ตอนที่ 96 คืนนี้ชดเชยให้นาย

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกตัวเอง ถ้าว่าเจียงมู่เฉินเป็นขี้ตาก้อนนี้ ขี้ตาบดบังดวงตาสองข้างของเขาจริงๆ แล้ว

 

 

           อลหม่านกันอยู่พักใหญ่ เจียงมู่เฉินถึงได้ยอมแพ้ที่จะกอบกู้ทรงผมหลังท้ายทอยที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ของตัวเองคืนมา ซือเหยี่ยนคว้ากระเป๋าเดินทางของเจียงมู่เฉินไว้ในมือ “ไปกัน ผมจะส่งคุณกลับบ้าน”

 

 

           ทันทีที่เจียงมู่เฉินได้ยินคำว่ากลับบ้านก็รีบพูดขึ้นมาทันใด “ฉันไม่กลับ เห็นหน้าแม่ฉันแล้วอยากอาเจียน”

 

 

           “คุณเห็นน้าเจียงแล้วอยากอาเจียนอะไรกัน ท่านไม่ได้ทำให้คุณอาเจียนสักหน่อย”

 

 

           “ฉันเห็นหน้าแม่ฉันแล้วนึกถึงซุปที่แม่เคี่ยวมาน่ะ…อย่าพูดอีกเลย พูดอีกฉันก็อยากอาเจียนอีก”

 

 

           ซือเหยี่ยนจนปัญญา “งั้นคุณจะไปไหน”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างจริงจัง “นายคิดจะรับฉันไปเลี้ยงสักหน่อยไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “รับมาเลี้ยงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”

 

 

           “ฉันจ่ายค่าเช่าบ้านได้นะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหยุดไปสักพัก ก่อนเอ่ยต่อ “ขออภัย ผมรับแค่ร่างกาย”

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองเขา เอ่ยอย่างเริงร่า “ได้ ร่างกายก็ร่างกาย”

 

 

           ถึงเวลาจะฉวยโอกาสชิงนอนกับซือเหยี่ยนก่อน ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่จะอยู่บ้านเขาได้ ยังได้นอนกับเจ้าของบ้านอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวทีเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดหาประโยชน์เข้าข้างตัวเองอยู่ในใจ รู้สึกว่าการซื้อขายนี้ช่างคุ้มค่า ตัวเองเป็นอัจฉริยะในด้านการทำธุรกิจเสียจริง

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์คิดแผนจากในกระจก เขายกยิ้มมุมปากขึ้น แววตาอันลุ่มลึกฉายสะท้อนรอยยิ้มบางๆ

 

 

           ตัวคนก็เป็นฝ่ายมาส่งถึงประตูเอง ครั้งนี้ไม่กินเข้าไปอีกก็ต้องขออภัยปณิธานอันแรงกล้าของเจียงมู่เฉินแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนตัดสินใจว่าคืนนี้จะมาเติมเต็มความปรารถนาของเจียงมู่เฉินให้อิ่มอกอิ่มใจสักหน่อย

 

 

           ระหว่างเดินทางกลับ ทั้งสองคนต่างพากันคิดแผนชั่วร้ายแสนมีเลศนัยกันอยู่ จนรถมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินถึงเดินเดินเปิดประตูเข้าบ้านไปอย่างคล่องแคล่ว ทำตัวตามสบายราวกับเป็นบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางของเจียงมู่เฉินแบบนั้นจึงเลิกคิ้วเงียบๆ

 

 

           ขลุกตัวอยู่บนโซฟาพักหนึ่ง เจียงมู่เฉินชักจะเริ่มเบื่อๆ จึงวิ่งแจ้นอย่างบันเทิงเริงใจไปจนถึงระเบียง เตรียมตัวจะเข้าไปแหย่แกล้งซือเหยี่ยนที่อ่านหนังสืออยู่

 

 

           เมื่อเขาสาวเท้าถึงระเบียงก็ดึงมือของซือเหยี่ยนขึ้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของซือเหยี่ยน

 

 

           เจียงมู่เฉินขยับตัวไปมาหาท่าที่สบายตัว ทำราวกับซือเหยี่ยนเป็นหมอนพิงหลังไม่มีผิด

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางแสนทะมัดทะแมงของเขาก็อดจะยักคิ้วไม่ได้ เจียงมู่เฉินถอยหลังเอนพิง “นายอ่านหนังสือเถอะ ฉันนอนได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนอดทนอดกลั้นความคิดที่อยากจะเอาหนังสือหนีบความซุกซนอยู่ไม่สุขบนใบหน้าของเจียงมู่เฉิน

 

 

           เขายังคงนอนท่าเดิม ปล่อยให้เจียงมู่เฉินพิงหลังอยู่ตรงนั้น แสงแดดสาดส่องบนระเบียง ช่างผ่อนคลายสบายกาย เดิมทีเจียงมู่เฉินก็แค่พูดไปส่งๆ ใครจะรู้ว่านั่งพิงแบบนี้จะง่วงขึ้นมาได้จริงๆ

