“คำเดียว แม้ว่าแดนกว้างเย็นนี้จะมีสมุนไพรหายากจำนวนมาก แต่ต้องดูว่าเจ้ามีวาสนาหรือไม่” เสียงแจ่มใสดังมาจากนอกวิหาร ทันใดนั้นประตูวิหารพลันมีสายรุ้งสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา 

 

 

หลังจากลำแสงหม่นแสงลง ก็เผยร่างของชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งปรากฏขึ้น ดวงตาสองข้างเล็กเรียว หน้าขาวผ่องจมูกดุจนนกอินทรี 

 

 

“อาวุโสหม่าช่างรวดเร็วนัก เดิมทีข้านึกว่าศิษย์น้องหวงจะมาก่อน” เชียนจีจื่อเห็นชายวัยกลางคน ก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

หานลี่จะไม่รู้หรือว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นอาวุโสระดับผสานอินทรีย์ของเผ่าหมื่นโบราณอีกคนหนึ่ง จึงรีบร้อนค้อมตัวลงคารวะ 

 

 

“ช่วงนี้อาวุโสหวงกำลังปรุงยาอยู่หม้อหนึ่ง แม้ว่าจะได้ข่าวเร็วกว่าข้า เกรงว่าก็ต้องรออีกประเดี๋ยว สหายผู้นี้คนนอกเผ่าที่กระตุ้นแผ่นกว้างเย็นที่อาวุโสเชียนพูดถึงหรือ?” สายตาของชายวัยกลางคนแซ่หม่ากวาดขึ้นลงไปบนเรือนร่างของหานลี่ ปากก็เอ่ยถามอย่างราบเรียบ 

 

 

“ใช่แล้ว ชนรุ่นหลังเองขอรับ!” หานลี่ทำได้เพียงตอบรับอย่างซื่อๆ 

 

 

“อืม เผ่าเบื้องบนขั้นที่ห้า พลังยุทธ์ของสหายไม่อ่อนแอ ดูเหมือนว่าจะลึกล้ำกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่าหนึ่ง เกรงว่าต่อให้เป็นสหายขั้นที่หกหรือเจ็ดก็ไม่ใช่คู่มือของสหายสินะ” อาวุโสหม่าผู้นี้มองปราดเดียวก็มองพลังยุทธ์ของหานลี่ออก และเอ่ยสิ่งนี้ขึ้นโดยไม่รู้ว่ามีเจตนาใด  

 

 

“เคล็ดวิชาของชนรุ่นหลังค่อนข้างพิเศษ ได้เปรียบด้านวรยุทธ์จริงๆ ขอรับ” หานลี่รู้สึกตกตะลึง แต่ใบหน้ากลับเผยท่าทีอ่อนน้อมออกมา 

 

 

“ไม่ใช่แค่ได้เปรียบ หากคู่ต่อสู้เหล่านั้นดูถูกเจ้าที่มีพลังยุทธ์ตื้นเขินตอนที่ต่อสู้กัน เกรงว่าคงถูกเจ้าใช้จุดนี้ถลกหลังโดยไม่ทันระวังแน่ เอ๋ จิตสัมผัสของเจ้าดูเหมือนว่าจะไม่เผ่าเบื้องบนธรรมดาเช่นกัน” ไม่รู้ว่าอาวุโสหม่าใช้เคล็ดวิชาลับอะไร ใบหน้ามีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ปากก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ ว่า “เอ๋” คาดไม่ถึงว่าแม้แต่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของหานลี่ก็ยังเดาออกเจ็ดแปดส่วน 

 

 

หานลี่ได้ฟังคำพูดนี้ จิตใจก็ไม่อาจรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้อีก ใบหน้าอดที่จะเปลี่ยนสีไปไม่ได้ 

 

 

“เอาล่ะ อาวุโสหม่า เคล็ดวิชาลับ ‘สำรวจจิต’ ของเจ้า เป็นหนึ่งในเผ่าเรา กล่าวเช่นนี้ย่อมไม่ผิดแน่ ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สหายหานเคยช่วยชีวิตปรมาจารย์เจี่ย สังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันสองสามคนในพริบตา จะมองว่าเป็นเผ่าเบื้องบนธรรมดาได้อย่างไร” ชายชราร่างอ้วนกลับเอ่ยอย่างไม่ประหลาดใจเลยสักกระผีก 

 

 

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง กลับเป็นผู้แซ่หม่าที่สอนจระเข้ว่ายน้ำ สหายเชิญนั่งเถิด!” ชายวัยกลางคนได้ยินพลันหัวเราะ จากนั้นก็ลงด้านข้างเชียนจีจื่อ 

 

 

ในที่สุดสีหน้าตกตะลึงของหานลี่ก็สลายหายไป หลังจากหัวเราะอย่างขมขื่นก็นั่งลงอีกครั้ง 

 

 

“เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าคุยกันเรื่องแผ่นกว้างเย็น ฟังดูแล้วสหายหานดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจแดนกว้างเย็นเลยสักนิด พี่เชียน เจ้าจะพูดอ้อมค้อมอันใด พูดประโยชน์ข้อดีข้อเสียไปเลยเถิด” ชายชราแซ่หม่านั่งลง ก็หันหน้าไปพูดกับเชียนจีจื่อ ในคำพูดดูเหมือนว่าจะไม่พอใจเล็กน้อย! 

 

 

“เดิมทีข้าคิดจะบอกสหายหานทันที แต่พี่หม่ามาถึงแล้ว ก็ถูกตัดบทก่อน!” เชียนจีจื่อได้ยินกลับแบมือทั้งสองข้าง ใบหน้าเผยสีหน้ากลัดกลุ้มออกมา 

 

 

“ฮ่าๆ เช่นนั้น เมื่อครู่ผู้แซ่หม่าหุนหันไปหน่อย” ชายวัยกลางได้ยิน ก็หัวเราะร่า 

 

 

“ในเมื่อพี่หม่ามาแล้ว เจ้าก็อธิบายให้สหายหานฟังเองเถิด ถึงอย่างไรเสียตอนนั้นเจ้าก็ได้เข้าไปในแดนกว้างเย็นด้วยตนเอง ดีกว่าให้ตาเฒ่าพูดนัก” เชียนจีจื่อกลอกตาไปมา แล้วแบปากขณะเอ่ย 

 

 

“มีอะไรให้น่าพูดถึงกัน ตอนนั้นที่ข้าไปเข้าในแดนกว้างเย็น ดวงไม่ค่อยดีนัก และไม่ได้สมบัติเหนือชั้นหรือสมุนไพรวิญญาณอะไรออกมา ส่วนสาเหตุที่เผ่าต่างๆ ให้ความสำคัญกับแดนกว้างเย็น ก็เพราะให้ความสำคัญกับไอวิญญาณที่น่าตกตะลึงในนั้น อยากให้ทุกคนในเผ่าที่พลังยุทธ์อยู่ในจุดคอขวด ไม่อาจทะลวงได้นานแล้ว อาศัยไอวิญญาณในนั้นทะลุจุดคอขวดได้เท่านั้น ตอนนั้นถ้าหากไม่ไป ก็คงไม่มีพลังยุทธ์เท่าในตอนนี้” ชายวัยกลางคนสั่นศีรษะขณะเอ่ย สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปเล็กน้อย 

 

 

“อาศัยพลังวิญญาณด้านในทะลวงจุดคอขวด!” หานลี่ได้ฟัง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย 

 

 

“ใช่แล้ว ส่วนสมุนไพรต่างๆ ในแดนกว้างเย็นนั้นเป็นเรื่องรอง จะได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ตอนนั้นข้าได้แค่สมุนไพรวิญญาณธรรมดาๆ มาเท่านั้น แทบจะนับว่ากลับมามือเปล่า แต่ได้ยินว่าคนอื่นๆ ได้วัตถุดิบหลอมอาวุธที่ล้ำค่ากลับมา ใช้พวกมันหลอมสมบัติสะท้านฟ้าไปสองสามชนิด” ชายชราแซ่หม่าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเสียดายเป็นอย่างมาก 

 

 

“ฮ่าๆ เจ้าก็น่าจะรู้ ตอนนั้นเจ้าถูกคนในเผ่าส่งไปในแดนกว้างเย็น ไม่รู้ว่ามีสหายร่วมระดับเดียวกันอิจฉาไปตั้งเท่าไหร่ อย่างน้อยที่สุดตาเฒ่าก็ไม่เคยมีวาสนาได้เข้าไป” ชายชราร่างอ้วนค้อนใส่ชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ออกมา 

 

 

“หากผู้แซ่หม่าเป็นอัจฉริยะเหมือนกับพี่เชียน ทะลวงจุดคอขวดระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงพันปี แน่นอนว่าย่อมไม่จำเป็นต้องเข้าไปในแดนกว้างเย็น เจ้าน่าจะรู้ดี แดนกว้างเย็นไม่ใช่ที่ที่มั่นคงอะไร” ชายชราแซ่หม่ากลับตอบกลับอย่างราบเรียบ 

 

 

