พาตัวเขาออกไปที

 

 

ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “หืม”

 

 

“ยอมตกลงจะคบกับฉันไง” เจียงมู่เฉินก้มหัวลงเอ่ยถามอย่างไม่รู้ตัว

 

 

มือที่ทำอาหารของซือเหยี่ยนหยุดชะงัก “คุณชายเจียงก็มีช่วงเวลาไม่มั่นใจได้ด้วย”

 

 

เจียงมู่เฉินมองบน “ฉันไม่ได้ไม่มั่นใจ ฉันก็แค่สงสัย”

 

 

ซือเหยี่ยนคีบไข่ดาวขึ้นมาวางใส่จานข้างๆ แล้วทำขนมปังทอดต่อ “ผมคิดว่าคุณจะรู้สึกว่าที่ผมยอมตกลงรับปากเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”

 

 

ถึงอย่างไรเจียงมู่เฉินก็มีความอวดดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

 

 

เจียงมู่เฉินวางแก้วในมือลง เดินไปหาซือเหยี่ยน ยืนพิงแนบอิงอยู่ข้างกายซือเหยี่ยน “ฉันจริงจังนะ”

 

 

ซือเหยี่ยนจ้องมองคนข้างกาย

 

 

เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ถ้านายคิดจะเล่นๆ ฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับนายไม่ได้”

 

 

ซือเหยี่ยนพลิกขนมปังไปอีกด้าน “ผมไม่ได้คิดจะเล่นกับคุณ”

 

 

เจียงมู่เฉินยืดตัวเดินออกจากห้องครัวไป “ประธานซือ วันนี้นายทำอาหารเช้าช้ากว่าปกติมากนะ”

 

 

ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปไกล

 

 

 

 

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เดิมทีเจียงมู่เฉินเตรียมจะไปหลานเยี่ย ถามไถ่ว่าเมื่อคืนมีเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า คนยังไม่ทันจะออกจากคฤหาสน์ของซือเหยี่ยน ก็ถูกโทรตัวเรียกให้กลับไปแล้ว

 

 

“จะไปไหน” ซือเหยี่ยนเอ่ยถาม

 

 

“กลับบริษัท พ่อเรียกหาฉันแล้ว” เจียงมู่เฉินเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ช่วงนี้ไม่รู้พ่อเป็นอะไรถึงได้เรียกหาแต่เขา

 

 

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

 

 

“ไม่รู้สิ เข้าไปดูก่อนแล้วกัน”

 

 

ซือเหยี่ยนไม่ถามมากความอีก เขาพาอีกคนไปส่งที่ใต้ตึกเจียงเฉินกรุ๊ป เจียงมู่เฉินปลดสายเข็มขัดเตรียมจะเปิดประตูออกไป

 

 

จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็คว้ามือเขาเอาไว้

 

 

เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วใส่เขา “มีอะไร”

 

 

“ไม่คิดจะจูบผมหน่อยเหรอ”

 

 

เจียงมู่เฉินอมยิ้มมองเขา “นายบ้าไปแล้วใช่ไหม ในที่คนเยอะแยะแบบนี้ ให้ฉันจูบนาย”

 

 

ซือเหยี่ยนยักคิ้ว “ผมไม่ถือสา”

 

 

เจียงมู่เฉินจ้องมองใบหน้าแสนอวดดีของเขา แล้วโน้มเข้าใกล้ไปกัดริมฝีปากเขาสักที แอบด่าใส่ทิ้งทวน “เด็กน้อย”

 

 

ซือเหยี่ยนเอามือขึ้นลูบริมฝีปาก ยังคงคุกรุ่นด้วยความอบอุ่นของเจียงมู่เฉิน เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่สักพักกว่าจะขับรถออกไปได้

 

 

เจียงมู่เฉินเดินเร็วราวจะบินพุ่งขึ้นไป เพียงชั่วเวลานั้น เขาไม่คาดคิดว่าจะยังเขินอายอยู่

