ตอนที่ 1589 แลกเปลี่ยนและแผนสำรอง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ในเมื่อท่านอาวุโสกล่าวเช่นนี้ ชนรุ่นหลังจะปฏิเสธได้หรือ!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ 

 

 

“ฮ่าๆ เหตุใดสหายหานต้องเศร้าโศกเพียงนี้ แม้ว่าในแดนกว้างเย็นจะมีอันตรายอยู่บ้าง แต่สำหรับคนปกติแล้วล้วนเป็นเรื่องดี คนธรรมดาไม่มีทางได้รับโอกาสนี้ กว่าครึ่งคงจะอิจฉากันมาก” เชียนจีจื่อเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ 

 

 

“อิจฉา! ชนรุ่นหลังพลังยุทธ์ไม่ได้อยู่ในจุดคอขวด เข้าไปก็คงไม่ได้อะไรมาก กลับจะมีอัตราเพลี่ยงพล้ำเกือบครึ่ง ช่างเป็นการเอาชีวิตไปเสี่ยงจริงๆ หากเป็นไปได้ละก็ ชนรุ่นหลังจะไม่มีทางเข้าไปแน่” หานลี่กลับสั่นศีรษะ เผยสีหน้ากลัดกลุ้มใจอย่างสุดๆ ออกมา 

 

 

เมื่อได้ฟังหานลี่กล่าวเช่นนี้ เชียนจีจื่อและอาวุโสหม่าพลันอดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ ดูเหมือนว่าส่งสัญญาณอะไรกัน 

 

 

“เมื่อแผ่นกว้างเย็นนี้ถูกกระตุ้น ก็มีเพียงผู้กระตุ้นถึงจะสามารถควบคุมแผ่นป้ายพาคนเข้าไปในแดนกว้างเย็นได้ นี่มันเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองและล่มสลายของสิบสามเผ่าของพวกเรา ไม่อาจปล่อยให้สหายปฏิเสธได้ เดิมทีสหายพกแผ่นป้ายนี้มาที่นี่ พวกเราเผ่าหมื่นโบราณควรจะต้องขอบคุณแล้ว แต่แผ่นป้ายถูกกระตุ้นแล้ว สหายก็มีคุณสมบัติในการเข้าไปในแดนกว้างเย็น นี่นับว่าเป็นการหักล้างกันแล้ว แต่หากสหายไม่ยอมเข้าไปในแดนกว้างเย็น ยามนี้ก็จำต้องเสี่ยงอันตรายเข้าไป ก็ต้องเสียสละไม่น้อย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สหายมีเงื่อนไขอะไรก็บอกพวกเรามาเถิด พวกเราจะพยายามตอบแทนให้อย่างเต็มที่”เชียนจีจื่อเอ่ยกับหานลี่อย่างแช่มช้า 

 

 

หานลี่ได้ฟังคำนี้ พลันใจเต้น แต่หลังจากขบคิดอย่างรวดเร็ว ถึงได้เอ่ยอย่างไม่ลังเลอีก 

 

 

“เงื่อนไขของชนรุ่นหลัง ท่านอาวุโสก็น่าจะเดาออกสินะ หลังจากเรื่องของแดนกว้างเย็นเสร็จสิ้น ข้าน้อยอยากอาศัยเขตอาคมส่งตัวข้ามแผ่นดินใหญ่” 

 

 

“ยืมเขตอาคมส่งตัว? หากแค่ให้เจ้าใช้ครั้งหนึ่ง น่าจะได้ ทว่าตอนที่ใช้เขตอาคมส่งตัวต้องเสียศิลาวิญญาณระดับสุดยอดจำนวนมาก กลับต้องให้เจ้าแบกรับเอง เผ่าของพวกเราไม่อาจออกให้เจ้าได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขตอาคมส่งตัวนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเราจะเป็นผู้ตัดสินใจได้ ยังต้องปรึกษากับเผ่าอื่นๆ ก่อน บางทีเผ่าอื่นๆ คงมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่เจ้าจำต้องตอบรับเช่นกัน สหายมีปัญหาอะไรหรือไม่?” เชียนจีจื่อไม่เผยสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด พลางตอบอย่างราบเรียบ 

 

 

“ขอแค่ใช้เขตอาคมส่งตัวได้ ค่าเสียหายในการส่งตัว แน่นอนว่าต้องเป็นชนรุ่นหลังที่จ่าย ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ขอแค่ไม่ใช่สิ่งที่ชนรุ่นหลังทำไม่ได้ ชนรุ่นหลังก็ยินดีตอบรับ” หานลี่เอ่ยด้วยความยินดี 

