เมื่อเห็นแววตาตรอมตรมอย่างหนักของเทาเท่ หลินจือจึงเอ่ยปลอบ “เหตุการณ์มันผ่านมาแล้วใช่ไหมเหรอ เรื่องเร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือควรคิดหาวิธีเปิดโปงเรื่องนี้ของเบลซ”
“เหตุการณ์มันผ่านไปแล้วงั้นเหรอ” เทาเท่จ้องเธอด้วยดวงตาแดงฉาน “ผ่านไปที่ไหนล่ะ”
“เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา ทำให้การแต่งงานของผมกับคุณอยู่กันได้ไม่นาน”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขายืนกระต่ายขาเดียวให้ผมไปพัวพันกับซูซี ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไล่ตามคุณไปทุกที่เพื่อขับไล่คุณออกไป เราก็คงไม่ลงเอยกันแบบนี้”
ถึงแม้วันเวลาเหล่านั้นพวกเขาสองคนจะผ่านมันมาด้วยกัน แต่หากมีพ่อแม่เป็นที่พึ่งพิงคอยปรับเชื่อมช่องว่างระหว่างพวกเขา เขาอาจเปลี่ยนใจกับหลินจือเร็วกว่านี้
แต่สำหรับไกอาและวีนา คนหนึ่งเอาแต่กักตัวอยู่ต่างประเทศตลอดทั้งปี ส่วนอีกคนก็อยู่กับอินพินคอยแต่ไล่ตามหลินจือไปทุกที่ เพราะตอนแรกวีนาเอาแต่ดุด่าว่ากล่าวหลินจือต่างๆ นานา จึงทำให้เขาพลอยเกลียดหลินจือตามไปด้วย
หลินจือหลับตาลงนั่งเงียบไม่พูดไม่จา
วีนาและอินพินพูดกรอกหูเทาเท่อยู่ทุกวี่วันว่าเธอไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ เรื่องพวกนี้เธอรับรู้ทุกอย่าง
ตอนแรกเธอพยายามทุกทางเพื่ออธิบายให้เทาเท่เข้าใจ อธิบายว่าเธอไม่ใช่คนอย่างที่วีนาและพวกเขาพูดใส่ร้าย ท้ายที่สุดก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะอธิบายคำพูดพวกนี้อีกต่อไป
แต่เรื่องนี้หากว่ากันถึงแก่นแท้แล้วก็เป็นเพราะเธอเช่นกัน คนที่ซูซีต้องรับมือด้วยคือเธอและจอร์แดน ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นมาและพูดกับเทาเท่ใหม่อีกครั้งว่า “ไม่เช่นนั้นหรือคุณจะขีดเส้นกั้นกับฉันให้ชัดเจน? เรายุติการเป็นหุ้นส่วนกันทั้งหมด พวกเขาต้องการให้ฉันอยู่เมืองเจสเวิร์ดไม่ได้ ก็ไม่สำคัญอะไรเลย ฉันแค่ออกจากเมืองเจสเวิร์ดแล้วไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเปกก้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่”
หลินจือพูดออกมาเช่นนี้เพราะไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ดังนั้นสีหน้าท่าทางเธอจึงดูนิ่งสงบ
ประการแรก เรื่องที่ไกอาและวีนาฆ่าคนตาย แม้เรื่องจะผ่านไปนานหลายปี แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมาก วันหนึ่งเมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผยออกมา ย่อมส่งผลกระทบต่อฟอเรนากรุปซึ่งกำลังพัฒนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กว่าที่เทาเท่และฟอเรนากรุปจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย คนนอกต่างอิจฉาความมีหน้ามีตาอย่างไร้ข้อกังขาของเขา ระยะเวลาสามปีที่แต่งงานกับเทาเท่ เธอมักเห็นเขานอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืนอยู่เสมอ
ประการที่สอง เธอร่วมมือกับเทาเท่ทั้งสองโครงการ และละครเรื่อง “The Legend of Concubine Rong ” ก็เริ่มถ่ายทำแล้ว คิดว่าเบลซคงไม่มีทางบีบบังคับทีมงานให้เปลี่ยนบทละครที่เธอเขียนได้
การยกเลิกความร่วมมือระหว่างเธอกับเทาเท่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อละครเรื่องใหม่ของจอร์แดน และจอร์แดนคงไม่มีทางร่วมมือกับเทาเท่ต่ออย่างแน่นอน หากเธอและจอร์แดนจะหาบริษัทอื่นๆ มาลงทุนร่วมกันใหม่อีกครั้งก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
และอีกอย่าง เบลซและซูซีต้องการขับไล่เธอออกไปจากเมืองเจสเวิร์ด อันที่จริงไม่ว่าเธอจะอยู่เมืองเจสเวิร์ดต่อหรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนที่เธอไร้ที่พึ่งพิง เมื่อต้องเผชิญกับการถูกขับไล่ออกจากเมืองเจสเวิร์ดเช่นนี้ แน่นอนว่าเธอคงร้องไห้อย่างแสนสาหัส ทว่าตอนนี้ถ้าเธอออกจากเมืองเจสเวิร์ดไปแล้ว ก็ถือโอกาสไปอยู่กับจอร์แดนที่เมืองเปกก้าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว สำหรับเธอเรื่องนี้ไม่ใช่การทำลายเธอเลยสักนิด
