ตอนที่ 1590 งานประมูลของสี่เผ่า

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หลังจากที่หานลี่ตัดสินใจแล้ว ในมือพลันมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ กล่องหยกหายวับไป 

 

 

จากนั้นเขาก็นั่งลงทำสมาธิอยู่บนเตียง 

 

 

สามวันติดต่อกัน หานลี่อยู่ภายในห้องพักโดยไม่ได้ออกมาแม้แต่ก้าวเดียว 

 

 

แต่วันนี้เขากำลังฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ภายในห้องพร้อมเรือนกายที่มีลำแสงสีทองสว่างวาบ ฉับพลันนั้นพลันลืมตาขึ้นด้วยหน้าที่เปลี่ยนสี 

 

 

พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ยันต์หมื่นลี้ที่เชียนจีจื่อมอบให้พลันปรากฏขึ้นในมือ 

 

 

บนยันต์สีขาวโพลน มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้น 

 

 

หานลี่อ่านเสร็จแล้วพลันมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นก็เก็บยันต์วิเศษหมื่นลี้ เดินออกจากประตูห้อง 

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็อยู่ในถ้ำพำนักแห่งหนึ่งใน ‘ภูเขานิทราเมฆา’ ของภูเขาแปดเมฆา พิจารณาทุกอย่างในถ้ำพำนักไปรอบด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ 

 

 

ไอวิญญาณในถ้ำพำนักนี้ไม่ด้อยไปกว่าภูเขาลำแสงเมฆา และยิ่งไปกว่านั้นในถ้ำพำนักไม่ว่าจะเป็นห้องปรุงยา ห้องหลอมยุทธภัณฑ์ สวนสมุนไหนล้วนมีอย่างครบครัน แม้กระทั่งสวนสมุนไพรยังมีสมุนไพรธรรมที่ใช้บ่อยๆ ก็ยังมีปลูกอยู่ 

 

 

เขากลับรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก 

 

 

ทว่าหานลี่ไม่ได้รีบร้อนฝึกฝนในทันที แต่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทุกระเบียบนิ้วของถ้ำพำนักรอบหนึ่ง จากนั้นก็วางเขตอาคมต้องห้ามต่างๆ สิบกว่าชั้นลงในถ้ำพำนัก 

 

 

เช่นนั้นแม้ว่าจะอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ ก็ไม่อาจรุกรานเข้ามาที่นี่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ 

 

 

จากนั้นเขาถึงได้ย้ายสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นของตนเองมาในถ้ำพำนัก และสองสามวันต่อมาก็เริ่มปิดตูปรุงยา 

 

 

หลังจากที่เขาเตรียมปรุงยาลูกกลอนในจำนวนที่กำหนดเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็เก็บไว้กิน ส่วนน้อยก็เตรียมเอาไว้แลกศิลาวิญญาณระดับสุดยอดในย่านร้านค้า 

 

 

ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าจะควบคุมหุ่นเชิดสะท้านฟ้า หรือว่าใช้กับเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอด ก็ต้องใช้ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดในจำนวนที่น่าเหลือเชื่อ แค่อาศัยสมุนไพรวิญญาณมาแลก แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณหมื่นปีจะไม่อาจแลกได้พอ และยิ่งไปกว่านั้นหากนำสมุนไพรวิญญาณหมื่นปีมาขายมากเกิน ก็จะเป็นที่สังเกต 

 

 

เช่นนั้นละก็ เขาใช้ยาลูกกลอนมังกรทะยานมาแลกเลยดีกว่า 

 

 

เชื่อว่าจากประสิทธิภาพของยาชนิดนี้ ก็เพียงพอจะทำให้เผ่าต่างๆ ในเมืองเมฆาโผล่หัวออกมา น่าจะขายได้ในราคาที่น่าตกตะลึง 

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางขายในจำนวนที่มากนัก และยิ่งไปกว่านั้นยังต้องปิดฐานะตัวเอง เชื่อว่าแค่ขายสักสองสามครั้ง ก็ไม่น่าจะดึงดูดความสนใจของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้ หากเช่นนั้นก็ไม่อาจรวบรวมได้ครบ เขาก็ทำได้เพียงสนใจไผ่อัสนีสีทองแล้ว 

 

 

จากระดับความหายากของไผ่อัสนีสีทองในแดนวิญญาณ หากเขาเอาออกมาขายทั้งต้น จะต้องเหลือเฟือแน่ 

 

 

หานลี่เริ่มปรุงยาไปพลาง ครุ่นคิดถึงวิธีรวบรวมศิลาวิญญาณระดับสุดยอดไปพลาง 

 

 

เกรงว่าเชียนจีจื่อจะฝันยังฝันถึงไม่ได้ ในสายตาของเขา หานลี่ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้สำเร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ สำหรับหานลี่แล้วมันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ เท่านั้น 

 

 

ทว่าตอนที่เชียนจีจื่อพาหานลี่มาที่นี่ ก็ได้ถือโอกาสบอกเขา เผ่าอื่นๆ เห็นด้วยเรื่องที่เขาจะขอยืมเขตอาคมส่งตัวแล้ว 

 

 

ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ก็ไม่ได้นับว่าลำบากนัก! 