 

 

“หึๆ สหายหานไม่จำเป็นต้องตอบรับเร็วเช่นนี้ การข้ามแผ่นดินใหญ่ต้องใช้ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดจำนวนมาก พอจะทำให้เผ่าศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งถังแตกได้ บางทีสหายหานอาจจะร่ำรวยอยู่บ้าง แต่หากจะรวบรวมให้พอใช้ส่งตัว เกรงว่าคงไม่ง่าย จากพลังยุทธ์ของสหาย แม้ว่าจะอยู่ในเผ่าหมื่นโบราณรองพวกเราตลอดไป ก็จะได้รับหน้าที่ตำแหน่งสำคัญ เหตุใดต้องไปแผ่นดินใหญ่อื่น สหายไม่สู้ถือโอกาสงามๆ นี้ เปลี่ยนเงื่อนไข ไปเป็นสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก จะไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายหรือ” อาวุโสแซ่หม่าแววตาเปล่งประกาย เอ่ยแนะนำ 

 

 

หานลี่พลันตกตะลึง แต่เมื่อขบคิดเล็กน้อย ก็สั่นศีรษะเป็นพัลวัน 

 

 

“ขอบพระคุณความหวังดีของท่านอาวุโส ทว่าชนรุ่นหลังตัดสินใจแล้ว!” 

 

 

เมื่อเห็นหานลี่ปฏิเสธเงื่อนไขของตนเอง ชายวัยกลางคนกลับไม่โกรธ แค่พยักหน้าอย่างราบเรียบ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา 

 

 

“ใช่แล้ว ท่านอาวุโสทั้งสอง! ข้าน้อยยังไม่รู้ว่าแดนกว้างเย็นจะเปิดยามไหน หากสหายทราบแล้วก็จะได้เตรียมตัว” หานลี่ลูบจมูก เอ่ยปากซักถาม 

 

 

“เวลาที่แม่นยำในการเปิด พวกเราก็ไม่แน่ใจนัก แต่ตามประสบการณ์ของพวกเรา ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็สองสามปี ยาวหน่อยก็ร้อยปีกระมัง” เชียนจีจื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“ยาวหน่อยก็ร้อยปี!” หานลี่ได้ยินคำนี้ ชั่วขณะนั้นพลันหมดคำพูด 

 

 

“สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างพวกเรา เวลาร้อยปีเป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น สหายหานไม่จำเป็นต้องตกตะลึงขนาดนั้น!” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วพลางย้อนถาม 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ชนรุ่นหลังแค่ประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น” หานลี่หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา 

 

 

“เดิมทีสหายพักอยู่ในโรงเตี๊ยมสินะ แต่ตอนนี้ถูกผนึกเอาไว้ ในเวลาสั้นๆ คงไม่อาจออกจากเมืองเมฆาได้ เช่นนั้นสหายก็ย้ายมาที่ภูเขาแปดเมฆาเถิด ข้าจะเรียกคนมาจัดถ้ำพำนักให้ ให้สหายฝึกฝนอย่างสบายใจไปพลาง รอเปิดแดนกว้างเย็นอย่างสบายใจไปพลาง” เชียนจีจื่อเอ่ยเช่นนี้ 

 

 

หานลี่ได้ฟังเช่นนี้พลันรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็พยักหน้าตอบรับ 

 

 

เวลาต่อจากนั้นเชียนจีจื่อและอาวุโสหม่าพลันเอ่ยถามปัญหาต้นกำเนิดของหานลี่ออกมาอย่างสบายๆ แต่ก็ถูกปัดพลางไปอย่างคลุมเครือ 

 

 

ส่วนเชียนจีจื่อทั้งสองคนก็ดูเหมือนว่าไม่สนใจเรื่องนี้ เห็นหานลี่ไม่อยากเปิดเผยมากนัก ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ 

 

 

จากนั้นในที่สุดอาวุโสที่สามของเผ่าหมื่นโบราณ ชายร่างใหญ่ไว้เคราร่างกายสูงใหญ่ก็มาถึงวิหารสะท้านฟ้า 

 

 

ทว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้แค่พิจารณาหานลี่สองแวบ ปากก็เอ่ยคำว่า “เยี่ยม” ออกมา และพูดกับเชียนจีจื่อรวมทั้งอาวุโสหม่าว่า “ยังมียาอีกหม้อหนึ่งที่ยังปรุงไม่เสร็จ” แล้วพลันจากไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เชียนจีจื่อและพวกทั้งสอง ก็ทำได้เพียงหัวเราะอย่างจนปัญญา พวกเขาดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับท่าทีของชายร่างใหญ่เป็นอย่างดี 