 

 

เขารีบส่ายหัว เขาคือเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินผู้ปกปิดตัวเองมาหลายปี ไม่คาดคิดว่าจะรู้สึกเขินอายได้

 

 

 

 

ซือเหยี่ยนเพิ่งจะเข้าห้องทำงานมาก็เห็นไป๋จิ่งวางมาดจริงจังลากโซฟามานั่งตรงทางเข้า ท่าทางเหมือนกำลังรอเขาอยู่

 

 

ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “เช้าขนาดนี้ นายมาทำอะไรที่ห้องฉัน”

 

 

“เมื่อวานนายยังไม่ได้คุยกับฉันชัดเจนเลยนะ” ไป๋จิ่งจำฝังใจจนไม่ได้นอนทั้งคืน “เมียนายมาจากไหนกัน”

 

 

ซือเหยี่ยนทำไขสือลูบจมูกป้อยๆ “เมื่อวานฉันพูดเหรอ”

 

 

ไป๋จิ่งกัดฟันถลึงตาใส่เขา “ซือเหยี่ยน นายอย่าคิดมาแถข้างๆ คูๆ ต่อหน้าฉัน เมื่อวานฉันได้ยินเต็มๆ สองหู”

 

 

“อืม” ซือเหยี่ยนรับคำนิ่งๆ

 

 

ไป๋จิ่งจ้องเขาทันที “อืมของนายหมายความว่าไง ยอมรับหรือไม่ยอมรับ”

 

 

ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขา รีบคว้ามือถือขึ้นมาโทรศัพท์ “เสี่ยวหลิว เข้ามาพาตัวประธานไป๋ออกไปให้ฉันที”

 

 

ไป๋จิ่งตะลึงงัน “นาย…ไม่คิดว่านาย…จะให้ฉันออกไป”

 

 

ซือเหยี่ยนเปิดคอมพิวเตอร์ เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี “คนลงมือคือผู้ช่วยของนาย ไม่ใช่ฉัน”

 

 

ไป๋จิ่งถอนหายใจด้วยความขมขื่นใจ “นายมัน หมาป่าใจโฉด เสียแรงที่หลายปีมานี้ฉันซื่อสัตย์กับนายสุดชีวิต”

 

 

เสี่ยวหลิวปรากฏตัวอยู่หน้าประตูพอดี มองเห็นใบหน้าแสนเจ็บปวดของไป๋จิ่งเข้า เริ่มไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

 

 

“ประธานไป๋…จะให้ผมพาคุณออกไป หรือคุณจะออกไปเองครับ” เสี่ยวหลิวถามเสียงอ่อน

 

 

“ฉันไปเอง นายไม่ต้อง” ไป๋จิ่งถลึงตาใส่ซือเหยี่ยน เดินฮึดฮัดฟึดฟัดออกจากห้องทำงานของซือเหยี่ยน

 

 

เสี่ยวหลิวมองประธานซือผู้นิ่งเฉยอย่างงุนงง ไหนจะเห็นไป๋จิ่งผู้เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปไกลแล้วอีก เขาลูบหัวอย่างช่วยไม่ได้ เดินออกจากห้องตามไป๋จิ่งไป

 

 

ในที่สุดในห้องทำงานก็เงียบสงบลงสักที ซือเหยี่ยนอารมณ์ดีเปิดดูเมล พร้อมจัดการทำงานอย่างจริงจัง

 

 

อีกฝั่งหนึ่ง ไป๋จิ่งยังคงคิดทบทวนอย่างจริงจัง ซือเหยี่ยนมีแฟนสาวแล้วจริงๆ ใช่ไหม

 

 

‘ถ้ามีแฟนสาวแล้วทำไมไม่บอกฉัน ไหนจะมาทำท่าลับๆ ล่อๆ ขนาดนี้อีก’

 

 

ไป๋จิ่งดึงคางตัวเอง เริ่มจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว