บทที่ 370 แต่งงานเพื่อกลั่นแกล้งหญิงที่น่าสงสาร

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินมองว่าเรื่องบางเรื่องจะรีบร้อนไม่ได้ ยิ่งเรื่องการสืบค้นเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนยิ่งต้องใจเย็นๆ หากผลีผลามขึ้นมาจะเกิดเรื่องวุ่นวาย หากเสียแผนขึ้นมาก็จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามมาเล่นงานนางได้
รอมาสิบกว่าปียังรอได้ รอต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ เรื่องการหาหลักฐานค่อยๆดำเนินไปก็ได้ สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการสร้างจวนเฟิ่งขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อยืนกรานที่จะไม่จากไปไหนแล้ว ก็ต้องมีบ้านสักหลังหนึ่ง
แม้ซุนเจิ้งเต้าไม่ได้ว่าอะไร แต่การไปขออาศัยในบ้านของคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ประสบการณ์เมื่อชาติก่อนทำให้นางเกลียดการไปขออาศัยผู้อื่น หากบ้านของตัวเองไม่พัง ถึงอย่างไรก็ยังเป็นบ้านของตัวเอง อยู่บ้านของตัวเองสบายใจที่สุด
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่ปรานีนาง หลังจากนั้นไม่ถึง 3 วัน เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่สามารถดำเนินเรื่องการก่อสร้างจวนเฟิ่งขึ้นมาใหม่ ความวุ่นวายวิ่งมาหานางแล้ว……
จากการหารือมาได้สักระยะ พิธีอภิเษกของซีหลิงเหยาหวาและตงหลิงจื่อชุนก็ได้กำหนดขึ้น ก่อนงานอภิเษกได้มีการเลื่อนยศให้ตงหลิงจื่อชุน จากองค์ชายขึ้นเป็นชินอ๋อง
ตอนนี้ไม่มีองค์ชายชุนหยูแล้ว หากแต่เป็นชุนชินอ๋อง เมื่อองค์หญิงเหยาหวาอภิเษกกับเขาก็จะกลายเป็นพระชายาชินอ๋อง ตำแหน่งนี้สูงกว่าตำแหน่งเดิม ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว แม้นางจะไม่ได้แต่งงานกับตงหลิงจื่อลั่วแต่ก็ยังได้เป็นถึงพระชายาชินอ๋อง
สถานะของผู้หญิง ก่อนแต่งงานขึ้นอยู่กับพ่อแม่ หลังแต่งงานขึ้นอยู่กับสามี ซีหลิงเทียนเหล่ยผู้เป็นพี่ชายทำได้ไม่เลวเลย ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังจัดหาตำแหน่งพระชายาชินอ๋องมาให้กับนางได้
แน่นอนว่าซีหลิงเทียนเหล่ยเน้นเรื่องทางการเมือง เขาต้องการกอบโกยผลประโยชน์มาให้กับตนเอง โดยไม่ลืมนึกถึงราชวงศ์ซีหลิง
แม้ว่าหากเทียบกันแล้ว พระชายาลั่วอ๋องจะมีศักดิ์สูงกว่าพระชายาชุนอ๋อง แต่การแต่งงานกับผู้ชายอย่างตงหลิงจื่อลั่วเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ตงหลิงจื่อลั่วเป็นหนึ่งในผู้แย่งชิงบัลลังก์ หากเขาทำสำเร็จ ซีหลิงเหยาหวาก็จะเลื่อนยศจากพระชายาชินอ๋องขึ้นเป็นฮองเฮา แต่ถ้าหากเขาพ่ายแพ้ นั่นหมายความว่าแม้แต่ชีวิตคงไปต่อไม่ได้แล้ว……
ใช่ว่านางเป็นองค์หญิงจากแคว้นอื่นแล้วจะรอด มิหนำซ้ำ ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งต้องรีบกำจัดนาง ในมุมมองของเฟิ่งชิงเฉิน การที่องค์หญิงเหยาหวาได้อภิเษกกับชุนชินอ๋องจะมีความสุขมากกว่า อย่างน้อยๆชีวิตหลังจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้กังวล แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าความทะเยอทะยานขององค์หญิงเหยาหวาคงไม่ยอมอยู่อย่างสงบแน่ ซึ่งตรงจุดนี้ก็หาได้เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินไม่