 

 

จากนี้หานลี่พลันรับยันต์หมื่นลี้แผ่นหนึ่งมาจากอาวุโสแซ่หม่า ในที่สุดก็หยัดกายลุกขึ้นกล่าวลา 

 

 

ส่วนก่อนไปเชียนจีจื่อก็พูดว่า หลังจากนี้สามวันก็คงปรึกษาเรื่องเขตอาคมส่งตัวกับเผ่าอื่นๆ เสร็จแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ถ้ำพำนักก็เตรียมเสร็จพอดี ถึงครานั้นหานลี่ก็ย้ายมาที่ภูเขาแปดเมฆา 

 

 

หานลี่ได้ฟัง แน่นอนว่าย่อมเอ่ยคำขอบคุณ จากนั้นก็เดินออกจากวิหาร นั่งลงบนรถอสูรตรงประตู แล้วบินออกจากป้อมปราการเผ่าหมื่นโบราณ 

 

 

และในยามนั้นเชียนจีจื่อและชายวัยกลางคนกลับนั่งเงียบกริบอยู่ที่วิหาร ล้วนขบคิดอะไรสักอย่างอยู่ 

 

 

“เจ้าคิดว่าไง? คนผู้นี้มีโอกาสเป็นพวกสอดแนมที่เผ่าแมลงมีเขาส่งมาหรือไม่?” เชียนจีจื่อเอ่ยถามอย่างแช่มช้า 

 

 

“พวกสอดแนมนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้! ใช้แผ่นป้ายกว้างเย็นแอบเข้ามาในเผ่าหมื่นโบราณของพวกเรา มันจะใจกว้างเกินไปหน่อยกระมัง และยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังเคยช่วยชีวิตปรมาจารย์เจี่ย และยังสังหารระดับเดียวกันในเผ่าแมลงมีเขาไปสองสามคน หากแค่ตบตาพวกเรา มันก็ได้ไม่คุ้มเสีย และยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นแขกผู้มีเกียรติของเผ่าเรา ก็ไม่อาจล่วงรู้ความลับในเผ่าเราได้ เสียของมีค่าขนาดนั้นเพื่อสิ่งใดกัน” ชายวัยกลางคนสั่นศีรษะอย่างไม่ลังเล 

 

 

“อืม ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เช่นนั้นละก็ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณ มาตรวจสอบเขา มิเช่นนั้นหากคนผู้นี้เกิดความแค้นด้วยเหตุนี้ จะยุ่งยากไปใหญ่” เชียนจีจื่อพยักหน้า ส่งเสียงว่าเห็นด้วยออกมา  

 

 

“และยิ่งไปกว่านั้นกำลังรบของคนผู้นี้ก็แข็งแกร่งขนาดนี้ แทบจะไม่ด้อยไปกว่าระดับหลอมสุญตาขั้นปลายระดับยอดสุด หากเป็นแขกผู้เกียรติของพวกเราได้ ก็มีประโยชน์ต่อเผ่าเราเป็นอย่างมาก ดึงเขามาเป็นพวกของพวกเราดีกว่า” ชายวัยกลางคนเอ่ยเช่นนี้ออกมา 

 

 

“แต่คนผู้นี้อยากใช้เขตอาคมส่งตัวออกจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี” เชียนจีจื่อขมวดคิ้ว 

 

 

“หึๆ ศิลาวิญญาณต้องเสียจากเขตอาคมส่งตัวไหนเลยจะรวบรวมได้ง่ายๆ รอจนรวบรวมได้ครบจำนวน ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ตอนนั้นขอแค่เราเสียเวลารั้งพวกเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แน่นอนว่าหากว่าเขาจะจากไป พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนชั่วร้าย ปล่อยให้เขาไปเถิด ระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด มีเขาเพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้มีอะไร น้อยลงไปคนนึงก็ไม่เป็นไร ไม่คุ้มค่าให้เผ่าเราเสียชื่อเสียง” เชียนจีจื่อหน้าเปลี่ยนสี สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป 

 

 

“ในเมื่อสหายเชียนจีจื่อตัดสินใจแล้ว ผู้แซ่หม่าก็ไม่มีข้อคิดเห็นอะไรอีก” ชายวัยกลางคนครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตัดสินใจเช่นกัน 

 

 

