ตอนที่ 98 ไม่มีกะจิตกะใจจะมาโกรธนาย

 

 

           ซือเหยี่ยนคว้ามือเขาเอาไว้ “นอกจากคุณ ผมก็ไม่คิดจะปลอบใจใครหน้าไหนทั้งนั้น”

 

 

           ความเย็นชาในแววตาเจียงมู่เฉินสลายลงบ้างเพียงเล็กน้อย เจียงมู่เฉินตีมึนเชิดคางมองซือเหยี่ยน “ฉันเป็นคนประเภทที่ฟังคำหวานแล้วเชื่อเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนช่วยเขาจัดแจงเสื้อผ้า “อืม งั้นตอนนี้คุณเชื่อผมไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น “เชื่อนายอีกสักครั้งจะเป็นไรไป”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาขำๆ “งั้นก็เชิญคุณชายเจียงทางนี้”

 

 

 

 

           กลางดึก ซือเหยี่ยนรีบขับรถพาเจียงมู่เฉินมุ่งตรงไปที่คอนโดมีเนียมที่หลินเหวินฮุ่ยพักอยู่

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินอย่างทะมัดทะแมงถึงหน้าประตูคอนโดมีเนียมแล้วเคาะประตู

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นท่าทางดูคล่องแคล่วคุ้นเคยของเขา แล้วเบ้ปากใส่ เห็นทันทีก็รู้ว่าเมื่อก่อนคงจะมาบ่อยครั้งทีเดียว

 

 

           รอสักพักใหญ่ๆ ประตูถึงถูกเปิดออก หลินเหวินฮุ่ยเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวดจนยืดตัวตรงไม่ได้ “พี่ซือเหยี่ยน จู่ๆ ฉันก็ปวดท้องขึ้นมากะทันหันน่ะค่ะ”

 

 

           เธอเจ็บปวดจนใบหน้าซีดเผือด ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสงสารไม่น้อย

 

 

           “ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล” ไม่พูดต่อเป็นครั้งที่สอง ซือเหยี่ยนก็เข้าไปประคองตัวหลินเหวินฮุ่ยให้เดินออกมาข้างนอก

 

 

           เดินพ้นประตูไป หลินเหวินฮุ่ยถึงเพิ่งเห็นเจียงมู่เฉิน เพียงชั่วพริบตาที่พบหน้าเขา สีหน้าท่าทางของหลินเหวินฮุ่ยดูซับซ้อนทันที

 

 

            ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวดท้องจนไม่มีแรงจะทักทายเจียงมู่เฉิน หรือเพราะเหตุผลอย่างอื่น เธอไม่พูดอะไรสักคำเอาแต่กุมท้องเอาไว้

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง ทั้งสองคนสบตากัน ซือเหยี่ยนถึงได้เอ่ย “ช้าหน่อยนะ”

 

 

           ประคองพาคนเจ็บเข้ารถอย่างปลอดภัย เจียงมู่เฉินมานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับด้วยตัวเอง ซือเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ ในบางครั้งก็มีเสียงหายใจอย่างยากลำบากแสนทรมานของหลินเหวินฮุ่ยดังขึ้นมา

 

 

           บรรยากาศค่อนข้างแปลกทีเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินมองออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วย่นขึ้นเล็กน้อย นี่มันเรื่องอะไรกัน ดึกขนาดนี้อยู่เป็นเพื่อนซือเหยี่ยนส่งผู้หญิงไปโรงพยาบาลเนี่ยนะ

 

 

           แม่เขายังไม่ทำอะไรให้แบบนี้เลย

 

 

           แต่ว่าเหตุเกิดขึ้นฉุกเฉินเช่นนี้ เจียงมู่เฉินก็ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่เดินตามอยู่ข้างหลัง กว่าจะส่งคนเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่ง่ายๆ ทรมานอยู่สักพักถึงเพิ่งได้ถูกส่งตัวเข้าห้องผู้ป่วย

 

 

           ผู้หญิงยามไม่สบายขึ้นมาจะออดอ้อนมากว่าปกติ เธอกอดเกี่ยวมือของซือเหยี่ยนไว้ ไม่ยอมปล่อย ซือเหยี่ยนจะผละออกจากเธอ ไม่สนใจเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเธอไม่กี่นาที รอจนเธอหลับแล้วถึงออกมา

 

 

           เจียงมู่เฉินพิงกายอยู่นอกประตู ก้มหัวลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           ซือเหยี่ยนก้าวเดินเข้าไปหา จับมือเจียงมู่เฉินเอาไว้ “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว ชักมือตัวเองออกมาจากมือของซือเหยี่ยนด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น “ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”

 

 

           ซือเหยี่ยนคว้าตัวเขาเอาไว้ทันที “โกรธเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินฉีกมุมปากขึ้น “ได้ไงล่ะ ฉันจะโกรธอะไรได้เหรอ”

 

 

