บทที่ 343 นิตยสารอาร์คานาฉบับล่าสุด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 343 นิตยสารอาร์คานาฉบับล่าสุด
“สวัสดีขอรับ ราเชล” ลูเซียนยิ้มและทักทาย แม้จะรู้ว่าสตรีผมสีดำตาสีฟ้าคนนั้นน่าจะเป็นอิซาเบลลา ลูเซียนก็ยังถามด้วยความสุภาพ “ท่านหญิงผู้นี้คือใครหรือขอรับ?”

ลูเซียนเคยพบกับราเชลครั้งแรกในการประชุมควบคุมมลภาวะที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการกิจการ ดวงตาสีน้ำตาลของราเชลยังคงอ่อนโยนและมีอารีเหมือนเดิม “ดีจังใจเจ้าค่ะที่ได้พบท่าน ท่านอีวานส์ ท่านผู้นี้คืออาจารย์ของข้า ท่านหญิงอิซาเบลลา”

“สวัสดีขอรับ ท่านหญิงอิซาเบลลา” ลูเซียนเอ่ยปากทักทายก่อน “ขอแสดงความยินดีกับรางวัลเกียรติยศด้วยขอรับ และขอแสดงความยินดีกับการเลื่อนระดับด้วย”

ลูเซียนเห็นเหรียญตราอาร์คานาที่อิซาเบลลาประดับอยู่มีดาวสีเงินเจ็ดดวง ส่วนเหรียญตราของราเชลเองก็มีดาวห้าดวง

อิซาเบลลาในชุดกระโปรงยาวสีดำยิ้มตอบ “ข้าว่าจะไปหาท่านอยู่เชียว อีวานส์ หากไม่มีบทความเรื่องคลื่นสมองของท่าน ราเชลกับข้าอาจไม่ได้รับรางวัลมาลัยเกียรติยศครั้งนี้ บทความของท่านเป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนทฤษฎีของเรา”

ไม่ว่าอิซาเบลลาจะพูดด้วยความสุภาพหรือจริงใจเพียงไหน แต่เมื่อได้ยินนางพูดไปอย่างนั้น ลูเซียนเองก็รู้สึกดี “บทความของข้าเป็นเพียงองค์ประกอบเสริม งานวิจัยของท่านคู่ควรกับรางวัลอยู่แล้วขอรับ โครงการวิจัยของข้าเพิ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ วันนี้ ข้าเลยมาตรวจสอบห้องทดลองขอรับ”

“โครงการใหม่หรือเจ้าค่ะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าอิซาเบลลาดูสง่างามและสุขภาพยิ่ง “ข้าเองก็มีโครงการใหม่ศึกษากระบวนการที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นสมองมนุษย์ส่วนต่างๆ เจ้าค่ะ ข้าเองก็มาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน ข้าคิดว่าจะชวนท่านมาร่วมงานกับเรา แต่ดูเหมือนคงเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ”

ลูเซียนรู้ดีว่าอิซาเบลลาสามารถทำโครงการวิจัยด้วยตัวนางเองได้ นางรักษาอากัปกิริยาสุภาพต่อลูเซียน เพราะลูเซียนเป็นจอมเวทหนุ่มที่มีอนาคตสดใส และอาจารย์ของเขาก็คือเจ้าแห่งวายุ

เนื่องจากโครงการได้รับอนุมัติ ลูเซียนก็พูดอย่างจริงใจ “โครงการของข้า… สถาบันอะตอมจะศึกษาเจาะจงในเรื่องคุณสมบัติของอะตอม และเหตุผลรองรับกฎการจัดลำดับธาตุของธาตุต่างๆ”

“สถาบันอะตอม…” อิซาเบลลาพูดทวนทั้งสองคำอย่างไร้เสียง และรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ

ราเชลกระพริบตา แม้ว่านางจะไม่ได้พูดออกมา นางก็เกิดคำถามขึ้นในหัวว่าโครงการที่คลุมเครือและกำกวมเช่นนี้ผ่านการตรวจสอบได้อย่างไร

