“ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงยังเยาว์ แต่คุณสมบัติไม่เลว อบรมบ่มเพาะให้ดีๆ ต่อไปก็จะสามารถเป็นประมุขที่ดีของปวงชนได้”
“นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นหรือไม่”
“อวี้จื้อ เจ้าอยากถามอะไร”
เซียวเหยี่ยนสัมผัสได้ว่าคำพูดของหลิงอวี้จื้อมีความนัย ดูเหมือนยังอยากถามอะไรสักอย่าง
หลิงอวี้จื้อเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน ดึงมือเซียวเหยี่ยนไว้
“ตอนนั้นไทเฮาไม่ได้มาหาท่านเพื่อให้ช่วยหรือ”
“มาสิ”
“นางใช้เงื่อนไขอะไรที่ทำให้ท่านมาช่วยเหลือนางหรือไม่”
“เป็นเช่นนั้นจริง จะช่วยใครสักคนก็ต้องมีของแลกเปลี่ยน ไทเฮาก็ไม่เว้น”
หลิงอวี้จื้อไม่มีแก่ใจจะถามต่อไปแล้ว พูดเช่นนี้แสดงว่าไทเฮายอมขายตัวเองแลกกับการสนับสนุนของเซียวเหยี่ยน ในเมื่อมู่หรงกวานเย่ว์เป็นคนที่เซียวเหยี่ยนเคยชอบ ถ้าหากนางเสนอตัวร่วมหอกัน ตอนนั้นเซียวเหยี่ยนเองก็ไม่ได้มีคนที่ชอบอยู่ การยอมรับข้อเสนอก็เป็นเรื่องปกติ
หลิงอวี้จื้อหาเหตุผลมาปลอบใจตนเองไม่หยุด เข้าใจเหตุผลดี แต่ก็ยังไม่สบายใจ ไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้ รู้แล้วก็ไม่มีวิธีควบคุมตนเองไม่ให้คิดมากด้วย
เห็นหลิงอวี้จื้อก้มหน้าก้มตา เซียวเหยี่ยนก็ลูบหัวเธอ
“คิดอะไรอีกแล้ว”
“ไม่มีอะไรเพคะ ไทเฮารักลูกตนเองจริงๆ เพื่อลูกชายถึงกับทุ่มสุดตัว”
“เจ้าไปฟังอะไรมาอีกใช่หรือไม่ ข้ากับไทเฮาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนานแล้ว เรื่องตอนเด็กๆ ก็ผ่านไปนานมากแล้ว เจ้าคงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้อีกกระมัง!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร อดีตข้าก็มีคนที่ชอบ”
หลิงอวี้จื้อปากแข็ง พูดเสียงสูง ที่ผ่านมาเธอเคยชอบคนสองคน แต่ไม่ได้พัฒนาถึงขั้นหลับนอนด้วยกัน บริสุทธิ์จนไม่รู้จะบริสุทธิ์อย่างไรแล้ว
“ต่อไปไม่อนุญาตให้พูดถึงซ่งเฉิงอีก”
เซียวเหยี่ยนเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เช่นนั้นท่านก็ห้ามพูดถึงไทเฮาอีก”
เซียวเหยี่ยนลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ
“ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้า ต่อไปพวกเราต่างก็ไม่ต้องพูดถึง”
“ต่อไปท่านจะไปชอบคนอื่นหรือไม่”
“ไม่”
เซียวเหยี่ยนไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาตอบคำถามของหลิงอวี้จื้อคำถามนี้
“ต่อไปมันอีกตั้งนาน ท่านรู้ได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อหยุดเดิน เงยหน้าขึ้นถาม
“ไม่มีอะไรที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่รู้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทุ่มเทขนาดนี้เพื่อผู้หญิง เมื่อมีหลิงอวี้จื้อแล้ว ต่อไปเขาก็มั่นใจว่าจะไม่หวั่นไหวไปชอบหญิงอื่นอีก เพราะเขาไม่เหลือใจให้ใครอีกแล้ว
หลิงอวี้จื้ออยากจะกลอกตาใส่เซียวเหยี่ยน คนอะไรหลงตัวเองขนาดนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คำที่น่าฟังใครก็ชอบฟัง เธอเองก็ไม่เว้น
เซียวเหยี่ยนยกมือหลิงอวี้จื้อขึ้นมา สำรวจอย่างระมัดระวัง ถามว่า
“ยังเจ็บมือหรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้ว ดีขึ้นเยอะแล้วเพคะ ตอนข้าถักผ้าพันคอใช้มืออีกข้างเป็นหลัก มือนี้ไม่ได้ขยับมากนัก เป่าให้หน่อยสิเพคะ”
หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปข้างหน้าเซียวเหยี่ยนเหมือนเด็กๆ เซียวเหยี่ยนร่วมมืออย่างดี เป่ามือให้หลิงอวี้จื้ออีกครั้ง ทำเอาหลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่นออกมา
พอหัวเราะเสร็จแล้ว ความรู้สึกหงุดหงิดในใจทั้งหลายก็หายไปเกือบหมด เรื่องอดีตเหล่านั้น ไม่ต้องไปคิดถึงแล้ว รังแต่จะทำให้ตนเองกังวลใจเสียเปล่าๆ เวลาไม่ไหลย้อนกลับ คิดไปก็เสียเปล่า อย่างน้อยเขากับมู่หรงกวานเย่ว์ก็ตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกันอีกเลย
“อวี้จื้อ อีกสองวันข้าจะออกไปนอกเมืองสักหน่อย คงจะกลับมาทันก่อนวันตรุษจีน”
“จากตอนนี้ถึงตรุษจีนก็ตั้งหนึ่งเดือน ท่านต้องไปนานขนาดนั้นเชียว”
“เสร็จงานก็กลับแล้ว”
เซียวเหยี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน
หลิงอวี้จื้อยื่นมือออกไปโอบเอวเซียวเหยี่ยน
“ถ้าข้าคิดถึงท่านแล้วจะทำอย่างไร ท่านพาข้าไปด้วยดีกว่า!”
“เชื่อข้า รอข้ากลับมา”
เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อแน่น พูดข้างหูเธอแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกจั๊กจี้ เธอหลบเข้าไปในอ้อมกอดของเซียวเหยี่ยน
“ท่านกลับมาเร็วๆ นะ เดินทางระวังตัวด้วยนะเพคะ”