“ใช่แล้ว จากนี้ก็รายงานสถานการณ์ของเผ่าแมลงมีเขามาเถิด! การเคลื่อนไหวของเผ่าแมลงมีเขาครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก ดูเหมือนว่าเหนือกว่าครั้งก่อนๆ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์ในนั้น ก็มี…” เชียนจีจื่อเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา เอ่ยเรื่องที่เผ่าแมลงมีเขารุกรานกับชายวัยกลางคน 

 

 

อีกด้านหานลี่โดยสารรถอสูรออกจากภูเขาเมฆาไปไม่ไกลนัก หาถนนที่รกร้างแห่งหนึ่งลงจากรถ และหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน 

 

 

โรงเตี๊ยมนี้ดูแล้วธรรมดามาก และดูคล้ายกับสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ 

 

 

เมื่อหานลี่วางเขตอาคมป้องกันภายในห้อง ก็นั่งสมาธิลงบนเตียงทันที เริ่มครุ่นคิดเรื่องที่คุยกับเชียนจีจื่อและพวกในวันนี้อย่างละเอียด ดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ 

 

 

เขามีสีหน้าไม่แน่นอนอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ในที่สุดสีหน้าก็ผ่อนคลายลง 

 

 

ดูจากสีหน้าของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อตน สิ่งเดียวที่ต้องขบคิดก็คือ ในแดนกว้างเย็นมีอันตรายอันใด 

 

 

ทว่าในเมื่อเข้ามาในเผ่าต่างๆ แล้ว ไม่มีระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป ก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัว ขอแค่เขาไม่ละโมบ ไม่บุกไปค้นหาสมุนไพรวิญญาณและสมบัติวิญญาณในที่ลับอะไร แอบซ่อนอยู่เงียบๆ ก็น่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต 

 

 

นี่คือรายละเอียดที่เขาคิดได้ตอนที่อยู่ในวิหารสะท้านฟ้า ถึงได้ตอบรับคำขอของพวกเชียนจื่อจีอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด 

 

 

ทว่าวันที่แดนกว้างเย็นเปิดออกก็อาจจะยืดออกไปยาว มากกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ 

 

 

หากอีกร้อยปีถึงจะเปิดขึ้น เวลานานขนาดนี้ เขาอาศัยพลังของยาสมุนไพร ก็มีโอกาสฝึกบำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นตอน จากนั้นก็อาศัยพลังวิญญาณของแดนกว้างเย็น ทะลวงระดับขั้นกลาง 

 

 

นี่เป็นเพราะเขาสามารถอาศัยของเหลวลึกลับ ปรุงยาลูกกลอนมังกรทะยานที่หายากเป็นอย่างยิ่งได้ไม่จำกัด มิเช่นนั้นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ คิดจะฝึกฝนจากระดับต้นไปถึงขั้นยอดสุด ไม่ใช้เวลาห้าหกร้อยปี ก็อย่าคิดฝันเลย 

 

 

เมื่อถึงระดับหลอมสุญตา คิดจะเพิ่มพลังยุทธ์ขึ้นอีกขั้น ก็ต้องรวบรวมพลังลมปราณจำนวนมาก มากว่าที่ระดับเทพแปลงจะเทียบเทียมได้ 

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหานลี่ที่เลือกเส้นทางผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร ความยากจึงเหนือกว่าเคล็ดวิชาอื่น 

 

 

หานลี่ขบคิดอย่างเงียบๆ แต่ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี มือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามือ ในมือพลันมีสิ่งสีขาวโพลนปรากฏขึ้น ผิวมียันต์วิเศษสีแดงสดแปะอยู่เช่นกัน 

 

 

นั่นก็คือกล่องหยกที่บรรจุ ‘แผ่นป้ายกว้างเย็น’ 

 

 

หานลี่รู้ดีว่าขอแค่ตนเองเอาสิ่งนี้ออกมา จะต้องใช้สิ่งนี้แลกกับประโยชน์มหาศาลกับเชียนจีจื่อได้ อย่างน้อยที่สุดใช้แลกกับหุ่นเชิดสะท้านฟ้าอีกตัวก็ไม่มีปัญหา  

 

 

แต่เขาที่อยู่ในวิหารสะท้านฟ้า กลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เลยสักนิด กลับคิดถึงตนเองอย่างรอบคอบ 

 

 

ไม่ว่าจะมีแผ่นป้ายกว้างเย็นเท่าไหร่ เข้าไปในแดนกว้างเย็นแล้วจะมีประโยชน์อะไร เขาย่อมไม่ได้ประโยชน์อะไร มากสุดก็เป็นแผนสำรองเท่านั้น