 

 

ส่วนใหญ่ล้วนให้เขาออกค่าใช้จ่ายเองเท่านั้น มีเพียงเผ่ารังไหมศิลาที่ค่อนข้างยุ่งยาก คาดไม่ถึงว่าจะให้เขาช่วยรวบรวมวัตถุดิบในการหลอมอาวุธในแดนกว้างเย็น  

 

 

พวกเขามีแผนที่ แหล่งกำเนิดวัตถุดิบก็ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้แล้ว 

 

 

หลังจากที่เขาเข้าไปในแดนกว้างเย็น ขอแค่ช่วยเผ่าศิลารังไหมทำธุระก็พอแล้ว 

 

 

สำหรับเงื่อนนี้ แน่นอนว่าย่อมอันตรายเล็กน้อย แต่วัตถุดิบนี้ดูเหมือนว่าจะสำคัญกับเผ่าศิลารังไหมมาก พวกเขาแค่เสนอเงื่อนไขมา และยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทางไม่ยอมต่อรองได้ 

 

 

ดังนั้นหานลี่จึงขบคิดเล็กน้อย แล้วจึงตอบรับเช่นกัน 

 

 

หากแค่วิ่งไปสักรอบ อันตรายแค่นี้เขาก็กล้าเสี่ยง 

 

 

เช่นนั้นละก็ ต่อให้หานลี่ทำสัญญากับเผ่าเมฆาสวรรค์สำเร็จ ขอแค่เรื่องแดนกว้างเย็นจบสิ้น เขาก็สามารถใช้ได้ตามใจครั้งหนึ่ง เผ่าต่างๆ เหล่านี้รับหน้าที่ดูแลเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอด 

 

 

หานลี่อยู่ในถ้ำพำนัก เป็นเวลาปีกว่า 

 

 

ช่วงเวลานี้ เขาปรุงยาสมุนไพรไปพลาง เริ่มกินยาลูกกลอนมังกรทะยานไปพลาง ฝึกฝนเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปพลาง 

 

 

แม้ว่าช่วงเวลานี้จะไม่นานนัก แต่เวลาฝึกฝนกลับปล่อยเทวรูปมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เข้มขึ้นส่วนหนึ่ง 

 

 

เห็นได้ชัดว่ายาลูกกลอนมังกรทะยานมีอานุภาพที่น่าตกตะลึง 

 

 

ทว่าสิ่งที่หานลี่ประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ หญิงสาวเผ่าผลึกนามว่า ‘เซียนเซียน’ กลับไม่ได้ใช้ยันต์หมื่นลี้ติดต่อเขามาเลย ราวกับว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายจะไปตามหาหญิงสาวผู้นี้ก่อน 

 

 

แต่วันนี้ในที่สุดหานลี่ก็เดินออกมาจากถ้ำพำนัก หลังจากกวาดจิตสัมผัสไปเล็กน้อย ก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนีสายหนึ่งบินลงไปจากภูเขา 

 

 

แต่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือไม่ สายรุ้งสีขาวสายหนึ่งพลันพุ่งลงมาจากยอดเขาอีกลูกหนึ่งพอดี และไล่ตามหานลี่มาถึงตีนเขาพร้อมกัน 

 

 

ลำแสงหม่นแสงลง หานลี่และชายร่างใหญ่หัวโล้นปรากฏกายขึ้นในเวลาเดียวกัน 

 

 

ชายร่างใหญ่มีสีหน้าเ**้ยมโหด ผิวปรากฏสีเทาขาวออกมา 

 

 

เช่นนั้นทั้งสองต่างมองสบตากับอีกฝ่ายแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ 

 

 

“ข้าน้อยคือเถี่ยเจียนจากเผ่าศิลารังไหม ดูใบหน้าที่ไม่คุ้นหน้าของสหาย เป็นสหายที่เพิ่งย้ายเข้ามาสินะ” อย่ามองว่าชายร่างใหญ่มีหน้าตาโหดเ**้ยม แต่น้ำเสียงกลับมีมารยาทเป็นอย่างมาก 

 

 

“ผู้แซ่หานเพิ่งมาพักที่ภูเขาลูกนี้จริงๆ” หานลี่กวาดจิตสัมผัสไป พบว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด พลันตกตะลึง แต่กลับตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

 

 