“นั่นมันก็ใช่ ทุกครั้งที่แผ่นกว้างเย็นปรากฏตัวในแผ่นดินเสียงเพรียกอัสนีมักจะมีมากกว่าสองสามร้อยแผ่น แต่ละแผ่นจะพาคนเข้าไปได้เท่าไหร่ ย่อมต้องดูพลังของเขตอาคมส่งตัว เผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเราล้วนรับหน้าที่นี้มาโดยตลอด แต่กำลังที่มากที่สุดก็ส่งได้แค่แผ่นละสิบกว่าคนเท่านั้น แต่ได้ยินว่าเขตอาคมส่งตัววิเศษสองสามเขต ที่สามารถทำให้แผ่นป้ายนี้ส่งคนเข้าไปได้สามสิบกว่าคน น่าเสียดายพวกเราไม่อาจได้แผ่นภาพเขตอาคมของพวกเขามา มิเช่นนั้นก็สามารถส่งคนเข้าไปในแดนกว้างเย็นได้มากขึ้นแล้ว แต่ทุกคนที่มีคนจำนวนมากเข้าไป แดนกว้างเย็นจะวุ่นวายแค่ไหน ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว” ชายชราร่างอ้วนขมวดคิ้วขณะเอ่ย 

 

 

“สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ ตำแหน่งการส่งตัวของแต่ละแผ่นป้ายล้วนเป็นแบบสุ่ม หากส่งตัวไปที่เดียวกับเผ่าใดเข้า การต่อสู้ครั้งใหญ่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ใดต่างก็รู้ว่า หากทะลวงจุดคอขวดด้านใน อย่างน้อยที่สุดก็เพิ่มอัตราการทะลวงจุดคอขวดได้สามส่วน แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ที่อยู่ในระดับสูงมากนัก” ชายชราแซ่หม่าดูเหมือนจะอธิบายให้หานลี่ฟัง และก็ดูเหมือนจะเอ่ยพึมพำกับตัวเอง 

 

 

หานลี่ได้ฟัง แววตาพลันอดที่จะเปล่งประกายสว่างวาบมิได้ 

 

 

“ไม่ใช่แค่นี้ พอถึงชุดสุดท้ายก็จะมีผู้ที่สังหารกันเพื่อแย่งสมบัติไม่หยุด แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องที่อันตรายที่สุดในแดนกว้างเย็น เรื่องที่ยุ่งยากที่สุดก็คือแดนกว้างเย็นเอง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดพบเทพเซียนจริงๆ ในแดนกว้างเย็น แต่ด้านในกลับมีอสูรโบราณที่มีพละกำลังยากจะเหลือเชื่อ ทุกตัวล้วนไม่ใช่ผู้ที่เข้าไปจะต่อกรได้ หากพบกับตัวที่อารมณ์ดียังพอว่า ขอแค่หลบลี้ไปให้ไกล ก็พอแล้ว แต่หากพบกับอสูรร้าย ก็มีเพียงต้องเอาชีวิตรอดเองแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นในแดนกว้างเย็นยังมีเขตอาคมที่น่ากลัวของซากปรักหักพังของผู้ที่น่าจะเป็นเทพเซียนจำนวนมาก หากพลาดติดอยู่ในนั้น ก็คงหมดหวังไปแปดเก้าส่วน ดังนั้นหลังจากนั้นจะมีคนรอดชีวิตออกมาได้ แค่ไม่ถึงครึ่งเท่านั้น” เชียนจีจื่อเอ่ยเสริม 

 

 

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างอดไม่ได้ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ถึงได้เอ่ยปากถามว่า 

 

 

“ขอบังอาจเรียนถาม แดนกว้างเย็นถูกค้นพบตั้งแต่เมื่อใด แผ่นกว้างเย็นเหล่านี้ถูกค้นพบได้อย่างไร” 

 

 

“ประโยคนี้กลับดูเหมือนว่าจะทำให้พวกเราสองคนลำบากใจแล้ว แดนกว้างเย็นปรากฏตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นก็ไม่แน่ใจนัก แต่น่าจะถูกเผ่าต่างๆ พบเข้าในสมัยโบราณ ว่ากันว่าตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าต่างๆ ดูเหมือนจะถูกสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ต้องใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬ ผลคือสมบัติสวรรค์ทมิฬสองสามชิ้นผนึกกำลังกัน ถึงได้แหวกมิติเวลานี้ออกมาด้วยความบังเอิญ เปิดเป็นเส้นทางสายนี้ ส่วนแผ่นป้ายกว้างเย็นเหล่านี้ปรากฏตัวได้อย่างไร ก็ไม่ค่อยแน่ใจจริงๆ ราวกับว่าเมื่อแดนกว้างเย็นถือกำเนิด แผ่นป้ายเหล่านี้ก็ทยอยกันถือกำเนิดตามมา แต่ตอนแรกแผ่นป้ายกว้างเย็นกลับมีมากกว่าพันป้าย แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้ แผ่นป้ายเหล่านี้ก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว” ชายชราร่างอ้วนเอ่ยอย่างแช่มช้า 

 

 

