บทที่ 255 กินเยอะๆ จะได้มีแรง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เมื่อเห็นเทาเท่หรี่ตามองตัวเองอย่างคาดโทษ หลินจือพลันรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าเขาจะทำอะไรป่าเถื่อนกับเธออีกครั้ง

ทว่าเขากลับไม่ได้ทำอะไร เพียงพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาราวกับหมูป่า

เทาเท่จับเอวบางของเธอไว้ “ความสัมพันธ์ทางกายระหว่างชายหญิง ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงไม่ใช่เหรอ”

หลินจือไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง”

เทาเท่ขยับเข้ามาแนบชิดเธอ อุณหภูมิในดวงตาที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ “ในครัวก็ได้ไม่ใช่เหรอ หรือจะเป็นห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น บนโซฟา เพียงแค่ต้องการตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นแม้ลุกออกจากเตียง เราก็ยังแนบชิดกันได้”

คำพูดของเขาทำให้หลินจือหน้าขึ้นสีระเรื่อ ผสานกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ข้างหู ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของหญิงสาวร้อนผ่าว

เธอจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ความเร็วของเทาเท่เพิ่มขึ้นมาทันทีทันใด และเธอก็ไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อลุกออกจากเตียงพวกเขาก็ยังแนบชิดกันได้งั้นเหรอ เขาจงใจเถียงข้างๆ คูๆ ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เธอพูดไปหมายถึงการมีสัมพันธ์กันทางกายเพียงเท่านั้นไม่ใช่หัวใจ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการคบเธอเช่นคู่รักทั่วไป

ไอ้จิ้งจอกเฒ่า!

หลินจือรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าให้แล้ว ซ้ำยังคิดผิดว่าข้อเสนอที่ตัวเองเสนอออกไปคงทำลายผู้ชายเย่อหยิ่งอย่างเขาได้ เพื่อให้เขาไปจากเธอ ใครจะรู้ว่าเธอจะขุดหลุมฝังตัวเอง

โชคดีที่เสียงกริ่งประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน คาดว่าน่าจะเป็นอาหารที่เทาเท่สั่งมาถึงแล้ว

หลินจือผลักเขาออก “ฉันจะไปเปิดประตู”

เธอไม่อยากถูกคนอื่นเห็นเทาเท่อยู่กับเธอที่นี่ ซ้ำยังใส่ชุดอยู่บ้านแบบนี้อีก

เทาเท่รู้ว่าตอนนี้เขาไม่อาจบีบบังคับหลินจือไปมากกว่านี้ได้ จึงลุกขึ้นแล้วหลีกทางให้เธอ

เมื่อหลินจือรับอาหารเสร็จแล้วมา พลันได้ยินเสียงวีแชตดังออกมาจากโทรศัพท์ของเทาเท่ไม่หยุด เพียงหลินจือเหลือบมองท่าทีการตอบกลับข้อความของเขา ก็รู้สึกขัดหูขัดใจขึ้นมาทันที

ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปแล้วรอยยิ้ม มุมปากชายหนุ่มยกยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับว่ามีเรื่องที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจอย่างเหลือล้น

โซเมนพูดขึ้นมาคนแรกในกลุ่ม พร้อมกับแอดเทาเท่ “ฉันได้ยินมาว่า นายให้คนไปส่งอาหารที่บ้านหลินจือ? พวกนายสองคนยังไงกันแน่?”

เทาเท่ควบคุมรอยยิ้มตัวเองให้ราบเรียบ แล้วตอบกลับไป “อยู่ด้วยกัน”

เขาเงยหน้ามองหลินจือที่ยกอาหารเข้ามา ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงทันที จากนั้นเดินไปรับอาหารมาวางไว้บนโต๊ะทีละอย่างทีละอย่าง เดิมทีหลินจือเพียงแค่ต้องการให้เขาหยุดยิ้มแบบนั้น แต่เมื่อเห็นแก่ความมีมารยาทของเขา จึงบอกให้เขาหยุด