ลูเซียนอธิบายด้วยความมั่นใจ “โครงการนี้เป็นการศึกษาแนวใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออาร์คานาศาสตร์ก้าวเข้าสู่ศาสตร์ใหม่ ในศาสตร์ใหม่นี้ เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะไปในทิศทางไหน คณะกรรมการตัดสินให้เวลากับเราค่อนข้างนานและทุนพอสมควร ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลถึงความล้มเหลว เมื่อเริ่มทำงาน”

“เวลาค่อนข้างนาน… ทุนพอสมควร…” อิซาเบลลารู้สึกว่าโครงการนี้มีบางอย่างผิดปกติ

ลูเซียนยิ้มกว้าง “ข้ามีเวลาสามปีที่จะแสดงให้คณะกรรมการเห็นถึงคุณค่าของโครงการขอรับ”

“สามปี?!” ราเชลประหลาดใจมาก เนื่องจากโครงการวิจัยปัจจุบันของอิซาเบลลาเป็นโครงการระยะหนึ่งปีเท่านั้น นอกจากนี้ ทุนสนับสนุนที่จะได้รับจะสอดคล้องกับผลงานของโครงการอย่างใกล้ชิด แต่ดูเหมือนว่าโครงการของลูเซียนจะไม่มีข้อจำกัด และลูเซียนก็สามารถทำอะไรก็ได้ตามปรารถนาภายในระยะเวลาสามปีจากนี้!”

แม้แต่อิซาเบลลา นักเวทชั้นกลางผู้ทรงภูมิ ก็ถึงกับขมวดคิ้ว “แล้วคณะกรรมการกิจการจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เสียเงินและเวลาไปเปล่าๆ?”

นางไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าการอนุมัติโครงการดังกล่าวของคณะกรรมการกิจการไม่สมเหตุสมผล

“รูปแบบของสถาบันตั้งขึ้นสำหรับจอมเวทผู้มีผลงานโดดเด่นในศาสตร์นี้เท่านั้น และความสามารถในการวิจัยจะต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน แต่ที่สำคัญก็คือจอมเวทต้องได้รับการรับรองจากจอมเวทผู้มีอำนาจตัดสินใจในศาสตร์นี้” ลูเซียนตอบด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง ขณะตอบออกไป เขาไม่ได้รู้สึกเขินหรืออายใจแต่อย่างใด “ถ้าโครงการนี้ล้มเหลว ต้นทุนเสียไปก็ถือเป็นค่าเล่าเรียนที่เราจ่ายให้กับการสำรวจศาสตร์ใหม่ เรากำลังเสี่ยงลองผิดลองถูกเพื่อหาวิถีที่ถูกต้อง”

เมื่อคิดได้ว่าลูเซียนมีใครหนุนหลัง ทั้งอิซาเบลลาและราเชลต่างก็คิดว่าลูเซียนไม่เพียงเชี่ยวชาญการศึกษาอาร์คานาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการหาทุนจากสภาเวทมนตร์ด้วยอีกต่างหาก

เมื่อเปรียบเทียบโครงการวิจัยของลูเซียนกับโครงการวิจัยของตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของอิซาเบลลาก็คงอยู่เพียงเพื่อรักษาความสุภาพเท่านั้น นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างนุ่มนวล “เป็นความพยายามที่น่าชื่นชมนะเจ้าค่ะ พูดถึงความพยายาม ข้าได้อ่านบทความของท่านที่สำนักงานของดรัมมอนด์ เกี่ยวกับวิธีตีโจทย์ที่รบกวนมหาจอมเวทหลายๆ คน พูดตรงๆ แล้วข้าคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคณิตศาสตร์บริสุทธิ์จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรวมสูตรทั้งสองเข้าด้วยกัน ขอแสดงความยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณขอรับ ท่านหญิงอิซาเบลลา แต่ว่าข้ายังปวดหัวกับความหมายของสูตรนี้” ลูเซียนตอบ นั่นเป็นการโกหกเพื่อรักษาบรรยากาศของลูเซียน

การสนทนาไม่ได้กินเวลานานนัก ไม่นาน ลูเซียนและอิซาเบลลาก็ร่ำลากัน และมุ่งหน้าไปกันคนละทาง