เรื่องการอภิเษกของชุนชินอ๋องกับองค์หญิงเหยาหวาถูกคาดการณ์ไว้นานแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่ตกใจแต่อย่างใด ทว่าสิ่งที่ทำให้นางตกใจ ก็คือหลังการประกาศเรื่องการอภิเษกเพียงไม่นาน ชุนชินอ๋องก็ทูลขอฮ่องเต้ว่าอยากจะแต่งงานกับตน ซึ่งแน่นอนว่าแต่งเข้ามาเป็นพระชายารอง……
“ฮ่องเต้ทรงเห็นชอบแล้วงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินหัวใจสั่นสะท้าน นางเอ่ยปากถามตี๋ตงหมิงอย่างร้อนใจ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขในอนาคตของนาง การที่ยังไม่แต่งงานยังสามารถเลือกได้ แต่การแต่งงานไปเป็นพระชายารอง ชีวิตนางยังจะมีทางเลือกอยู่อีกหรือ ไม่แน่ว่ายังไม่ทันที่นางจะออกไปจากเมืองหลวงก็คงต้องถูกจับตัวกลับมาก่อน
ตี๋ตงหมิงได้แต่ยิ้มโดยไม่พูด แต่ในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ฮ่าๆๆ ไม่นึกเลยว่าคนอย่างเฟิ่งชิงเฉินก็มีช่วงเวลาเช่นนี้ด้วย เขานึกว่านางจะใจแข็งราวหินผา เห็นคนตายก็สีหน้านิ่งเฉย ผ่ากะโหลกคนก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่นึกเลยว่าเพียงคำสั่งให้แต่งงานกลับทำให้นางตกใจจนหน้าซีดถึงเพียงนี้
ตี๋ตงหมิงดื่มชาอย่างสบายใจ เมื่อเขาชื่นชมท่าทางอันร้อนรนของเฟิ่งชิงเฉินจนพอใจแล้วจึงเริ่มเอ่ยปากพูดกับนาง “เจ้ากังวลอะไรหรือ หากเจ้าได้เป็นพระชายารองแห่งจวนชุนอ๋อง ด้วยความหลงใหลที่ชุนชินอ๋องมีต่อเจ้าก็ทำให้เจ้าเป็นใหญ่ภายในจวนได้นี่นา แถมดูสถานะของเจ้าสิ ได้เป็นถึงพระชายารองก็ไม่เลวเลยทีเดียว”
เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองตี๋ตงหมิงด้วยสายตาไม่พอใจ แต่จากที่ได้ฟังเขาพูดมา นี่คงไม่ใช่พระประสงค์ของฮ่องเต้ จึงถอนหายใจและพูดว่า “การเป็นพระชายารองชุนอ๋องถือเป็นศักดิ์ที่สูงมาก แต่ข้าไม่อยากมีชีวิตที่ต้องคอยแก่งแย่งกับองค์หญิงเหยาหวา ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องลั่วอ๋องมาทำให้ข้าต้องไปสู้กับนาง มาตอนนี้ยังจะให้ข้าไปต่อกรกับนางอยู่อีกหรือ”
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดว่าไม่ต้องการเป็นพระชายารอง ถึงพูดไปตี๋ตงหมิงก็คงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าหากฮ่องเต้ไม่ทรงเห็นชอบก็จะถือเป็นเรื่องดี
“เจ้าคิดไปไกลแล้ว การที่เจ้าคิดหลีกหนีไม่ได้แปลว่าฝ่ายตรงข้ามจะปล่อยเจ้าไปนะ ทันทีที่องค์หญิงเหยาหวาได้ยินเรื่องที่ชุนอ๋องจะขอเจ้าแต่งงานก็อาละวาดโดยการปาชุดชงชา แถมยังตรัสด้วยว่าจะตามจองล้างจองผลาญเจ้าอย่างถึงไหนถึงกัน” ตี๋ตงหมิงแสดงท่าทีเป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉิน
องค์หญิงเหยาหวาคงจะคับแค้นใจมาก องค์หญิงอย่างนางต้องมาแก่งแย่งผู้ชายคนเดียวกับเฟิ่งชิงเฉิน และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือนางต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แต่งงานกับตงหลิงจื่อลั่ว องค์หญิงเหยาหวาก็ไม่ได้แต่งงานกับเขาเช่นเดียวกัน ตอนนี้องค์หญิงเหยาหวาได้มาอภิเษกกับชุนชินอ๋อง แต่ชุนชินอ๋องก็มิวายปันใจไปให้เฟิ่งชิงเฉิน
