บทที่ 1508 – เตรียมตัวเดินทางไปยังหุบเขาเทือกเขาคุนเผิง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1508 – เตรียมตัวเดินทางไปยังหุบเขาเทือกเขาคุนเผิง

เมื่อมองดูการแสดงออกของปลาสถิตย์วิญญาณ ชิงสุ่ยก็รู้สึกโล่งใจทันที เขาเกรงว่าพระสถิตวิญญาณจะคอยกินปลาที่แสนมีค่าของเขา ทะเลสาบภายใต้ดินแดนหยกยุพราชอมตะถือได้ว่าเป็นทะเลสาบขนาดเล็กและมีความลึกเท่ากับเทือกเขา

ช่างน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยจับปลาสถิตย์วิญญาณได้เพียงแค่ตัวเดียว เขาหวังว่าจะจับมันได้อีกสักตัวเพื่อให้มันได้มีคู่ครอง อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับปลาที่สามารถพาเขาไปยังจุดหมายที่เขาต้องการได้ ซึ่งทำให้จิตใจของชิงสุ่ยผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

เมื่อใดที่เขาเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาก็พยายามสื่อสารกับปลาสถิตย์วิญญาณเพื่อหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับมัน เขายังคงเลี้ยงดูแต่ไม่ได้ฝึกฝนอะไรมันเลยแม้แต่อย่างเดียว

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ยังคงช้าแม้ว่าจะดูเร็วอย่างมากสำหรับสายตาคนภายนอก เขาพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองจาก 1,000 สุริยาจนกลายเป็น 6000 สุริยา ซึ่งกำลังเพิ่มพูนขึ้นอีกเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกพอใจได้เพราะความก้าวหน้านี้ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาบรรลุเกินกว่าขั้นบัญชาสวรรค์พินาศ

ชิงสุ่ยอยากจะทดสอบตัวเองโดยหวังว่าการลงทัณฑ์ของสวรรค์จะเกิดขึ้นกับตัวเขา เพื่อให้ร่างกายของเขาสามารถพัฒนาก้าวข้ามขีดจำกัดได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็คุ้มค่า

ชิงสุ่ยยินดีรับความท้าทายพวกเขาไม่ต้องการเพิ่มพูนพลังทีละเล็กทีละน้อยแบบนี้ไปตลอด ซึ่งถ้าหากคนอื่นรู้ว่าเขาคิดว่าความเร็วในการเพิ่มพูนพลังของเขานั้นเป็นเพียงการเพิ่มพูนทีละเล็กทีละน้อย คนเหล่านั้นคงรู้สึกสิ้นหวังไปตลอดชีวิต

และถ้าหากผู้อื่นรู้ว่าชิงสุ่ยครอบครองดินแดนหยกยุพราชอมตะ พวกเขาคงจะคิดทฤษฎีอื่นเพื่อเพิ่มพูนพลังแล้ว

และผลประโยชน์จากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ไม่ได้ให้ประโยชน์กับชิงสุ่ยง่ายๆเหมือนกันยึดขยายเวลา  เพราะธรรมชาติแล้วการขยายเวลาย่อมมีผลกระทบที่สำคัญ เวลาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งทำให้ผลลัพธ์ของมันไร้ผลก็ตาม

……………………..

อำนาจของหอคอยจักรพรรดิยังคงเท่าเดิม แต่มีหมอที่ทรงพลังเพิ่มขึ้น 2 คนและได้นักปรุงยาเพิ่มขึ้นอีกด้วย พวกเขาล้วนแล้วแต่นับถือในตัวของชิงสุ่ย ยิ่งทำให้ชิงสุ่ยมั่นใจในความสามารถของพวกเขามากขึ้น

นอกจากนี้ ตัวเขานั้นแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการความภักดีจากคนเหล่านี้เลย ขอเพียงแค่คนเหล่านี้สามารถดูแลกิจการงานต่างๆได้อย่างถูกต้องแม่นยำและไม่ทำอะไรที่เป็นผลเสียต่อหอคอยจักรพรรดิ เขาย่อมต้องให้อิสระกับคนเหล่านี้ตลอดเวลา

ชิงสุ่ยเดินเข้ามาภายในพื้นที่ห้องนั่งเล่น หยินต่ง เทียนยี้ เหลียนหลิงเฟิงต่างกำลังนั่งดื่มกินอาหารกันอยู่ ส่วนเสวี่ยนั่ว อวี้เหนียง ซีฉีชา กำลังพักผ่อนอยู่ชั้นบน ซึ่งชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงของพวกเขา

“น้องชาย เป็นอย่างไรบ้าง? นี่ก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วนะ ดูเหมือนเรื่องหัวใจของเจ้ายังคงไม่คลี่คลาย บางทีสักวันหนึ่งภรรยาของท่านคงจะปรากฏตัวให้ท่านได้พบเจอ”