“นั่นท่านหญิงอิซาเบลลาใช่ไหมเจ้าค่ะ? หวังว่าสักวันข้าจะเก่งได้เหมือนนาง…” แคทรีนาพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนที่นางยังทำงานอยู่ที่ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท ชื่อ อิซาเบลลา มักถูกนักเวทอ้างถึงเสมอและชื่อนั้นยังคงก้องอยู่ในหูของนาง อิซาเบลลาเป็นเหมือนบุคคลต้นแบบของนางในฐานะนักเวทหญิง

“ถ้าอย่างนั้น ก็ทำงานให้หนัก” ลูเซียนยิ้ม “ไม่เคยเจ็บ ก็ไม่มีวันเข้าใจ”

เช้าตรู่ วันที่ 30 กรกฎาคม

“…สุขสันต์วันเกิด นาตาชา”

ลูเซียนวางปากกาขนนกลงแล้วปิดผนึกจดหมายถึงนาตาชา ตามปกติแล้ว จดหมายเป็นงานที่ลูเซียนต้องเจออยู่ในชีวิตประจำวัน แต่ที่พิเศษก็เพราะครั้งนี้เป็นบทเพลงเปียโนที่ลูเซียนเรียบเรียงขึ้นมาใหม่จากเพลงอวยพรวันเกิด

ลูเซียนใส่จดหมายลงในกระเป๋าแล้วตรงไปยังห้องอาหารเพื่ออิ่มเอมกับอาหารมื้อเช้า

สปรินต์ แคทรีนา แอนนิค เชลีย์ และไฮดี้ รวมถึงลาซาร์ต่างกำลังรอลูเซียนอยู่ในห้องอาหาร ยกเว้นเชลีย์ที่กำลังศึกษาอยู่ในสำนึกเวทมนตร์ คนอื่นที่เหลือต่างออกจากงานเก่าของตนเพื่อเข้าร่วมกับโครงการวิจัยนี้

“ลูเซียน! อาร์คานาฉบับล่าสุดออกก่อนกำหนดอีกแล้ว!”

ขณะที่ลูเซียนกำลังจะนั่งลง ชายหนุ่มหัวยุ่งรีบวิ่งเข้ามา ในมือของเขาถือวารสารอาร์คานาปกสีดำ

“ลูเซียน! มหาจอมเวททั้งห้าเขียนบทความวิจัยตามสูตรที่เจ้านำเสนอ! บทความของเจ้าเป็นเรื่องนำในวารสารฉบับเดือนนี้ เหลือเชื่อเลย!”

ชายหนุ่มหัวยุ่งคนนั้นก็คือร็อค อาจารย์อีกคนในสำนักเวทมนตร์ดักลาส และเป็นสหายของทั้งลูเซียนและลาซาร์

หลังจากการสมัครก่อตั้งสถาบันอะตอมได้รับการอนุมัติ ลูเซียนเขียนจดหมายถึงสหายของเขาทีละคนๆ โดยหวังว่าพวกเขาจะมาเป็นผู้ช่วยให้กับเขา เนื่องจากลูเซียนไม่ต้องการว่าจ้างคนมากเกินไป เขาจะส่งจดหมายเชิญไปยังแต่ละคน หลังจากถูกอีกคนปฏิเสธ ในบรรดาสหายของเขา ร็อคและเจอโรมตอบรับข้อเสนอในทันที เนื่องจากระยะเวลาสามปีต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะตัดสินว่าพวกเขาจะได้เลื่อนระดับเป็นนักเวทชั้นกลางหรือไม่

ลาซาร์ดีใจไม่เบาที่จะได้ทำงานร่วมกับสหาย อย่างไรก็ตาม เขายังบอกลูเซียนว่าเขาอยากทำงานร่วมกับสาวงาม