 

 

           จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาคลอเคลียแนบชิดอยู่ใต้คางของซือเหยี่ยนพอดี มือซือเหยี่ยนที่จับดูหนังสืออยู่หยุดชะงักไป ก่อนวางหนังสือลงข้างตัว

 

 

           เจียงมู่เฉินยามหลับใหลช่างน่าเอ็นดูว่าง่ายอย่างบอกไม่ถูก ดูไร้พิษภัยเป็นพิเศษ เหมือนกับเด็กอายุสิบกว่าขวบไม่มีผิด

 

 

           ความเย่อหยิ่งอวดดีและมากด้วยเล่ห์กลกับดักของเขาดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย   

 

 

           ครู่ใหญ่ๆ ซือเหยี่ยนหยิบหนังสือข้างตัวขึ้นมาอีกครั้ง ทำหน้าที่เป็นหมอนอิงเวอร์ชันคนต่อไป พลางอ่านหนังสือไป เวลาทั้งช่วงบ่ายผ่านไปเร็วทีเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้นอนหลับยาวจนถึงตอนค่ำชักจะอยู่ไม่สุขแล้ว

 

 

           ยามกินข้าวก็เอาแต่ปลุกปั่นซือเหยี่ยนไม่เลิก ทำเอาซือเหยี่ยนเกือบจะไม่กินข้าว แล้วไปจัดการอุ้มคนตรงหน้าส่งกลับห้อง แล้วฆ่าหมกห้องเสียแทน

 

 

           อดทนอยู่นานสองนาน ถึงทำให้เจียงมู่เฉินกินข้าวเสร็จได้

 

 

           ซือเหยี่ยนตวัดหางตามองเจียงมู่เฉินที่ยั่วยวนใจคนจนแทบทนไม่ไหวแล้วเส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกไม่หยุด ขายาวก้าวเข้าไปหาเจียงมู่เฉินผู้นั่งสบายใจเฉิบบนเก้าอี้ สอดมืออุ้มอีกคนขึ้นมา

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมือขึ้นโอบรอบคอของซือเหยี่ยนแล้วโน้มตัวจูบลงไป

 

 

           ต่างฝ่ายต่างแลกรสจูบอันร้อนแรงรัญจวนใจ ยากจะพรากจากกัน

 

 

           เจียงมู่เฉินแนบชิดริมฝีปากของซือเหยี่ยน เอ่ยเสียงต่ำ “อยากให้ชดเชยให้ไม่ใช่เหรอ คืนนี้ชดเชยให้นายดีไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินในอ้อมกอดยามนี้เป็นร่างปีศาจแสนยั่วเสน่ห์เต็มขั้น ล่อลวงจิตวิญญาณโดยเฉพาะ ชักนำดึงหัวใจทั้งดวงของซือเหยี่ยนให้มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น ซือเหยี่ยนงับเขาไปที พร่ำเสียงแหบพร่าเบาๆ “คุณพูดเองนะ”  

 

 

 

 

ตอนที่ 97 แค่จูบๆ กันสิ

 

 

           เจียงมู่เฉินหลุดขำออกมา “คุณชายเจียงอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีผิดคำสัญญาหรอก”

 

 

           เสียงพูดเจียงมู่เฉินเพิ่งจะหยุดลง ทั้งตัวก็โดนซือเหยี่ยนจับกดลงไป เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับก็โดนซือเหยี่ยนจับมือกดไว้อีกจนกระดุกกระดิกไม่ได้ โดนกดจูบลงไปทั้งอย่างนั้น

 

 

           ท่ามกลางริมฝีปากสัมผัสนั้น เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน แรงสักนิดก็ไม่มีแล้ว

 

 

           ยามตกเป็นเบี้ยล่าง เจียงมู่เฉินอดคิดไม่ได้ว่า ตอนเด็กซือเหยี่ยนคนนี้กินอะไรนะ ทำไมตัวเองถึงอ่อนแอกว่า สู้แรงกำลังของเขาไม่ได้เลย

 

 

           “นาย…นาย เดี๋ยวๆ …โอ๊ะ…” ซือเหยี่ยนยามปกติใบหน้านิ่งดูเย็นชา เวลานี้กลับจูบเขาเร่าร้อนเกินจะทน

 

 

           แม้แต่โอกาสจะเปิดปากยังไม่ให้เขาสักนิด

 

 

           คอเสื้อของเสื้อเชิ้ตไม่รู้ว่าถูกดึงออกตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็เริ่มจะรู้สึกเหมือนจะงานเข้าแล้ว เดิมทีคิดมาดีแล้วว่าจะเป็นฝ่ายจับกดไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลายเป็นโดนซือเหยี่ยนจับกดไปได้

 

 

           โดนซือเหยี่ยนจับกดแบบนี้ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องนี้เลย

 

 

           “นี่…เดี๋ยวก่อนสินาย”

 

 

           “อะไร”

 

 

           “ฉันว่า แค่จูบกันก็ได้แล้วมั้ง” เจียงมู่เฉินหายใจหอบไปพูดไป

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว น้ำเสียงแอบแหบพร่าอย่างบอกไม่ถูก “คุณคิดว่า ห้ามกันได้เหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินมือร้อนผ่าวรีบสะบัดมือออก “อ้าวเฮ้ย นายนี่มัน…เกินไป” อะไรเกินไปวะ เจียงมู่เฉินตื่นตระหนกจนลืมไปแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนจับเจียงมู่เฉินกดลงไปอีกครั้ง “คุณพูดเองแล้วว่าจะชดเชยให้ผม”

 

 

           สิ้นเสียง ไม่รีรอให้เจียงมู่เฉินได้โต้ตอบอะไร ก็งับริมฝีปากของเขาซ้ำอีก ยามเห็นเสื้อเชิ้ตตัวบางๆ ของตัวเองกำลังจะกลายเป็นเศษผ้า มือถือที่วางข้างๆ ตัวก็ดังขึ้นมากะทันหัน

 

 

           เจียงมู่เฉินแววตาลุกวาว รีบเตะสะกิดเขา “เดี๋ยวก่อนสิ มือถือนายดังแล้ว”

 

 

           “ไม่สน” ซือเหยี่ยนเตรียมพร้อมจะจูบเขาต่อ

 

 

            เสียงเรียกเข้ามือถือดังประท้วงในอากาศไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ ดังต่อเนื่องไม่มีหยุด วนเวียนจนทำให้ซือเหยี่ยนหมดหนทางจะมองข้ามมันไปได้

 

 

           เขาสะกดอารมณ์รุ่มร้อนแสนฮึกเหิมที่อยากจะจับเจียงมู่เฉินกดเอาไว้ ยื่นมือหยิบมือถือ ยามเห็นชื่อปรากฏบนหน้าจอก็ชะงักค้างไป

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องซือเหยี่ยนตาไม่กะพริบ รู้สึกว่าเขาในมาดแบบนี้เซ็กซี่อยู่ไม่เบา

 

 

           “ฮัลโหล เหวินฮุ่ย มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า” ซือเหยี่ยนกดเสียงต่ำเอ่ย

 

 

           ทันทีที่เจียงมู่เฉินได้ยินชื่อ ‘หลินเหวินฮุ่ย’ เพียงพริบตาเดียวเสียงในใจก็ดังเตือนขึ้นมา เขายังไม่ลืมเรื่องที่ซือเหยี่ยนตั้งใจเตรียมของขวัญวันเกิดให้เธอเป็นพิเศษเมื่อครั้งก่อน

 

 

           “ตอนนี้เหรอ” ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

 

           ไม่รู้ว่าปลายสายทางนั้นพูดว่าอะไร เห็นแค่ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “ได้ ฉันรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”

 

 

           หลังจากวางสายไป ซือเหยี่ยนยกมือขึ้นติดกระดุมที่ไม่รู้ว่าถูกเจียงมู่เฉินปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

           “นายจะไปทำอะไร ไม่คิดจะบอกอะไรฉันหน่อยเหรอ” เจียงมู่เฉินหรี่ตามองเขา

 

 

           “เหวินฮุ่ยปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ผมจะไปดูสักหน่อย” ซือเหยี่ยนเอ่ยอธิบายเสียงต่ำ

 

 

           “งั้นนายจะไปตอนนี้เลยเหรอ” ดวงตาดำขลับของเจียงมู่เฉินเย็นชาขึ้นมาฉับพลัน

 

 

           ‘ทิ้งเขาไปกลางดึก แล้วไปหาผู้หญิงที่คิดไม่ซื่อกับเขานี่นะ…’

 

 

           “ข้างกายเธอไม่มีใคร ผมจำเป็นต้องไปดู”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ เขาจัดแจงสวมเสื้อผ้าที่ถูกซือเหยี่ยนปลดออกกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง “โอเค นายไปเถอะ ฉันไม่รบกวนนายแล้ว เวลานี้หลานเยี่ยคงจะคึกคักน่าดู ฉันไปนั่งเล่นที่นั่นก็ใช่ว่าจะไม่ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินพูดไป พลางเตรียมตัวจะออกไป

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกตัวเองกระชากหลุดไป เผยให้เห็นผิวกายขาวผ่อง ดูเกียจคร้านมากเป็นพิเศษ

 

 

           เจียงมู่เฉินในสภาพแบบนี้ไปหลานเยี่ย…

 

 

           ซือเหยี่ยนปวดขมับ รีบคว้าตัวอีกคนไว้

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ยังมีธุระอยู่ไม่ใช่เหรอ นายมาจับฉันไว้ทำไม รีบไปสิ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับเอ่ยเสียงต่ำ “คุณไปด้วยกันกับผม”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาขำๆ “ฉันไม่สนใจจะนั่งมองนายกับเธอปลอบใจกันหรอกนะ”