           “คุณโกรธได้” ซือเหยี่ยนกุมมือของเขาไว้หนักแน่น

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาขำๆ “ต่อให้ฉันโกรธแล้วจะมีความหมายอะไร นายจะผละออกจากเธอ ไม่สนใจเธอได้เหรอ ซือเหยี่ยนดึกจนป่านนี้แล้ว ฉันเหนื่อยมากนะ ไม่มีกะจิตกะใจเรี่ยวแรงอะไรมายุ่งเรื่องนี้กับนายหรอก”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วมองเจียงมู่เฉิน

 

 

“เอาล่ะ นายก็อยู่ที่นี่ดูแลให้ดีๆ เถอะ ฉันไปนะ”

 

 

ซือเหยี่ยนยังไม่ยอมปล่อยมือ

 

 

เจียงมู่เฉินโมโหแล้ว “นายเป็นบ้าใช่ไหม นายไม่นอนยังจะไม่ให้ฉันนอนอีกหรือไง”

 

 

ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงต่ำ “ไม่ไปหลานเยี่ยเหรอ”

 

 

“ไปหลานเยี่ยน้องสาวนายสิ ฉันไม่มีอารมณ์ ฉันอยากกลับบ้านไปนอน” เจียงมู่เฉินสลัดมือของเขาออก

 

 

“ดูแลหลินเหวินฮุ่ยน้องสาวของนายให้ดีๆ เถอะ อย่ามัวแต่มาหาเรื่องฉัน”

 

 

เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

 

 

‘นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน กว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ เตรียมตัวจะมาสวีทหวานกับซือเหยี่ยนสักหน่อย ตอนนี้ยังมียัยน้องสาว หลินเหวินฮุ่ยป่วยเข้าโรงพยาบาลไปอีก’

 

 

เจียงมู่เฉินอดจะคิดไม่ได้ว่า ช่วงเวลานี้เขามีดวงชงกับโรงพยาบาลหรือเปล่า

 

 

เดินมาจนถึงลานจอดรถ เจียงมู่เฉินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเขานั่งรถซือเหยี่ยนมา ตอนนี้ซือเหยี่ยนอยู่ในโรงพยาบาลเฝ้าไข้หลินเหวินฮุ่ยของเขาอยู่ คงจะไม่ได้นึกถึงเขาเลย

 

 

เจียงมู่เฉินโกรธจนทนไม่ไหว ยกเท้าขึ้นถีบรถของซือเหยี่ยน

 

 

เสียงเท้ากระแทกกับรถดังขึ้น ทันใดนั้นเสียงสัญญาณกันขโมยก็ดังขึ้นตามมา

 

 

เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยเสียงนั้น ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ แทบอยากจะพุ่งตัวเข้าห้องผู้ป่วย กระชากดึงตัวซือเหยี่ยนขึ้นมาฟาด   

 

 

 

 

ตอนที่ 99 ปลงไม่ตกขนาดนี้

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหจนเอาเท้าถีบใส่รถอีกครั้งเพื่อระบายไฟโทสะในใจ

 

 

           ถีบเสร็จครั้งนี้ เจียงมู่เฉินเตรียมจะออกไปเรียกรถกลับบ้านนอน ดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้กลับมาถีบรถอย่างกับคนบ้าไม่มีผิด คุณชายเจียงผู้มีมาดผู้ดีแสนองอาจตั้งใจเปลี่ยนแนวเป็นคนบ้าแล้วจริงๆ

 

 

           “คุณคิดจะถีบรถผมจนพังไปเลยหรือไง” เสียงทุ้มต่ำของซือเหยี่ยนดังมาจากข้างหลัง

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตาไป มองเห็นซือเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ได้หวาดกลัวเรื่องที่ถีบรถเขา เขามองหน้าหาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่ “ทำไม ฉันถีบนายไม่ไหว มาถีบรถนายไม่ได้หรือไง”

 

 

           ซือเหยี่ยนขำพร้อมยกยิ้มมุมปากขึ้น “ถีบได้อยู่แล้ว ต่อให้คุณอยากจะถีบผม ผมก็ยอม”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “ฉันฟังคำพูดไร้สาระของนายอยู่ต่างหาก” เขาพูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป

 

 

           “ดึกขนาดนี้คุณคิดจะกลับยังไง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเรียบๆ

 

 

            “นายสนใจว่าฉันจะกลับยังไง ฉันคุณชายเจียงมีมือมีเท้านะ จะกลับไปเองไม่ได้หรือไง” เจียงมู่เฉินมองอีกฝ่ายอย่างกับคนโง่

 

 

           “ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่งคุณ” ซือเหยี่ยนเปิดประตูรถ

 

 

           “ไม่ขึ้น ไม่จำเป็นต้องให้นายมาส่งฉัน” เขากำลังหงุดหงิด หน้าซือเหยี่ยนสักนิดก็ไม่อยากมอง

 

 

