เล่มที่ 13 เล่มที่ 13 ตอนที่ 375 ยังแน่วแน่เช่นนั้นอีกหรือไม่

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“พระ… ชายา” ไม่รู้ว่านางตกใจมากหรืออย่างไร จึงน้ำตาไหลพราก “หม่อมฉันได้รับน้ำพระทัยของพระชายา พระองค์ทรงเดินทางมาดูอาการป่วยของหม่อมฉันถึงที่นี่ เป็นสิ่งที่ไม่บังควรยิ่งนักเพคะ”

จากนั้นนางก็หันไปเอ็ดอาชี แล้วพูดกับซูจิ่นซีว่า “พระชายา อาชีเป็นเด็กไม่รู้ความ ทำให้พระชายาต้องขุ่นเคือง ขอพระชายาอย่าได้ใส่พระทัยเลยเพคะ”

ใบหน้าของสตรีนางนั้นขาวซีดไร้เลือดฝาด

ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงหันไปพูดกับเด็กน้อยที่มีสีหน้าร้อนใจ “เจ้าหนูวางใจเถิด มารดาของเจ้าจะไม่เป็นอันใด เพียงโรคเก่าที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อีกสักครู่ข้าจะให้คนนำยามาให้ เจ้าให้มารดาของเจ้าทานยาให้ตรงเวลา ประมาณครึ่งเดือน นางก็สามารถลุกขึ้นมาเดินได้ตามปกติแล้ว”

“จริงหรือขอรับ? ” อาชีตกใจอ้าปากค้าง

สตรีนางนั้นก็ประหลาดใจเช่นกัน ทว่าใบหน้ากลับเผยให้เห็นถึงความลำบากใจ “ทว่า… ทว่า… พระชายา ครอบครัวหม่อมฉันไม่มีสิ่งของมีค่าอันใด ยาของหอโอสถสกุลซูแพงยิ่งนัก หม่อมฉัน… ไม่มีเงินซื้อเพคะ”

“เจ้าวางใจเถิด ยานี้ไม่เก็บเงิน”

“ไม่เก็บเงินหรือเพคะ? ” สตรีนางนั้นตกตะลึงอีกครั้ง รีบพูดว่า “ได้อย่างไรกันเพคะ? พระชายา เรื่องนี้ไม่ได้เพคะ ไม่ได้จริงๆ เพคะ! ”

“ได้สิ! ” ซูจิ่นซีพยายามรั้งตัวไม่ให้นางลุกขึ้น “แพทย์ต้องมีใจเมตตา สมุนไพรก็มีประโยชน์ในการรักษาคนไข้ หากเจ้าไม่สบายใจที่จะรับน้ำใจนี้ หลังฟื้นฟูร่างกายจนหายดีแล้วก็ให้อาชีไปที่หอโอสถสกุลซู ให้เขาไปเป็นคนรับใช้น้องชายของข้าที่นั่น ช่วยเหลือจัดการงานในหอโอสถ”

ให้บุตรชายของตนไปที่หอโอสถสกุลซู เป็นคนรับใช้ผู้นำอวี้สกุลซู?

เรื่องนี้เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวของนาง นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

หลังตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ นางก็หันไปพูดกับอาชีว่า “อาชี ยังยืนอึ้งทำอันใด รีบคุกเข่าโขกศีรษะขอบพระทัยพระชายาเดี๋ยวนี้”

อาชีตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก่อนจะรีบคุกเข่าโขกศีรษะให้ซูจิ่นซี

เขาโขกศีรษะอยู่หลายครั้ง เสียงหน้าผากกระทบพื้นดังก้องเหมือนเสียงทุบกระเทียม

ซูจิ่นซีไม่พูดอันใดอีก เพียงสั่งให้ลวี่หลีประคองอาชีลุกขึ้น แล้วกำชับมารดาของอาชีถึงสิ่งจำเป็นที่ต้องทำในแต่ละวันเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นก็เดินออกไป

ขณะที่ซูจิ่นซีเดินออกมานอกประตู จู่ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

ใบหน้าประหลาดใจของซูจิ่นซีค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง

“เยี่ยเซิน เหตุใจเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? ”

แววตาของเยี่ยเซินปกปิดความรู้สึกลึกซึ้งที่ซูจิ่นซีมองไม่เห็น น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งเฉกเช่นเดียวกับซูจิ่นซี

“จิ่นซี ไม่พบกันเสียนาน”

ก่อนหน้านี้ตอนที่อาชีเข้ามายืนขวางหน้ารถม้าซูจิ่นซี ซูจิ่นซีก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่เห็นแน่นอน

เป็นจริงดั่งที่ลวี่หลีพูดไว้ ซูจิ่นซีสามารถให้หมอที่หอโอสถมาหรือให้ซูอวี้มาก็ได้ ทว่านางต้องการมาด้วยตนเอง

สาเหตุที่นางมากับอาชีด้วยตนเอง เพราะต้องการรู้ว่าคนที่รออยู่ที่นี่เป็นผู้ใดกันแน่ ผู้ใดที่จงใจสร้างละครฉากนี้เพื่อล่อให้นางมาที่นี่

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะเป็นเยี่ยเซิน

“เจ้าล่อให้ข้ามาที่นี่ มีจุดประสงค์อันใด? ต้องการทำอันใด? ” สีหน้าซูจิ่นซีระแวดระวัง

“จิ่นซี พวกเรา… ต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนกัน แต่กลับไม่มีเวลานั่งดื่มชาด้วยกันเลย วันนี้อยู่ดื่มชากับข้าได้หรือไม่? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก “เยี่ยเซิน ท่านกับข้ามีอันใดต้องสนทนากันหรือ? ดื่มชา? คงไม่ได้กระมัง? ”

ซูจิ่นซีพูดจบ ตั้งใจจะเดินออกไป

ทว่าเดินไปได้ไม่เท่าไร เสียงคุกคามของเยี่ยเซินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ไม่ได้จริงหรือ? เช่นนั้นเจ้าลองดูว่าสิ่งนี้คืออันใด? ”

ซูจิ่นซีได้ยินจึงหยุดเดินและหันหลังกลับไป เห็นว่าในมือของเยี่ยเซินถือแหวนมรกตอยู่วงหนึ่ง

สิ่งนี้เป็นแหวนธรรมดาวงหนึ่ง คนทั่วไปสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้ง ไม่นับเป็นของหายากแต่อย่างใด ทว่าซูจิ่นซีเห็นแล้วกลับขมวดคิ้วเคร่งเครียด

แหวนวงนี้คือแหวนที่นางสั่งให้ลวี่หลีหามา เป็นแหวนที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้อวิ๋นจิ่นวางยาพิษฮองเฮาได้อย่างสะดวก และเพื่อทำตามคำสัญญาของฮองเฮา

จากนั้นซูจิ่นซีก็มอบให้อวิ๋นจิ่นโดยไม่ได้ขอคืน

นางจ้องหน้าเยี่ยเซินอย่างดุดัน “เจ้าทำอันใดกับอวิ๋นจิ่น? ”

ก่อนหน้านี้ หลังจากพาเยี่ยโยวเหยาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมายังแคว้นจงหนิง ซูจิ่นซีได้สั่งให้คนไปที่จวนสกุลซูเพื่อเชิญอวิ๋นจิ่นมา ทว่าคนในจวนสกุลซูบอกว่าอวิ๋นจิ่นไม่ได้กลับจวนหลายวันแล้ว

“จิ่นซี ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะคุยกันเรื่องนี้ได้ พวกเราไปหาสถานที่คุยกันเป็นเช่นไร? ”

เยี่ยเซินกับซูจิ่นซีมาถึงโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง พวกเขาเลือกห้องหรูหราห้องหนึ่งที่คิดว่าเงียบสงบ

“เยี่ยเซิน ระหว่างพวกเราทั้งสองมีอันใดต้องพูดคุยกัน? เจ้าทำอะไรกับอวิ๋นจิ่นกันแน่? ”

เยี่ยเซินยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ความกังวลใจทำให้สับสน จิ่นซี หากวันใดวันหนึ่งมีคนเอาสิ่งของของข้ามาให้เจ้าดู เจ้าจะร้อนใจเหมือนที่เห็นของของอวิ๋นจิ่นหรือไม่? ”

เยี่ยเซินพูดพลางยื่นแหวนวงนั้นคืนให้ซูจิ่นซี

ซูจิ่นซียังคงสงสัยในคำพูดของเยี่ยเซิน นางรับแหวนวงนั้นกลับมา หลังตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว แม้จะดูเหมือนแหวนวงนั้นที่นางมอบให้อวิ๋นจิ่น ทว่ามันไม่ใช่ของจริง

ดวงตาของซูจิ่นซีปรากฏความขึงขัง “เยี่ยเซิน เจ้ากล้าหลอกข้าหรือ? ”

ซูจิ่นซีไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเยี่ยเซินอีก ยิ่งไม่คิดพูดคุยกับเขาให้มากความ จึงหันหลังเดินออกไป

เยี่ยเซินรีบเดินไปขวางหน้าซูจิ่นซี แววตาเผยความเจ็บปวด หัวคิ้วขมวดมุ่น “จิ่นซี เจ้ารังเกียจข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”

ซูจิ่นซียังคงไม่สนใจ “ถอยไป! ”

เยี่ยเซินไม่ขยับ

ซูจิ่นซีชักสีหน้าดุดัน “เจ้าจะถอยหรือไม่ถอย? ”

‘ฉึก’ เข็มเงินปรากฏขึ้นในมือข้างหนึ่งของซูจิ่นซี นางปักเข็มนั้นลงไปบนหลังแขนของเยี่ยเซิน

เยี่ยเซินไม่คิดหลบเลี่ยง เข็มเงินมันวาวเล่มนั้นจึงปักอยู่ที่แขนของเยี่ยเซิน

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว

เยี่ยเซินยิ้มเยาะตนเอง “ซูจิ่นซี หากรู้เสียแต่ทีแรกว่าข้าห่วงใยเจ้ามากถึงเพียงนี้ ตอนนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะไม่ฉีกสัญญาหมั้นหมายระหว่างพวกเราทั้งสองและส่งเจ้าไปให้เสด็จอาโยวเหยา”

“เยี่ยเซิน ที่แท้เจ้ายังจดจำได้อีกหรือว่าข้าคือเสด็จอาสะใภ้ของเจ้า เจ้าแสดงท่าทีไร้มารยาทกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะลงโทษเจ้าหรือ? ”

เยี่ยเซินในเวลานี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อำนาจในราชสำนักทั้งหมดตกอยู่ในมือของเยี่ยโยวเหยา สถานะไท่จื่อของเยี่ยเซินเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น

นึกไม่ถึงว่าเยี่ยเซินจะไม่สนใจคำเตือนของซูจิ่นซี เขายังคงขมวดคิ้วมองนาง

“จิ่นซี เรื่องระหว่างเราทั้งสองมาถึงจุดนี้ได้ ข้าก็ไม่มีอันใดจะพูด ทว่าข้าอยากถามเจ้าหนึ่งประโยค หากข้าคิดจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าขันยิ่งนัก แม้นางไม่ได้พูดอันใดออกมา ทว่าสีหน้าของนางกลับเผยให้เห็นว่าเรื่องเช่นนี้น่าขันอย่างมาก

แม้เยี่ยเซินจะรู้คำตอบอยู่นานแล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าของซูจิ่นซี แววตาของเขาก็ปรากฏความเจ็บปวดรวดร้าว มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยตนเอง

“ถอยไป! ”

ซูจิ่นซีชักสีหน้าดุดันมองเยี่ยเซินที่ยืนขวางทางตน

“ซูจิ่นซี หากตอนนั้นข้าไม่ได้ฉีกสัญญาหมั้นหมายระหว่างเราทั้งสอง ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งเจ้าให้เสด็จอาโยวเหยา เจ้าจะยังรักข้าอย่างแน่วแน่เช่นนั้นหรือไม่? ”