“ถึงไหนถึงกันเลยงั้นหรือ? คนที่พูดเช่นนี้น่าจะเป็นข้าต่างหากล่ะ อย่าลืมสิว่าก่อนหน้านี้ตงหลิงจื่อลั่วเป็นคู่หมั้นของข้า นางเป็นคนวางแผนให้ข้าต้องพบเจอความอัปยศในงานแต่ง ทำให้ว่าที่พระชายาอย่างข้ากลายเป็นพระชายาที่ถูกทิ้ง ข้าไม่เห็นไปเล่นงานนางเลย แต่นางกลับตามจองล้างจองผลาญข้า แล้วอีกอย่างเรื่องของชุนชินอ๋องมาโทษข้าได้หรือ? นางควรจะไปหาเรื่องชุนชินอ๋องต่างหาก ข้าไม่ได้เสนอตัวไปเป็นพระชายารองเสียหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินพูดด้วยความอึดอัด องค์หญิงเหยาหวาหาเรื่องเก่งจริงๆเลย
“เจ้าก็พูดเช่นนั้นได้ แต่เจ้าไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ หากเทียบกับองค์หญิงเหยาหวาแล้ว จะว่าเจ้าพูดถูกมันก็ถูกอยู่หรอก แต่จะว่าพูดผิดก็ได้นะ การกระทำของชุนชินอ๋องถือเป็นการตบหน้าขององค์หญิงเหยาหวา นางก็ต้องมาคิดบัญชีกับเจ้าก็ถูกแล้ว” ตี๋ตงหมิงทำสีหน้าจริงจัง
เรื่องลั่วอ๋องและชุนชินอ๋อง เฟิ่งชิงเฉินถือเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่แล้วอย่างไรล่ะ? องค์หญิงเหยาหวาจะใส่ใจหรือว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ องค์หญิงเหยาหวามองแค่เพียงว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นหนามยอกอกนาง มาแย่งผู้ชายของนางไป นางจึงต้องมาเล่นงานเฟิ่งชิงเฉิน
หากเฟิ่งชิงเฉินดวงไม่แข็งจริงล่ะก็ คงจะตายกลายเป็นศพไปนานแล้ว
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ต้องยอมรับว่าข้าผิดเองอย่างนั้นหรือ? ข้าคงต้องซวยไปหลายภพหลายชาติที่มาเจอคนอย่างซีหลิงเหยาหวา” เฟิ่งชิงเฉินแหงนหน้ามองฟ้า นางโมโหจนเรียกชื่อของซีหลิงเหยาหวาออกมาตรงๆ
เบื่อพวกชนชั้นสูงจริงๆ ตอนนี้นางมุ่งหวังเหลือเกินว่าตนเองจะเกิดมาสูงส่งบ้าง ให้สูงส่งยิ่งกว่าซีหลิงเหยาหวา หากเป็นเช่นนั้นได้นางคงจะเหวี่ยงซีหลิงเหยาหวาให้พ้นหูพ้นตา และคงไม่มีใครกล้ามาว่านางด้วย เพราะสถานะที่สูงส่งจะเป็นเหมือนอำนาจปกป้องนาง
หากนางเกิดมาสูงส่ง อย่าว่าแต่องค์หญิงเหยาหวาจะวางแผนพังงานแต่งงานของนางเลย หากองค์หญิงเหยาหวาไม่แสดงความเคารพต่อนาง ก็จะมีใครหลายๆคนออกมาปกป้องนาง น่าเสียดายนี่เรื่องพวกนี้เป็นเพียงความเพ้อฝัน นางไม่ได้มีชาติกำเนิดที่สูงส่ง และไม่มีใครออกมาปกป้องนาง นางจึงทำได้แค่อดทนไปเรื่อยๆ
ตี๋ตงหมิงเองก็เห็นใจเฟิ่งชิงเฉินอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจช่วยอะไรนางได้เลย “ในอนาคตเมื่อซีหลิงเหยาหวาแต่งงานมาอยู่ที่ตงหลิงแล้ว เรื่องวุ่นวายในชีวิตเจ้าก็จะยิ่งมากขึ้น อย่าลืมว่านางคือพระชายาชุนอ๋อง ชุนอ๋องคงห้ามปรามอะไรนางมากไม่ได้ เจ้าต้องเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง”
สงครามหลังบ้านมีให้เห็นอยู่ร่ำไป แม้ตระกูลตี๋จะไม่มีสงครามหลังจวนให้ปวดหัว แต่เนื่องจากเขาเติบโตมาในเมืองหลวง จึงเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี
“ต่อไปเวลาข้าเจอนางข้าจะเดินอ้อมไปอีกทาง แต่ถ้าหากนางยังจ้องเล่นงานข้า ข้าคงจะไม่รอดแน่ๆ ต้องสู้กันอย่างถึงไหนถึงกัน ท่านซื่อจื่อ ท่านคิดว่าข้าไปฆ่าซีหลิงเหยาหวาให้สิ้นเรื่องดีหรือไม่?”
เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะพูดเล่น แต่สายตาของนางบอกกับตี๋ตงหมิงว่านางนั้นพูดจริง นางอยากกำจัดซีหลิงเหยาหวาให้สิ้นซาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต……