“เรื่องนี้แม่ข้าทำเกินไปจริงๆ แต่ฆ่าข้าแล้วก็ไม่ได้มีผลต่อแม่ข้าหรอก หลายปีมานี้แม่ข้าปฏิบัติกับข้าอย่างไร ท่านคงเคยได้ยินมาแน่ ข้าเองยังสงสัยเลยว่าตนเองอาจจะถูกเก็บมาเลี้ยง”
“เมื่อก่อนนางปฏิบัติกับเจ้าเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางพึ่งพาเจ้าชุบตัวกลับมาได้ดี ข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้ดีอีก
“แม่สาวน้อย ถึงแม้ข้าจะทำผิดต่อเจ้า แต่ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้ามาเกิดในท้องนาง เดิมทีข้าก็ไม่เคยคิดจะลงมือกับเจ้าอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับมาเป็นปกติ นี่เป็นชะตาชีวิตของเจ้า”
ประโยคเดียวก็ทำให้หลิงอวี้จื้อเข้าใจ ที่แท้ชวีเหยาเป็นคนวางพิษในร่างกายเธอ เมื่อก่อนเธอสงสัยว่าเป็นเหลียนอี๋เหนียง หาอยู่ตั้งนาน ชวีเหยานี่เองที่เป็นคนทำ
พูดให้ถูกก็คือหลิงอวี้จื้อตัวจริงถูกชวีซื่อทำร้ายจนตาย หากนางไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายมากขนาดนี้ หลิงอวี้จื้อก็จะไม่โดนร่างแหกลายเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้งสิบกว่าปี แล้วสุดท้ายก็ยังเสียชีวิต
“ท่านป้า ท่านเคยฆ่าข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ท่านจะใจดำทำได้ลงคออีกหรือ”
หลิงอวี้จื้อมองชวีเหยาด้วยท่าทางน่าสงสาร เพื่อให้ชวีเหยาเกิดความเห็นอกเห็นใจ เธอรู้สึกว่าชวีเหยาก็ไม่ใช่คนจิตใจโหดเ**้ยม ที่นางทำเช่นนี้ เป็นเพราะความผิดหวังและเคียดแค้นล้วนๆ
หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงจะไปแก้แค้นกับชวีซื่อ คงไม่มาลงมือกับลูก
“หากเจ้าเป็นคนปัญญาอ่อน ทั้งชีวิตนี้เจ้าจะกลายเป็นรอยด่างของชวีฮุ่ย ทำให้นางไม่สามารถเชิดหน้าชูคอต่อหน้านายท่านได้ และค่อยๆ ทำให้นายท่านรังเกียจนาง
“ตอนนี้ชวีฮุ่ยจะกลายเป็นว่าที่แม่สามีของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็เพราะเจ้า ชีวิตภายภาคหน้าก็จะได้เฉิดฉายยิ่งขึ้นไปอีก ข้าไม่อยากให้นางได้ใจอีกต่อไป แม่สาวน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลาย ข้าบอกแล้วว่านี่เป็นชะตาชีวิตของเจ้า เจ้าต้องยอมรับ”
“ยอมรับกับผีสิ ท่านป้า จะไปเกิดในท้องใครข้าไม่สามารถตัดสินใจเองได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่ไปเกิดในท้องแม่ข้าแน่
“ข้าเคราะห์ร้ายมาพอแล้ว เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานก็กลายเป็นคนโง่ มีชีวิตเช่นนั้นมาสิบกว่าปีแล้ว กว่าจะกลับมาปกติไม่ง่ายเลย
“ข้าเปลี่ยนโชคชะตาด้วยตัวของข้าเอง ตอนนี้ท่านป้ามาบอกว่านั่นคือชะตาชีวิตของข้า เช่นนี้เรียกว่าชะตาชีวิตประสาอะไรกัน เรียกว่าป้าเอาความแค้นเคืองใจมาลงที่ข้าต่างหาก
หลายปีมานี้ข้าถูกท่านแม่เมินเฉยมามากแล้ว ไม่เคยได้สัมผัสความรักใคร่จากท่านแม่เลย ลูกของท่านป้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน”
ชวีเหยานึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะพูดโน้มน้าวใจเก่งขนาดนี้ ยังคงถือกรรไกรขึ้นสนิม นั่งยองๆ ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ในใจเริ่มทนไม่ไหว
นางไม่ได้เป็นคนเลวร้ายโดยธรรมชาติ หลายปีมานี้นางแกล้งบ้า นอกจากเพื่อมีชีวิตรอดแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดคือเพื่อไม่ให้หลิงจ้ายเทียนมาหานางอีก สำหรับชายผู้นี้ นางผิดหวังในตัวเขาจนถึงที่สุดไปตั้งนานแล้ว ได้แต่ใช้วิธีนี้เพื่อให้หลิงจ้ายเทียนอยู่ห่างจากตนเอง
ชวีซื่อไม่เคยดีกับหลิงอวี้จื้อเลย เรื่องนี้นางก็รู้ คิดไม่ถึงว่านางจะใจเ**้ยมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองขนาดนี้
ตอนนี้นางอยากฆ่าหลิงอวี้จื้อ ไม่ใช่เพื่อให้ชวีซื่อเสียใจ แต่เพื่อให้นางผิดหวัง หากหลิงอวี้จื้อตายแล้ว หลิงจ้ายเทียนก็ต้องตำหนิโทษนาง ตำแหน่งของชวีซื่อในจวนมหาเสนาบดีจะต้องดิ่งลงเหวอีก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องพลิกตัวกลับมาได้ดีอีก
ชวีเหยาไม่พูดอะไรสักคำ ยกกรรไกรในมือขึ้นมา กำลังจะแทงลงไปบนอกของหลิงอวี้จื้อ ดวงตาของหลิงอวี้จื้อเบิกกว้าง มองตรงไปที่ชวีเหยา ที่พูดไปช่างไร้ประโยชน์
ก่อนนี้เธอเห็นการต่อสู้แวบหนึ่งในดวงตาของชวีเหยา เธอต้องลองดู หลิงอวี้จื้อรีบร้องไห้โฮเสียงดัง ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ร้องไห้ก่อนค่อยว่ากัน
หลิงอวี้จื้อร้องไปตะโกนไป
“ข้าไม่อยากตาย ข้าเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปีเอง ท่านป้า เมื่อก่อนสมองข้าก็ผิดปกติมาตลอด เพิ่งจะเป็นปกติเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ยังไม่ทันเห็นโลกใบนี้ได้ชัดเจนเลย ท่านป้า ข้าไม่อยากตาย”