หลังจากเทาเท่ทิ้งบอมบ์ไว้ ทั้งสี่คนในกลุ่มพลันแตกกระเจิงด้วยความตกใจ

โซเมนสะดุ้ง “ไม่มีทาง ทำไมรวดเร็วขนาดนี้”

นทีบดีที่ดำน้ำอยู่นานหลายปีพูดขึ้นมา “ไอ้เท่ ฉันต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนายใหม่แล้วว่ะ”

ไวท์ก็ประหลาดใจเช่นกัน “มันค่อนข้างกะทันหัน”

โซเมนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อสองสามวันก่อนยังแสดงฉากขมขื่นอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แกไปขอร้องอ้อนวอนเพื่อพบคนบางคนหน้าประตูบ้านตระกูลแม็กซิมัสท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำมารึไง”

ไม่แปลกที่ทั้งสามจะตกใจความจริงเมื่อก่อนหน้านี้หลินจือปฏิเสธเทาเท่อย่างแน่วแน่ต่อหน้าทุกคน

ประโยคต่อมาของเทาเท่ยิ่งทำให้ทั้งสามตื่นตกใจเข้าไปอีก “ร่างกายก็อยู่ด้วยกัน”

ทั้งสามคน “…”

หลังจากที่เทาเท่เห็นว่าทั้งสามไม่ได้พูดอะไร เขาจึงวางโทรศัพท์ลงด้วยความพึงพอใจ แล้วนั่งรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับหลินจือ

ปล่อยให้สหายสามคนของตนจิตใจตุ้มๆ ต่อมๆ ราวกับขึ้นรถไฟเหาะอยู่อย่างนั้น และเป็นความอภิรมย์ของเขาอย่างหนึ่ง เพราะเพื่อนๆ ชอบใช้เรื่องนี้มาเยาะเย้ยเขาอยู่เสมอ

อาหารจากร้านอาหารของโซเมนอร่อยถูกปาก แต่หลินจือรับประทานได้ไม่มากนัก ดังนั้นเพียงไม่นานเธอก็รับประทานอาหารเสร็จ

เธอกำลังจะวางตะเกียบลง ทันใดนั้นเทาเท่ก็คีบอาหารมาวางไว้ในถ้วยตรงหน้าเธอ หลินจือปฏิเสธ “ฉันอิ่มแล้ว”

มุมปากของเทาเท่โค้งขึ้นอย่างมีเลศนัย “กินเยอะๆ จะได้มีแรง”

ใบหน้าขอหลินจือขึ้นสีทันใด “เทาเท่ นายไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไร้ยางอาย และปากสกปรกแบบนี้นะ!

แต่เมื่อคิดไปคิดมา เมื่อก่อนเธอกับเทาเท่อยู่ด้วยกันก็จริง แต่ด้วยอารมณ์ที่บ้างก็คลุมเครือบ้างก็อ่อนไหว ทำให้ทั้งสองแทบไม่ได้พูดคุยกันบนโต๊ะอาหารเลยด้วยซ้ำ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเทาเท่ก็จะไปทำงานที่ห้องหนังสือ จึงทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้สื่อสารกันมากนัก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการสื่อสารส่วนใหญ่ของพวกเขาคือเรื่องบนเตียง สื่อสารด้วยร่างกายอย่างลึกซึ้งมากกว่าสื่อสารด้วยหัวใจเสียอีก

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลินจือจึงอดพูดขึ้นมาเสียไม่ได้ “จริงๆ แล้ว ยังไม่มีสัญญาการใช้หัวใจกับคุณอย่างถูกต้องเลยนะ”

เทาเท่ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง”

หลินจือพึมพำ “ก็คนอย่างคุณมันไร้ยางอาย และฉันก็ไม่ชอบเอามากๆ”

เทาเท่แก้ต่างให้ตัวเองอย่างผู้บริสุทธิ์ “นี่ไม่ใช่ความรักระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ หรือว่าคุณอยากจะให้ผมไปพูดแบบนี้กับผู้หญิงข้างนอก?”

หลินจือลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ยิ้มสดใสพลางตอบเขากลับไปว่า “เชิญคุณไปพูดกับผู้หญิงของคุณไปเถอะ อย่ามาพูดต่อหน้าฉัน”

พูดจบหลินจือก็หันหลังเดินจากไป เธอวางแผนจะขึ้นไปเก็บของและรีบออกจากบ้านโดยเร็วที่สุด เธอต้องการหลีกเลี่ยงเทาเท่ไปสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เมื่อเขากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ จะได้ไม่ต้องพาลเธอพาไปออกกำลังอีกครั้ง

เมื่อภายในใจคิดได้เช่นนั้นหลินจือรีบเก็บของโดยเร็ว หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพแล้วลงมาข้างล่าง เทาเท่ยังคงรับประทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย “ฉันมีธุระ จะออกไปข้างนอกสักหน่อย”

ไม่รอให้เทาเท่ได้ตอบกลับ เธอรีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที

เทาเท่หงุดหงิดใจขึ้นมา เธออย่าคิดว่าเขาไม่รู้ เธอจงใจหลบหน้าเขา

คนขี้ขลาด กล้าเสนอเขาให้มีสัมพันธ์ทางกายโดยไม่ใช้หัวใจ แต่ตัวเองกลับไม่กล้าเผชิญหน้าเสียเอง

หลินจือออกมาจากชุมชนแล้วนั่งแท็กซี่ตรงไปยังกองถ่าย “The Legend of Concubine Rong ” เธอไม่มีที่ไปอีกแล้ว นานิอยู่กองถ่ายกับทีมงาน เธอจึงต้องไปหาหล่อนที่นั่น

ตอนหลินจือมาถึงที่นี่นานิก็ถ่ายทำเสร็จพอดี ทั้งสองจึงพูดคุยกันอยู่ในรถพี่เลี้ยงของนานิ

หลังจากนานิได้ฟังเรื่องความป่าเถื่อนของเทาเท่เมื่อคืนจากหลินจือ พลันอดหัวเราะขึ้นมาเสียไม่ได้ แล้วพูดหยอกล้อหลินจืออีกว่า “เอาน่าหลินจือ มันก็แค่การเล่นเกมอารมณ์”

หลินจือเป็นคนเสนอเองว่าให้มีความสัมพันธ์กันแค่ทางกายโดยไม่ใช้หัวใจ ไม่ใช่การเล่นเกมอารมณ์อะไรทั้งนั้น?

หลินจือกลัดกลุ้มใจ “ฉันบอกว่าฉันเสียใจตอนนี้ยังทันไหม?”

เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนเทาเท่ดื่มเหล้ามา ทำไมสมองเธอถึงไม่คิดถี่ถ้วนให้ดีก่อนจะพูดออกไปแบบนั้น? เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าเทาเท่จะเห็นดีเห็นงามด้วย

“มีอะไรให้เสียใจหนักหนา” นานิไม่สนใจเธอ “นอนกับเทาเท่ ย่อมไม่ขาดทุนแน่นอน”

หลินจือยกมือขึ้นปิดหน้า “ทำไมฉันจะไม่ขาดทุน ฉันขาดทุนเห็นๆ รู้สึกว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เลย!”

นานิหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจหลินจือ “ก็กินยาชูพลังซะสิ แล้วบีบประธานเทาเท่ให้แห้งตายไปเลย”

หลินจือ “…”

นานิพูดเตือนอย่างเคร่งขรึม “แต่ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเตือนเธอสักหน่อย”

หลินจือตอบกลับ “อะไร?”

นานิพูดด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “พวกเธอรุนแรงกันขนาดนี้ ต้องคุมกำเนิดให้ดีนะ”

คำพูดของนานิทำให้แผ่นหลังของหลินจือเย็นวูบขึ้นมาด้วยเม็ดเหงื่อ ใช่ เธอต้องคุมกำเนิดให้ปลอดภัย

ถ้ามีลูกตอนนี้ เธอคงต้องได้ร้องไห้จริงๆ แน่

จากท่าทีของเทาเท่มีต่อเธอในตอนนี้ เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมา เขาคงผูกมัดเธอด้วยกฎกระทรวงฝ่ายพลเรือนเพื่อให้เธอแต่งงานใหม่กับเขา