           “อย่าดื้อเลย ดึกมากแล้ว ผมจะส่งคุณกลับไปเอง” ซือเหยี่ยนโอ๋เจียงมู่เฉินอย่างอารมณ์ดี

 

 

           “นายกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหลินเหวินฮุ่ยเลย ฉันไม่ต้องการนาย”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางดื้อรั้นของเขา ก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “ผมหาคนมาดูแลเธอแล้ว ผมจะส่งคุณกลับบ้าน”

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน “นายไปตอนนี้ ไม่เป็นห่วงเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสที่เขายังงุนงง ดันตัวเขาเข้าในรถไป “เทียบกับเธอแล้ว ผมเป็นห่วงคุณมากกว่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินที่ขนตั้งตรงพองตัวราวกับแมวยามขู่ศัตรู เพียงพริบตาเดียวก็ถูกลูบขนให้เรียบลงแล้ว นั่งในรถอย่างว่าง่ายให้ซือเหยี่ยนส่งเขากลับบ้าน

 

 

           ระหว่างเดินทาง เจียงมู่เฉินเอ่ยเสียงต่ำขึ้นมา “ฉันไม่ได้บอกให้นายเมินเธอนะ”

 

 

           เขาโมโหอยู่ก็จริง แต่ว่าถึงยังไงเธอก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ผู้ชายอย่างเขาจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่

 

 

           “ผมมีเพื่อนเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผมให้เขาช่วยผมดูแลเธอ ไม่เป็นไรหรอก วางใจเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิดไม่ได้พูดอะไรออกไป สถานการณ์ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีความหมาย ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า

 

 

           ขับมาตลอดทางจนถึงหน้าคฤหาสน์ของซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินชะงักงัน “ไม่ใช่ว่าจะส่งฉันกลับบ้านหรอกเหรอ ทำไมถึงมาบ้านนายล่ะ”

 

 

           “ที่นี่ก็เป็นบ้านของคุณ ไม่กลับมาที่นี่แล้วคุณจะกลับไปที่ไหน”

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ เดินเข้าประตูขึ้นชั้นสองไปอาบน้ำ ซุกตัวใต้ผ้าห่มแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น ทั้งคืนเจอเรื่องวุ่นวายกวนใจขนาดนี้ เขาไม่มีอะไรอยากจะพูดแล้ว

 

 

           เช้าวันต่อมา ซือเหยี่ยนออกไปก่อนแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปร้านทำผมร้านที่เคยไปเป็นประจำเมื่อก่อน ท้ายทอยถูกโกนผมออกเป็นบริเวณใหญ่ น่าเกลียดจนไปสู้หน้าใครไม่ได้

 

 

           “คุณชายเจียง วันนี้คุณอยากได้ทรงผมแบบไหนครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ได้คิดเอาไว้ “แล้วแต่แล้วกัน นายดูเองเลยว่าจะตัดทรงไหน”

 

 

           “งั้นก็ได้ครับ ผมจะตัดผมคุณให้สั้นขึ้นมาหน่อยแล้วกันนะครับ”

 

 

           สิบนาทีผ่านไป เจียงมู่เฉินดูตัวเองในกระจก หางตากระตุกแล้วกระตุกอีก เขายอมให้ช่างดูว่าจะตัดทรงไหนก็จริง แต่ไม่ได้ให้ตัดตามใจสบายๆ ขนาดนี้

 

 

           ทรงผมเดิมยาวถึงหลังหู โดนตัดมาอยู่บนหูแล้ว คุณชายเจียงหนุ่มเพลย์บอยรูปงามกลายเป็นผู้ชายหัวพระอาทิตย์เปล่งแสง…

 

 

           อารมณ์เจียงมู่เฉินชักจะซับซ้อนขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

           หลังจากจ้องมองทรงผมสั้นของตัวเองแล้วจากไป เจียงมู่เฉินก็มุ่งหน้าไปหลานเยี่ย เจ้าตัวเพิ่งจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นก็ได้รับสายตาตกตะลึงแปลกใจเรียงต่อกันอย่างไม่ขาดสาย

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นสายตาพวกเขามารวมกันอยู่ที่ทรงผมของตัวเอง ก็อดจะถอนใจไม่ได้ ทรงผมทรงนี้ของเขามันน่าเกลียดขนาดนั้นเชียวเหรอ

 

 

           ‘ไม่ได้หรอกมั้ง เขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ต่อให้โกนผมจนหัวโล้นมา ก็ควรจะเป็นแบบนักบวชหนุ่มรูปงามสิ’

 

 

         เดินเข้าห้องรับรองได้ไม่นาน เฉิงฉีก็เดินตามเข้ามา หลังจากได้มองเจียงมู่เฉินชัดๆ เขาทำหน้างุนงงอยู่ในที

 

 

           “เกิดอะไรขึ้นกับนาย ปลงไม่ตกขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากขึ้น

 

 

           “หัวโดนกระแทกจนเอ๋อ”