หลักๆ ก็คงคิดถึงนานิเพื่อนรักเป็นเรื่องปกติ และคิดถึงขนมแสนอร่อยที่มีเฉพาะในเมืองเจสเวิร์ดนี้เท่านั้น
ดังนั้นหลินจือจึงคิดว่า เทาเท่ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเบลซ เพื่อทำให้ฟอเรนากรุปเกิดเรื่องเกิดราว เพราะเขายังต้องรับผิดชอบฟอเรนากรุปผูกพันในฐานะประธานบริษัท
“ไม่ได้!” หลังจากคำพูดของหลินจือจบลง เทาเท่ก็คำรามขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
หลังจากคำรามออกมาเช่นนั้นชายหนุ่มจ้องหลินจือเขม็ง “คุณกำลังยั่วโมโหผมเหรอ ผมต้องการให้คุณเสียสละมากขนาดนี้ให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลินจืออธิบายกับตัวเองเสียงแผ่ว “ไม่ได้เสียสละให้คุณสักหน่อย ฉันจะไปใช้ช่วงเวลาดีๆ ที่เปกก้าต่างหาก…”
“ไม่ใช่ว่าคุณคิดอยากไปอยู่ที่เปกก้าตั้งนานแล้วสินะ” เทาเท่ตระหนักได้ว่าในอนาคตเธอต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่เปกก้า ถูกพรากจากด้วยระยะทางที่ไกลแสนไกลย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา
เขากัดฟันพูดออกขึ้นมาว่า “คุณอย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้! แม้นคุณจะไปไกลถึงเปกก้า ผมก็จะตามคุณไป”
หลินจือถูกเขาทำให้โกรธ เขาคิดจะให้เธอจมปลักอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเกลี้ยกล่อมเขา “คุณไม่สนว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อฟอเรนากรุปเลยงั้นเหรอ”
“แล้วยังไง” เทาเท่พ่นความไม่สบอารมณ์ออกมา “คงไม่ล้มละลายหรอก หรือถึงจะล้มละลายก็ไม่เห็นสำคัญตรงไหน”
“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” คำพูดใช้อารมณ์ของเขาทำให้หลินจือตกใจ เธอยกมือขึ้นทุบตีลงบนหน้าอกเขาหลายต่อหลายครั้งด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มไม่สนใจอนาคตของฟอเรนากรุปเลยสักนิด ใบหน้าเธอแดงก่ำไปด้วยความไม่สบอารมณ์
เพื่อเธอเขาจึงไม่แคร์ทุกสิ่งอย่างแบบนี้ เมื่อตอนนั้นมาถึงผู้คนต่างก็จะพูดกันว่าเพราะนารีเป็นเหตุ เธอไม่อยากมีชื่อเสียงฉาวโฉ่แบบนั้น
เทาเท่ปล่อยให้เธอทุบตีอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้นเขาก็จับมือเธอไว้แล้วกดเธอลงกับพนักวางแขนโซฟา จากนั้นก้มลงประจบจูบเธออย่างดุเดือด
เขาดื่มเหล้ามา ซ้ำยังถูกเธอพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาห่างเหินจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ชายหนุ่มขุ่นเคือง จึงประจบจูบลงไปด้วยความป่าเถื่อน
“สารเลว…” ในที่สุดหลินจือก็ได้หายใจ เธอกอบโกยอากาศเข้าปอดแล้วก่นด่าเขาด้วยความโกรธ
เป็นผลทำให้วินาทีต่อมาเขาต้องปิดปากของเธออีกครั้ง ทำให้เธอส่งเสียงออกมาไม่ได้อีก แม้ว่าจะพ่นมันออกมา ก็ต้องกลืนกลับลงไปเช่นเดิม
การฟัดเหวี่ยงกันไปมาอย่างรุนแรงนี้ ทำให้ทั้งสองหายใจไม่ทั่วท้อง และเสื้อผ้าของหลินจือหลุดลุ่ยออกมา
เทาเท่ไม่ยอมปล่อยเธอไป ยังคงกดหญิงสาวไว้ใต้ร่างอย่างแข็งกร้าว จ้องมองเธอแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ประการแรก ผมจะไม่มีทางประนีประนอมให้เบลซ และยิ่งไปกว่านั้นผมจะไม่ขีดเส้นขอบเขตบ้าบออะไรกับคุณทั้งนั้น”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นนี้มา เทาเท่จ้องมองหลินจือ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในสายตาของคุณผมเป็นคนไร้ความสามารถงั้นเหรอ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเสียสละเพื่อคุณซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเพื่อให้บริษัทของตัวเองปลอดภัยได้?”
ไม่รอให้หลินจือได้พูดอะไร ชายหนุ่มหรี่ตาลงพลางทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “คุณยอมเสียสละเพื่อผมขนาดนี้ คุณยังมีใจให้ผมอยู่ใช่ไหม”
หลินจือไม่อยากพูดอะไรกับเขาไปมากกว่านี้ เธอบอกไปแล้วว่าเธอไม่ได้เสียสละ ขอบเขตความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนสำหรับเธอไม่มีการสูญเสียอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อเขาคิดแบบนี้เธอเองก็จนปัญญา
ซ้ำยังพูดขึ้นมาอีกว่าเธอยังมีเขาอยู่ในใจ เขาหลงตัวเองเกินไปแล้ว
ต้องยอมรับว่า จากท่าทางของเธอที่แสดงออกมาทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว เทาเท่จึงไม่ได้ถามอะไรอีก
จากนั้นจึงพูดกับเธอว่า “เบลซขู่ผมไม่ได้หรอก”
“แม้ไม่มีฟอเรนากรุป ผมก็ยังมีชีวิตที่ดีว่าเขา ผมกับโซเมนเรายังมีบริษัทอื่นๆ อีกอยู่ที่ต่างประเทศ ขนาดใหญ่กว่าฟอเรนากรุปซะอีก”
เรื่องนี้ทำให้หลินจือประหลาดใจ เพราะเธอไม่เคยได้ยินเทาเท่กับโซเมนพูดถึงมันเลยสักครั้ง มิน่าล่ะเขาถึงมั่นใจว่าจะไม่ประนีประนอมต่อเบลซเป็นอันขาด
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีคำพูดดีๆ อื่นใดให้พูดอีกแล้ว จึงตอบเขาไปเพียงเบาๆ ว่า “อ้อ”
เทาเท่ “…”
เขาพูดไปตั้งมากมาย เธอกลับตอบเขามาแค่คำเดียว?
ต้องยอมรับเลยว่า เธอมีศักยภาพที่จะทำให้เขาโมโหจนกระอักเลือดได้จริงๆ
แน่นอน เขาพ่อพระซะด้วยสิ
ชายหนุ่มบีบข้อมือเธอแน่นขึ้นทันที “ถ้าเบลซเปิดเผยเรื่องนี้ ผมจะหยุดงานทุกอย่างแล้วไปพักผ่อน”
“พักผ่อนเพื่อผมจะได้มีเวลาอยู่กับคุณให้มากขึ้น”
แน่นอนว่า คำพูดของเขาหมายถึงการตามจีบเธออย่างเหนียวหนึบจนสลัดไม่หลุด
หลินจือจ้องมองเขาด้วยความสยดสยอง เธออยากขอร้องอ้อนวอนเขาจริงๆ ขนาดเขาไม่ได้หยุดงานยังตามหลอกหลอนเธอไปเป็นวันๆ เช่นนี้ หากเขาหยุดงานขึ้นมาจริงๆ ละก็ วันวันหนึ่งเธอจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร
วอนเขาอย่าหยุดงานจริงๆ ด้วยเถิด