สำหรับนักเวทระดับห้าโดยประมาณ ลูเซียนยังคงตามคนที่เหมาะสม ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากจอมเวทส่วนใหญ่ในระดับนี้จากสำนักเวทธาตุต่างก็กำลังทำงานให้กับอาจารย์ วิจัยโครงการของตน หรือผจญภัยอยู่นอกเมืองอัลลิน ทั้ง เค แลร์รี่ ทิโมธี และยูลิสิส ต่างปฏิเสธข้อเสนอของลูเซียนอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตาม ลูเซียนก็ไม่ได้รีบร้อน และโชคดี สภาจะยังไม่มอบหมายภารกิจภาคบังคับให้กับลูเซียนจนกว่าจะถึงปีหน้า ดังนั้น เขาอาจดูแลโครงการวิจัยด้วยตัวเองไปก่อนได้

อากัปกิริยาการพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเกินเหตุของร็อคทำให้ลาซาร์และนักเวทฝึกหัดเกิดความสงสัยขึ้นมา ทั้งหมดรีบถาม “บทความเรื่องอะไร?”

ทำไมบทความจากมหาจอมเวททุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับบทความของลูเซียน?!

“เกี่ยวกับการแผ่รังสีของวัตถุดำ! ลูเซียนแก้โจทย์สูตรที่มหาจอมเวทสองคนแก้ไม่ตก!” ร็อคตอบด้วยความตื่นเต้นมาก สองปีก่อนเขาคาดคิดว่าลูเซียนจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ตอนที่เขาพบกับลูเซียนครั้งแรก

“จริงหรือ?!” นักเวทฝึกหัดรุมเข้ามารอบตัวร็อคเหมือนฝูงนกตัวเล็กๆ กำลังส่งเสียงร้อง พยายามมองหาชื่อที่คุ้นเคยบนวารสาร

ลาซาร์เดินเข้าไปใกล้ตัวร็อคไม่ได้ เพราะพวกนักเวทฝึกหัดที่กำลังตื่นเต้น เขาหันกลับมาแล้วพูดกับลูเซียน “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าเองล่ะว่านี่เป็นบทความเรื่องอะไร?”

ท่ามกลางสายตาชื่นชมของนักเวทฝึกหัด ลูเซียนอธิบายกับร็อคและลาซาร์สั้นๆ เกี่ยวกับสูตร

เมื่อกำลังฟังลูเซียนอธิบาย ร็อคและลาซาร์ต่างขมวดคิ้ว “ทำไมอธิบายสูตรนี้ไม่ได้? สูตรของเจ้าซ่อนอะไรไว้?”

ทั้งคู่มองไปยังบทความจากมหาจอมเวททั้งห้าคน แม้ทั้งคู่จะรู้ตัวว่าคงไม่มีปัญญาแก้โจทย์ได้ แต่ก็ยังหวังว่าจะได้แรงบันดาลใจจากบทความบ้าง

อย่างไรก็ตาม ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้น บางทีอาจเหมือนกับที่มหาจอมเวทหลายคนระบุไว้ พวกเขาต้องล้มล้างรากฐานของระบบอาร์คานาปัจจุบัน เพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริง

“ถ้าข้ารู้ ข้าคงใส่ลงไปในบทความแล้ว” ลูเซียนเจตนาโกหกอีกครั้ง

เมื่อลูเซียนจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อยและกำลังจะออกจากคฤหาสน์ ลาซาร์ก็ถามด้วยความสงสัย “เจ้าทำงานกับท่านเฟอร์นันโดมานาน เจ้ามีหัวข้อวิจัยใหม่ๆ บ้างไหม? ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ขโมยความคิดเจ้าหรอก ข้าสงสัยเฉยๆ”

“ข้ามีมุมมองใหม่…” ลูเซียนตอบสบายๆ แต่ก็แอบคิดหนักอยู่ในใจ “ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของโมเลกุลที่ระบบอุณหพลศาสตร์…”

ณ สำนักงานใหญ่ของวารสารอาร์คานา หลังจากฟังรายงานเกี่ยวกับการตีพิมพ์วารสารอาร์คานาฉบับเดือนนี้ ดรัมมอนด์ก็หลุดเข้าไปในห้วงความคิด เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่มหาจอมเวททั้งห้าคนสนใจหัวข้อเดียวกัน

เขารู้สึกกังวลขึ้นมา เขาก็สงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังสูตรนี้