หานอยากพบอาวุโสของเผ่าเจ้า ไม่ทราบว่าสหายเจี่ยจะจัดการให้ได้หรือไม่” หานลี่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นก็เอ่ยถาม

 

 

“ข้าน้อยรับของขวัญชิ้นใหญ่มาจากสหายหาน เรื่องเล็กแค่นี้ย่อมทำได้ไม่มีปัญหา” เจี่ยเทียนมู่ได้ฟังคำพูดของหานลี่ ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

หานลี่ได้ยินคำตอบเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยรอยยิ้มออกมา

 

 

จากนั้นหานลี่ก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องเขตอาคมส่งตัวอีก แต่พูดคุยเรื่องหุ่นเชิดกับเจี่ยเทียนมู่เล็กน้อย

 

 

เจี่ยเทียนมู่พูดถึงเคล็ดวิชาหุ่นเชิด ชั่วขณะนั้นแววตาก็เปล่งประกาย ปากเปล่งคำพูดออกมาไม่หยุด ท่าทางเหมือนพูดถูกจุด

 

 

และความสามารถด้านหุ่นเชิดของเขาก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คำพูดไม่น้อยทำให้หานลี่ได้ฟังแล้วพลันขบคิดไปครู่ใหญ่ และเบิกสติปัญญาให้เขาไม่น้อย ได้ผลประโยชน์ไม่น้อยจริงๆ!

 

 

ส่วนทักษะหุ่นเชิดที่หานลี่รู้มาจากเทพขับเคลื่อนก็มีจุดพิเศษเช่นกัน ทำให้เจี่ยเทียนมู่ประหลาดใจ และยิ่งชอบพูดคุยกับหานลี่มากยิ่งขึ้น!

 

 

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หานลี่ก็ลงมาจากภูเขาหมอกเมฆาโดยมีเจี่ยเทียนมู่มาส่ง และกลับไปยังที่พัก

 

 

เมื่อเข้าไปในห้องพัก หานลี่ก็เปิดเขตอาคมออกในทันใด ปิดผนึกที่พักเอาไว้ จากนั้นก็เดินที่มุมห้อง แล้วนั่งขัดสมาธิลง

 

 

การไปของเขาในครั้งนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบที่พอใจที่สุด แต่ก็นับว่าเข้าใจเรื่องเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดมาหลายส่วน และยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้หุ่นเชิดสะท้านฟ้าที่มีประโยชน์ไม่น้อยมาด้วย

 

 

หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง มือหนึ่งปัดไปที่กำไลเก็บของ ในมือมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปรากฏขึ้นในมือ

 

 

เขาไม่ต้องคิดมาก เปิดฝากล่องออกเบาๆ เผยอสรพิษสีขาวยาวๆ นอนนิ่งอยู่ในกล่องออกมา

 

 

หานลี่จ้องเขม็งไปที่ของในกล่อง แววตาเปล่งประกายแสงสีฟ้า สายตาดูเหมือนว่าจะมองทะลุหุ่นเชิดนี้ได้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

แต่หุ่นเชิดสะท้านฟ้าตัวนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

 

แม้ว่าเขาจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่าง ก็ยังคงมองเห็นจุดสำคัญสองสามจุดของมันอย่างรางเลือน ไม่อาจมองเห็นอะไรชัดเจนได้

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันขมวดคิ้ว! แต่ทันใดนั้นก็เลิกคิ้ว ชั่วขณะนั้นพลันแผ่จิตสัมผัสที่แข็งแกร่งออก ชั่วครู่ก็ปกคลุมอสรพิษสีขาวทั้งตัวเอาไว้

 

 

ชั่วพริบตาจิตสัมผัสก็กวาดไปตามจุดต่างๆ แต่ไม่รู้ว่าจุดเหล่านี้สร้างขึ้นจากสิ่งใด คาดไม่ถึงว่าจะถูกพลังที่แข็งแกร่งดีดออก

 

 

ส่วนต่างๆ ของอสรพิษสีขาวไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดธรรมดาๆ และวัตถุดิบที่ใช้ทั้งหมด ล้วนถูกวางกลไกไว้อย่างชาญฉลาด แต่เขาก็พอจะมองออกอยู่บ้าง

 

 

ดูแล้วจุดที่ลึกลับของหุ่นเชิดสะท้านฟ้า คงอยู่ตรงจุดที่เขามองไม่ออกเหล่านั้น

 

 

เขากลับไม่ใช่ว่าจะไม่อาศัยพลังที่แข็งแกร่ง รุกรานเข้าไปตามจุดเหล่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับจะทำให้หุ่นเชิดได้รับความเสียหาย