“ที่แท้ก็สหายหานนี่เอง เอ๋ ข้าได้ยินว่าปีก่อนมีชาวนอกเผ่ากระตุ้นแผ่นป้ายกว้างเย็น คนผู้นั้นแซ่หาน หรือว่าคือสหาย?” ชายร่างใหญ่กลับล่วงรู้ข่าวสาร เมื่อได้ยินแซ่ของหานลี่ ก็เดาฐานะของเขาในทันที 

 

 

หานลี่แววตาฉายแววตกตะลึง แต่ก็ยิ้มๆ พลางตอบว่า 

 

 

“ข้าน้อยเป็นคนที่กระตุ้นแผ่นป้ายกว้างเย็นจริงๆ คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของผู้แซ่หานจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่สหายก็ยังรู้จัก” 

 

 

“ฮ่าๆ ผ่านมาหลายปี พี่หานเป็นแขกผู้เกียรตินอกเผ่าคนแรกที่กระตุ้นแผ่นป้ายกว้างเย็น ชื่อเสียงย่อมไม่น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้สหายออกมาจากถ้ำพำนัก หรือว่าจะได้ยินว่างานประมูลสี่เผ่ามีของล้ำค่าออกประมูล เลยอยากเข้าร่วมสักหน่อย?” 

 

 

“งานประมูลสี่เผ่า!” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย 

 

 

“อันใดสหายหานไม่รู้ข่าวนี้หรือ? อ๋อ มิน่าล่ะ สหายเพิ่งจะมาถึงเมืองเมฆาของพวกเราได้ไม่นาน งานประมูลสี่เผ่าในครั้งนี้ เป็นงานที่ทั้งสิบสามเผ่าของพวกเราจะจัดขึ้นทุกๆ สิบปี เป็นงานประมูลที่ใช้เพิ่มความนิยมของเมืองเมฆา สมบัติที่ใช้ประมูลปกติแล้วจะไม่เอาสมบัติสำคัญของเผ่าออกมา ดังนั้นทุกครั้งก็จะดึงดูดชนชั้นสูงจำนวนมากมาเมืองเมฆา และครั้งนี้เป็นเพราะเผ่าแมลงมีเขาทำการโจมตี การต่อสู้สองสามครั้งก่อนหน้าจึงตกเป็นรอง เพื่อปลุกเร้าฝั่งเรา ดังนั้นควรเอาสมบัติที่ดีกว่าครั้งที่แล้วออกมา ในนั้นยังมี ‘ยาลูกกลอนหมื่นมหัศจรรย์’ ด้วย นี่คือยาลูกกลอนที่ช่วยผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาของพวกเราทะลวงจุดคอขวดได้ดีที่สุด มีเพียงปรมาจารย์ปรุงยาระดับปรมาจารย์เผ่าของเผ่าผลึกถึงจะปรุงยาออกมาได้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน” เถี่ยเจียนถึงบางอ้อ แต่ทันใดนั้นอธิบายออกมารวดเดียว 

 

 

“ยาลูกกลอนหมื่นมหัศจรรย์! ผู้แซ่หานเองก็เคยได้ยินมาบ้าง” หานลี่ได้ฟังชื่อของยาลูกกลอน ก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้ 

 

 

ตอนแรกที่อยู่ในเมืองลำแสงมรกต ชนต่างเผ่าเหล่านั้นเคยเอ่ยชื่อยาลูกกลอนชนิดนี้ ดูเหมือนว่ามูลค่าจะสูง เหนือกว่าหุ่นเชิดสะท้านฟ้า 

 

 

ทว่าที่มีประโยชน์ต่อระดับหลอมสุญตานั้น หากเขาปรุงยาหรือมีสูตรปรุงยา แน่นอนว่าย่อมมีผลในการทะลวงจุดคอขวดไม่น้อย 

 

 

“ในเมื่อมีงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ผู้แซ่หานคงต้องไปเปิดประสบการณ์ดูสักครั้ง” หานลี่กะพริบตา เผยสีหน้าสนอกสนใจออกมา 

 

 

“สหายมีเจตนานี้ เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถิด ไม่ปิดบังพี่หาน แดนกว้างเย็นในครั้งนี้ ผู้แซ่เถี่ยก็มีโอกาสเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าอาจจะอยู่กลุ่มเดียวกันกับสหายพอดี! ถึงตอนนั้นยังต้องให้พี่หานดูแล” ชายร่างใหญ่หัวโล้นหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกดีเป็นพิเศษ 

 

 

“สหายล้อเล่นแล้ว! พลังยุทธ์ระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เก้าของสหายเถี่ยสูงกว่าข้าน้อย ทว่าข้าน้อยไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองเมฆานัก ต้องรบกวนพี่เถี่ยแล้ว” หานลี่หัวเราะฮ่าๆ อย่างคลุมเครือ 

 

 