” ใช่แล้วล่ะ พี่หญิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก นางจะต้องไปเป็นอะไรอยู่แล้ว”เสวี่ยนั่วหัวเราะขณะเดินลงมาจากชั้นบน

ชิงสุ่นสายหน้า มนุษย์คือสิ่งที่สับสนวุ่นวาย เรื่องทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจน

3 ปีที่ผ่านมา ชิงสุ่ยยังคงรอคอยมาเป็นเวลากว่า 3 ปี เมื่อรวมเวลาเน็ตแล้วเขาไม่ได้เจอหน้าอีเย่เจี้ยนเก้อมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว

ความแข็งแกร่ง ข้าเพียงต้องการความแข็งแกร่ง ถ้าหากข้าแข็งแกร่งเพียงพอแล้วเราก็ ข้าจะเดินทางไปยังพระราชวังทะเลราชันย์ด้วยตัวเองเพื่อจบปัญหาทั้งหมด

ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากแม้ว่าจะช้าเมื่อเทียบกับตัวของชิงสุ่ย แต่เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับอสูรสยบมังกร

พละกำลังของอสูรสยบมังกรเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่า และขนาดร่างกายของมันก็ขยายก็ใหญ่เทียบเท่ากับอูฐและดูเหมือนจะขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ด้วยความสามารถในปัจจุบันแม้แต่อสูรกายขนาดใหญ่ก็ยังหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับมัน

ยิ่งอสูรสยบมังกรแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร ความเร็วในการเติบโตของมันก็เพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น ตอนแรกเริ่มมันมีขนาดเท่าลูกวัวตัวเล็กๆ แต่ปัจจุบันขนาดของมันกลายเป็นอูฐโตเต็มวัย และการปรากฏตัวของมันทั้งรูปลักษณ์สีฉูดฉาดและสายตาอำมหิต มันสามารถสังหารสัตว์อสูรขนาดใหญ่ได้ราวกับพลิกฝ่ามือ

แต่ตอนนี้มันกำลังเข้าสู่สถานะการพัฒนาที่เชื่องช้าลง ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการเร่งรีบย่อมเกิดผลเสีย ผู้ชนะคือคนที่มีรากฐานที่มั่นคง แม้ว่าคนอื่นจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงใดแต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่มีรากฐานที่มั่นคงขอบเขตพลังที่ส่งออกมาก็จะถดถอยลง

หลังจากผ่านไป 2 ปี ชิงสุ่ยก็วางแผนที่จะเดินทางไปยังเทือกเขาคุนเผิง เขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย เขาปล่อยให้สัตว์อสูรของเขาพัฒนากลายพันธุ์ไปก่อน เพื่อที่เขาจะได้มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวคอยหนุนหลัง

หากนับตามตำนานอสูรอัสนีคลั่งเองก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์อสูรสายเลือดสวรรค์ที่อยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อาหารแต่ด้วยพลังของมันในปัจจุบันที่ยังดูน้อยนิด ชิงสุ่บจึงปล่อยให้มันวิวัฒนาการตัวเองจนถึงจุดชิงสุ่ยพอใจตอนที่เขาจะเดินทางไปยังเทือกเขาคุนเผิง

อสูรอัสนีคลั่ง

ความแข็งแกร่งรากฐานพลังของมันอยู่ที่ประมาณ 100 สุริยา  ซึ่งพัฒนาขึ้นกว่า 2 ปีที่แล้วอย่างมากแต่ร่างกายของมันก็ไม่ได้โตตาม เนื่องจากมันสามารถควบคุมความแข็งแกร่งของตนเองและสามารถควบคุมพื้นที่ในการสังหารศัตรูได้ถึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีร่างกายใหญ่โต

ปราการอัสนียุพราช คือทักษะพิเศษของอสูรอัสนีคลั่ง ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มพูนขึ้นทันที 100 เท่าโดยไม่ดูดกลืนพลังปราณใดๆทั้งสิ้น การทำงานของมันนั้นเป็นอิสระและมีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงงเมื่อได้รับการโจมตีจากมัน นอกจากนี้ยังสามารถสลายพลังโจมตีของศัตรูได้ถึง 2 ครั้ง

ชิงสุ่ยไม่รู้สึกแปลกใจเลยในความสามารถของปราการสายฟ้ายุพราช ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้น 100 เท่ามันสมน้ำสมเนื้อแล้วกับสายเลือดของอสูรอัสนีคลั่ง บางทีหากวิวัฒนาการไปมากกว่านี้ความแข็งแกร่งก็คงจะเพิ่มพูนขึ้นอีกมากกว่าร้อยเท่าอย่างแน่นอน