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาทำเช่นนั้นได้ ผู้ที่มีหุ่นเชิดสะท้านฟ้าก่อนหน้าจะไม่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร

 

 

แต่ดูแล้วความลับของหุ่นเชิดสะท้านฟ้าจะยังคงอยู่ในมือของเผ่าหมื่นโบราณ จึงรู้แล้วว่าเดินทางสายนี้ลำบาก แม้ว่าจะทำร้ายหุ่นเชิด ก็ยังคงไม่อาจรู้ความลับอะไรได้

 

 

หานลี่ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมแพ้เรื่องนี้ ตัดสินใจทำให้หุ่นเชิดรับนายก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

 

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาพลันอ้าปาก พ่นเส้นไหมสีเขียวออกมา

 

 

ผลคือเส้นไหมเหล่านี้เปล่งแสงสว่างวาบพันรัดข้อมือของหานลี่เอาไว้ แล้วบินกลับมาอีกครั้ง จมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้ร่องรอย

 

 

และในยามนั้นหานลี่ถึงได้ยื่นข้อมือออกมาตรงหน้าอย่างราบเรียบ

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า โลหิตบริสุทธิ์สองสามหยดหยดลงมาจากข้อมือ และตกลงไปในอสรพิษสีขาวในกล่องหยก

 

 

เมื่อโลหิตสองสามหยดนั้นสัมผัสกับร่างกายกึ่งโปร่งแสงของอสรพิษขาว มันก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไปอย่างแปลกประหลาด

 

 

จากนั้นหานลี่พลันใช้สองมือร่ายอาคม อาคมเป็นสายๆ พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง จมหายเข้าไปในร่างของอสรพิษสีขาว

 

 

อสรพิษสีขาวที่แต่เดิมไม่ไหวติงพลันชูคอขึ้น ในเวลาเดียวกันปากก็เปล่งเสียงร้อง “ฟ่อๆ” ออกมา

 

 

จากนั้นหุ่นเชิดพลันพลิ้วกาย ครู่ต่อมาก็บินออกมาจากกล่อง สะบัดหัวสะบัดหางพลางบินไปมาอยู่ตรงหน้าหานลี่

 

 

หานลี่กลับทำเป็นมองเห็นสิ่งเหล่านี้ แต่มือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามืออีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะมีจานอาคมหลากสีสันตั้งหนึ่งปรากฏขึ้น

 

 

ชูมือขึ้น จานอาคมทั้งหมดกลายเป็นลำแสงสิบกว่าดวงบินออกไป

 

 

พวกมันหมุนคว้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปในบริเวณรอบ

 

 

ครู่ต่อมาหลังจากเสียง “ครืน” ดังขึ้น เขตอาคมลำแสงห้าสีขนาดสองสามจั้งก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ด้านในมีอักขระหลากสีสันทะลักออกมา เผยความลึกลับออกมา

 

 

หานลี่ชี้ไปที่อสรพิษสีขาวตรงหน้าอย่างไม่ต้องขบคิด

 

 

หุ่นเชิดตัวนี้แววตาเปล่งประกาย หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ยังไม่อาจต้านทานพลังจิตสัมผัสของหานลี่ได้ จึงบินเข้ามาในเขตอาคมลำแสงอย่างแช่มช้า

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็ร่ายอาคมในใจ

 

 

ชั่วขณะนั้นในเขตอาคมลำแสงพลันมีเสียงต่ำๆ ดังขึ้น จากนั้นอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ พลันทะลักเข้าไปในร่างของหุ่นเชิด

 

 

ผิวของอสรพิษสีขาวเปล่งแสงสีโลหิตออกมาชั้นหนึ่ง แต่กลับไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้อักขระเหล่านั้นทอยกันจมหายเข้าไปในลำแสงโลหิต

 

 

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้ากลับอดที่จะเผยสีหน้ายินดีออกมาไม่ได้

 

 

วิธีการรับเป็นนายเช่นนี้ เป็นวิธีที่เขาได้มาจากเผ่าวิหคสวรรค์ ผลในการรับเป็นนายดีกว่าวิธีปกติเป็นอย่างมาก

 

 

ต่อให้พลังยุทธ์ลมปราณเหนือกว่าเขาสิบเท่า มิเช่นนั้นหากการรับเป็นนายเสร็จสิ้น อยากจะแย่งชิงก็เป็นเรื่องที่บ้าคลั่งแล้ว

 

 

หานลี่กระตุ้นเขตอาคมไปพลาง หลับตาทั้งสองข้างลงไปพลาง ปล่อยให้เขตอาคมลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศไม่หยุด

 

 

พิธีการรับเป็นนายในครั้งนี้ กินเวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ถึงได้หยุดลงตอนที่หานลี่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

 

 

หานลี่บริกรรมคาถา กวักมือไปทางเขตอาคมลำแสง

 

 

อสรพิษสีขาวที่อยู่ด้านในเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ จากนั้นก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนวน ก็กลายเป็นหญิงสาวชุดขาวคนหนึ่ง ร่อนลงข้างกายของหานลี่ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่ปริปากใดๆ

 

 

หานลี่มองไปยังใบหน้างดงามดุจภาพวาดของหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ มุมปากหยักขึ้น เอ่ยพึมพำว่า

 

 

“ดูแล้วเจ้าคงมีสติปัญญาไม่สูงนัก เหมือนกับฮวาวารูปคนอย่างไรอย่างนั้น เช่นนั้นเรียกเจ้าว่าฮวาวาก็แล้วกัน!”

 

 

หญิงสาวชุดขาวได้ฟังคำพูดของหานลี่ ลำแสงสีแดงในแววตาพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไป แต่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่ไหวติง

 

 

หานลี่สั่นศีรษะ มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวของหญิงสาวชุดขาวเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นอสรพิษสีขาวตัวหนึ่ง จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย

 

 

จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เขตอาคมลำแสง

 

 

เขตอาคมลำแสงสลายหายไป กลายเป็นจานอาคมสิบกว่าใบอีกครั้งและถูกเก็บไป

 

 

แต่ทันใดนั้นหานลี่พลันครุ่นคิด คาดไม่ถึงว่าจะหยิบกล่องหยกสีขาวอีกกล่องออกมา ผิวของมันมียันต์วิเศษสีแดงสดสองสามใบแปะอยู่

 

 

นั่นคือกล่องลึกลับที่ชายหัวโตมอบให้หานลี่และพวกในวันนั้น

 

 

ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นความเคร่งเครียดของชายหัวโต รวมทั้งการไล่สังหารของเผ่าแมลงมีเขา ล้วนหมายความว่าของสิ่งนี้สำคัญมาก แต่เพราะว่ากล่องใบนี้อาจจะถูกวางกลไกเอาไว้ หานลี่จึงไม่มีเวลาขบคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด

 

 

ตอนนี้ดูแล้วอาจจะต้องคบค้ากับอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณ แน่นอนว่าย่อมต้องรู้ว่าของในกล่องคืออะไร แล้วค่อยดูว่าจะมีประโยชน์อะไรบ้าง

 

 

แม้กระทั่งหานลี่ยังรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าของในกล่องต้องสำคัญต่อเผ่าหมื่นโบราณ เช่นนั้นไม่แน่ว่าอาจจะใช้กล่องหยกใบนี้แลกกับการใช้เขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดได้

 

 

แน่นอนว่าหากไม่ดูของในกล่องก่อน หานลี่ก็ไม่อยากมอบให้เผ่าหมื่นโบราณ

 

 

มีเพียงต้องรู้รายละเอียด เขาถึงจะมีโอกาสต่อรองราคากับเผ่าหมื่นโบราณได้

 

 

หานลี่ใช้นิ้วลูบไปบนกล่องหยก ในใจพลันครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบ จากนั้นพลันเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง รอบด้านของห้องมีกำแพงสีขาวอ่อนปรากฏขึ้น เขาพลันขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง

 

 

หากกล่องหยกถูกทำลาย เขตอาคมนี้จะปกปิดได้หรือไม่ จำต้องวางเขตอาคมอีกสองสามชั้นจะดีกว่า

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันควักธงเขตอาคมสองสามชุดออกมาจากกำไลเก็บของ บินเข้าไปหามุมกำแพงทั้งสี่ด้าน

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวและลำแสงห้าสีพลันปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน

 

 

แต่เช่นนั้นหานลี่ก็ยังไม่ค่อยวางใจนัก จึงใช้มือหนึ่งปรบไปกลางอากาศ

 

 

เงาสีดำจุดหนึ่งบินออกมาจากฝ่ามือ พลิ้วไหว แล้วกลายเป็นภูเขาสีดำขนาดสองสามฉื่อ หมุนวนอยู่เหนือศีรษะของหานลี่

 

 

ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งพ่นออกมาจากตีนเขา กลายเป็นม่านลำแสงชั้นหนึ่ง ปกคลุมหานลี่ในรัศมีสองสามจั้งเอาไว้

 

 

เช่นนั้นรอบๆ ด้านของหานลี่พลันเปลี่ยนเป็นเข้มงวด ก่อสร้างปราการอย่างแน่นหนา