เถี่ยเจียนได้ยินเช่นนี้ พลันหัวเราะหึๆ ออกมา และไม่ได้เอ่ยปากอะไรต่อ แต่ยกมือขึ้นกวักเรียกรถอสูรให้หยุดอยู่ที่ตีนเขา จากนั้นก็พูดกับหานลี่ว่า “เชิญขอรับ” 

 

 

หานลี่ไม่เกรงใจ สาวเท้าขึ้นไปบนรถอสูร 

 

 

“ไปงานประมูลเมฆาประสงค์!” ชายร่างใหญ่ออกคำสั่งกับพลขับ 

 

 

พลขับได้ฟัง ปากก็ตอบรับ ชั่วขณะนั้นพลันควบคุมอสูรวิญญาณหน้ารถให้ห้อตะบึงไป 

 

 

ระหว่างอยู่ในรถ หานลี่พลันซักถามสิ่งที่เกี่ยวกับงานประมูลของทั้งสี่เผ่าด้วยความประหลาดใจไปไม่น้อย แล้วถึงได้รู้ว่างานประมูลนี้จัดขึ้นมาสองสามวันแล้ว แต่การประมูลระดับสุดยอดที่แท้จริง กลับจะจัดขึ้นวันนี้ ส่วนชายร่างใหญ่เผ่ารังไหมศิลานั้นยอมยืมศิลาวิญญาณก้อนหนึ่งมาจากสหายเพื่อประมูล ‘ยาลูกกลอนหมื่นมหัศจรรย์’ ถึงได้ออกมาเข้าร่วมงานประมูล 

 

 

หานลี่ได้ฟังว่างานประมูลในครั้งนี้ จะมีหุ่นเชิดสะท้านฟ้าสองตัวของเผ่าหมื่นโบราณออกมาประมูลด้วยแล้วพลันใจเต้น 

 

 

รถอสูรบินไปหนึ่งชั่วยามกว่าๆ เมื่อหักเลี้ยวก็เดินมาถึงถนนที่กว้างใหญ่สายหนึ่ง 

 

 

บนถนนสายนี้มีรถอสูรอยู่จำนวนมาก สองฝั่งถนนมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากที่ดูแล้วมีพลังยุทธ์ไม่อ่อนแอ เดินไปทิศทางเดียวกันพร้อมกับแขนเสื้อที่ปลิวไสว 

 

 

ในที่สุดรถอสูรก็มาหยุดลงตรงเกือบสุดถนน และหยุดลงข้างรถอสูรคันอื่นๆ  

 

 

หานลี่และเถี่ยเจียนเดินลงมาจากรถอสูร กวาดสายตาไปรอบด้าน 

 

 

เห็นเพียงตรงหน้ามีสิ่งปลูกสร้างยักษ์สี่เหลี่ยมปรากฏขึ้น 

 

 

สูงประมาณร้อยจั้งเศษ กว้างประมาณพันจั้ง และตรงยอดของสิ่งปลูกสร้าง กลับมีแท่นบวงสรวงทรงกลม ด้านบนมีแหวนกลมๆ สีเหลืองลอยอยู่โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งเศษ ดูเหมือนทองคำแต่ก็ไม่ใช่ทองคำ ดูเหมือนไม้แต่ก็ไม่ใช่ไม้ และไม่ได้สร้างจากวัตถุดิบอะไร แต่ชั่วพริบตาคาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงเย็นเยียบออกมาห่อหุ้มวิหารเอาไว้ 

 

 

รอบด้านของวิหารแห่งนี้มีนักรบชุดเกราะเรียงแถวยืนนิ่งอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหุ่นเชิดระดับไม่น้อย 

 

 

ทางเข้าของวิหารนี้มีทั้งหมดสามทาง ใหญ่ทางหนึ่งเล็กสองทาง มีผู้พิทักษ์สวมชุดสีฟ้ายี่สิบกว่าคนรักษาการณ์อยู่ตรงนั้น 

 

 

คิดไม่ถึงว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้จะอยู่ในระดับหลอมสุญตาขึ้นไป! 

 

 

ยามนี้ตรงทางเข้าทั้งสามทาง ทางเข้าที่ใหญ่ที่สุด มีคนเดินเข้าไปไม่มากนัก กลับเป็นทางเดินที่ค่อนข้างเล็กสองฝั่ง ที่มีผู้คนเดินเข้าออกอย่างคึกคัก 

 

 

“สหายหาน ในมือข้ามีของที่อยากนำไปขายที่วิหารด้านข้าง พอจะรวบรวมเป็นศิลาวิญญาณได้ ไม่ทราบว่าพี่หานคิดจะไปดูหรือไม่?” ตอนที่หานลี่กำลังมองอย่างเหม่อลอยนั้น เถี่ยเจียนก็หันหน้ามาเอ่ยถาม