“วิธีการเข้าออกแดนกว้างเย็นพิเศษมาก ตอนเข้าไปจำต้องใช้เขตอาคมส่งตัวช่วยแผ่นป้าย แต่ตอนออกมานั้น กลับต้องทิ้งแผ่นป้ายไว้ในแดนกว้างเย็น ถึงจะออกมาได้ และหลังจากผ่านหมื่นปีเศษตอนที่จะเปิดขึ้นอีกครั้ง แผ่นป้ายเหล่านี้ก็จะปรากฏตามจุดต่างๆ ของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี และยิ่งไปกว่านั้นแผ่นป้ายเหล่านี้ไม่อาจส่งมาหาผู้ที่อยู่ในระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปได้ อาวุโสของเผ่าต่างๆ ล้วนไม่อาจเข้าไปในแดนกว้างเย็นได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ยุ่งยากถึงเพียงนี้ ตาเฒ่าเองก็อยากรู้ว่าแผ่นป้ายในมือของสหาย ได้มาได้อย่างไร” แววตาของอาวุโสหม่าเปล่งประกาย จ้องเขม็งขณะเอ่ยถามหานลี่ น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึก 

 

 

หานลี่ใจเต้นระรัว แต่ก็ตอบกลับอย่างเยือกเย็น 

 

 

“พูดถึงแผ่นป้ายกว้างเย็นนี้ ก็มาจากสหายแซ่หยวนของเผ่าเจ้า ตอนนั้นพวกเราถูกเผ่าแมลงมีเขาล้อมเมืองเอาไว้ สหายหยวนผู้นี้แบ่งกล่องหยกสามกล่องให้พวกเราอีกสามคน ทำให้พวกเรานำมันฝ่าวงล้อมออกมา บอกว่าต้องมอบของสิ่งนี้ให้เผ่าต่างๆ ในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ หากไม่มีหวังจะฝ่าออกไปได้ ก็ให้ทำลายกล่องหยกทันที ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกอยากรู้ จึงเปิดกล่องออกดู กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุ้นมันเข้า”  

 

 

“ผู้แซ่หยวน! เช่นนั้นแผ่นป้ายนี้ก็เป็นหนึ่งในแผ่นป้ายที่คนผู้นั้นในเผ่าเรารับหน้าที่ดูแล” เชียนจีจื่อไม่เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเลยสักนิด กลับพยักหน้าอย่างราบเรียบ ราวกับว่าเขาเดาความเป็นมาของแผ่นป้ายนี้ได้แล้ว 

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันใจหายวาบ 

 

 

และในยามนั้น ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม 

 

 

“เผ่าต่างๆ ในละแวกเมืองเมฆาไม่ได้รับข่าวแผ่นกว้างเย็นจากที่อื่นเลย เช่นนั้นแผ่นป้ายที่เหลือก็ตกอยู่ในมือของเผ่าแมลงมีเขาแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่อาจฝ่าวงล้อมออกมาได้!” 

 

 

“น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง ว่ากันว่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์สองคนเป็นผู้นำ และยังใช้เรือสงครามระดับป้อมปราการลำหนึ่ง สหายหานพาแผ่นป้ายนี้หนีออกมาได้ ก็โชคดีสุดๆ แล้ว” เชียนจีจื่อพ่นคำพูดออกมาในรวดเดียว 

 

 

“เช่นนั้นละก็ คงยุ่งยากหน่อยแล้ว ในมือของสิบสามเผ่าของพวกเรา ตอนนี้มีอยู่ทั้งหมดสิบเจ็ดแผ่น น้อยกว่าในอดีตมาก และภายใต้อิทธิพลนี้ จำนวนคนที่เข้าไปในเผ่าแมลงมีเขา กลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย” อาวุโสหม่าเอ่ยแล้วพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย 

 

 

“เรื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ จนถึงตอนนี้แผ่นป้ายกว้างเย็นที่พบก็ถูกรวบรวมจนครบตั้งนานแล้ว ประกาศที่พบแผ่นป้ายห้าแผ่นก่อนหน้านี้ ข้านึกว่าเผ่าเราได้โอกาสงาม แต่คิดไม่ถึงว่าเผ่าแมลงมีเขาจะทำการโจมตีอย่างฉับพลัน ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ทัน ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น” เชียนจีจื่อหรี่ตาทั้งสองข้างลงพลางขบคิด แต่ปากก็ยังร้องอุทานออกมาเบาๆ 

 

 

“ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ แน่นอนว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ สหายหาน การเปิดแดนกว้างเย็นในครั้งนี้ เกรงว่าสหายคงต้องเข้าไปพร้อมกับคนที่เผ่าหมื่นโบราณของพวกเราคัดเลือกแล้ว” ชายชราแซ่หม่าพยักหน้า แต่ทันใดนั้นก็หันหน้าไปเอ่ยหานลี่อย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อาจปฏิเสธได้!