อัสนีกัมปนาท : เมื่อใช้งานแก่นพลังจะก่อให้เกิดการโจมตีที่รุนแรงของสายฟ้าจากสวรรค์ การโจมตีจะทำความเสียหายมากขึ้น 8 เท่าและมีขอบเขตกว้างไกลถึง 6 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดสถานะมึนงงหลังจากการโจมตี และจะทำให้ศัตรูมีพลังความเร็วที่ลดลงและไม่อาจปลดปล่อยพลังได้รวดเร็วอย่างที่ควรเป็น นอกจากนี้ถ้าหากศัตรูกำลังอ่อนแอพลังโจมตีของอัสนีผ่าปฐพีจะรุนแรงขึ้น 20 เท่าจากพลังปกติ

อัสนีต่อเนื่องกำราบมาร เริ่มต้นสร้างสายฟ้ากระจายออกเป็นลูกโซ่ในวงกว้าง มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงงและถูกโจมตีด้วยพลังระดับ 5 เท่า

อัสนีจรัสแสง เป็นทักษะติดตัวที่เพิ่มพูนความเร็ว 15 เท่าอย่างถาวร

ยิ่งความเร็วเพิ่มขึ้น ความสามารถในการควบคุมทักษะก็ยิ่งมากขึ้น

อัสนียุพราชโหมกระหน่ำ  ผลักดันการพลังปราณเพื่อระเบิดพลังสายฟ้าฟาดที่รุนแรงใส่ศัตรู พลังโจมตีของมันเทียบได้กับ 15 เท่าของพลังโจมตีธรรมดาและมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงง แต่ทักษะนี้จะใช้ได้ทั้งหมด 6 ครั้งต่อ 3 ชม

อัสนีพิโรธ เป็นทักษะติดตัวที่มีการดูดกลืนพลังเป็นศูนย์ มันจะเพิ่มพูนพลังของอัสนีกัมปนาทและอัสนียุพราชโหมกระหน่ำอีก 4 เท่าตัว

อัสนีหวนคืน อสูรอัสนีคลั่งเจ้าสามารถดูดซับพลังงานภายในดอกบัวพุทธองค์ทองคำและใช้มันในการฟื้นคืนพลังอย่างรวดเร็วถึง 70% และเพิ่มพูนความเร็วในการฟื้นฟูมากถึง 10 เท่า แต่ทักษะนี้จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งละ 30 นาทีและจะต้องฟื้นคืนพลัง 1 ชั่วโมงทุกการใช้งาน 2 ครั้ง

ส่วนทักษะอื่นๆไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่อย่างน้อยมันก็ยังคงเป็นทักษะที่ทำให้สัตว์อสูรอัสนีคลั่งตัวนี้สามารถเอาตัวรอดได้มาโดยตลอด แต่ตัวของชิงสุ่ยยังรู้สึกได้ว่าตัวของอสูรอัสนีคลั่งยังสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้

ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเดินทางไปยังเทือกเขาคุนเผิงแล้ว หยินตงและเหลียนหลิงเฟิงก็อยากจะมากับเขาด้วยแต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะว่าตัวของชิงสุ่ยคิดไว้แล้วว่าถ้าเกิดเหตุผิดพลาดเขาจะได้หนีรอดได้อย่างง่ายดาย

ชิงสุ่ยออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นโดยอาศัยพาหนะเป็นมังกรไอยราเกล็ดทองคำ

เมื่อมาถึงเขตแดนของเทือกเขาคุนเผิงมันคือภูเขามหึมา ในวันแรกที่ชิงสุ่ยเดินทางมาถึงเขาเห็นว่ามีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น และกำลังเดินทางมายังทิศเดียวกับที่เขาเดินทางมา

บรรดานักผจญภัยมากมายกำลังเดินออกสำรวจเทือกเขาคุนเผิงโดยอาศัยเส้นขอบแดนที่มีความปลอดภัย เพราะยิ่งลึกเข้าไปจะยิ่งเจออันตราย ชิงสุ่ยมองดูรอบๆก่อนจะจัดเตรียมที่พักของเขาและเลือกที่จะหยุดพักก่อนครึ่งวัน

“ดูเหมือนว่าราชาหมีทองคำจะปรากฏขึ้นในหุบเขาคุนเผิงแล้วสินะ ข้าเห็นผู้คนบาดเจ็บมากมาย”

“ราชาหมีทองคำ? มันแข็งแกร่งเพียงใดกัน?”ใครบางคนออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“มันคือสัตว์สายพันธุ์หมีนภาเหล็กไหล แน่นอนว่าพลังของมันต้องน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน”

“แล้วทำไมสัตว์อสูรทรงพลังเหล่านี้ถึงไม่อยู่ภายในหุบเขาลึกล่ะ? พวกเราอยู่ที่ชายแดนนะ หรือว่าที่นี่จะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว?”