ตอนที่ 396: ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ
ดูกระบี่ข้า ! ชายชราตะโกนขณะที่เขาฟันกระบี่ยักษ์ไปที่เจี้ยนเฉินโดยใช้พลังไฟแทนใบมีด
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยแสงสีม่วง-ฟ้า ด้านหน้าของเขาเป็นกระบี่ยักษ์ที่ทำจากก้อนหินที่เริ่มเปล่งแสงรุนแรงขึ้นก่อนที่จะพุ่งเข้าหาชายชรา
“ปัง ! “
อาจได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่กระบี่ยักษ์ของชายชราและกระบี่ที่ทำจากก้อนหินปะทะกัน ธาตุไฟของชายชราก็เริ่มปลิวไสวเป็นจำนวนมาก แต่ละส่วนก็กลายเป็นพลุไฟยิงกระจายออกไปทุกทิศทุกทางราวกับดอกไม้ไฟ
การโจมตีของชายชราทำให้ก้อนหินถูกบดเป็นผง แต่ส่วนที่เหลือของกระบี่ยังคงมุ่งเข้าหาชายชรา
เพราะว่าต้องป้องกันสิ่งของที่พุ่งเข้ามา ชายชราจึงหยุดลงทันทีขณะที่เขาได้ยินเสียงเสียดหูของกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหา เขาจ้องเขม็งอย่างจริงจังก่อนที่จะใช้กระบี่เพลิงฟันออกไป 3 ครั้งและทิ้งร่อยรอยสีแดงของเพลิงหลังจากที่มันปะทะเข้ากับกระบี่หิน
ปกติแล้วก้อนหินที่พุ่งเข้าหาชายชรานั้นก็อ่อนแอมาอยู่แล้วและพวกมันก็อ่อนแอมากจนแทบจะแตกเป็นฝุ่น แต่เพราะมีปราณกระบี่ม่วง-ฟ้าจึงทำให้ก้อนหินเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อมันชนกับกระบี่ของชายชราจึงสามารถได้ยินเสียงปะทะกันหลายครั้งจากการโจมตีที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ร่างของชายชราก็แทบจะเป็นเปลวเพลิงและก้อนหินก็สลายไป ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉินก้อนหินได้ปะทะเข้ากับชายชราทุกทิศทางที่สามารถเป็นไปได้
พลังที่เหมือนกับปีศาจนี่คืออะไร ? ชายชราคิดกับตัวเอง ร่างทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ขณะที่เขายังคงจัดการก้อนหินที่พยายามเข้ามาโจมตีเขา มันไม่ใช้ว่าเขาไม่ต้องการโจมตีเจี้ยนเฉิน แต่ปราณกระบี่ม่วง-ฟ้าที่ห่อหุ้มก้อนหินอยู่นั้นได้เสริมความสามารถเกินกว่าที่เขาจะจัดการได้ ถึงแม้ว่าพลังเซียนที่ปกคลุมร่างกายของเขาจะยากที่จะหมดไป มันก็เหมือนกับเขื่อนที่เอาไว้กั้นน้ำ มันยากพอ ๆ ที่จะย้ายมันออกไปโดยที่น้ำในเขื่อนไม่ไหลออกมา
กำมือทั้งสองไว้กลางอากาศ ธาตุไฟที่อยู่ใกล้เคียงในโลกนี้ก็มารวมตัวกันที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน พริบตาเขาได้เปลี่ยนสร้างกระบี่เล่มที่สองขึ้นมาจากไฟ ทันทีที่พวกมันได้ก่อตัวจากไฟสำเร็จมันก็กลายเป็นเส้นแสงพุ่งเข้าหาชายชราด้วยความเร็วที่ท่วมท้นและร้อนแรงอย่างมาก ความร้อนมันร้อนจนอากาศรอบ ๆ กลายเป็นสีชมพูที่เกิดจากการบิดเบี้ยว
เมื่อเห็นกระบี่เล่มที่สองพุ่งเข้ามาหาเขา ชายชราก็ใช้กระบี่ของเขาฟันเข้าใส่พวกมัน
อีกครั้งที่เกิดการระเบิดของเปลวเพลิงและเผาไหม้อากาศรอบ ๆ คล้ายกับดอกไม้ไฟ ท้องฟ้าทั้งหมดกลายเป็นทะเลเพลิงในขณะที่พวกมันกระจายออกมาโดยมีชายชราเป็นจุดศูนย์กลาง ในตอนนี้อุณหภูมิรอบ ๆ ได้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่แม้กระทั่งตัวราชาและเหล่าผู้ชมก็รู้สึกว่าเขาอยู่ในลังถึงและถูกนึ่งทั้งเป็น
ตาของเจี้ยนเฉินยังคงส่องแสงระยิบระยับอย่างต่อเนื่องพร้อมกับแสงของสวรรค์ ขณะที่ลมเริ่มพัดผ่านเข้ามาในบริเวณเหล่านั้นมันก็ราวกับมีพายุลูกใหญ่ที่มาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของภูติผีและพัดพาเปลวเพลิงจากเจี้ยนเฉินไปยังชายชรา ไม่นานชายชราก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิง
เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าเปลวเพลิงขนาดนี้ไม่อาจทำอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ อย่างมากชายชราก็แค่เสียเสื้อผ้าไป แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เอง กำหมัดอีกครั้งขณะที่กระบี่เพลิงเริ่มก่อตัวอีกรอบและพุ่งเข้าหาชายชรา
ไม่นานกระบี่นั้นก็หายเข้าในทะเลเพลิงอย่างไร้ร่องรอย เป็นอีกครั้งที่เกิดระเบิดเพลิงพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชน
สามารมองเห็นร่างสีขาวที่บินออกจากไฟได้ มันคือชายชราคนนั้น ไม่มีความเสียหายร้ายแรงใด ๆ ที่สามารถมองเห็นได้บนร่างกายของเขา แต่เสื้อผ้าของเขาดูไม่เรียบร้อยและหายใจได้เพียงเบา ๆ ขณะที่เสื้อผ้าของเขาดูราวกับว่าจะฉีกออกจากตะเข็บ โดยรวมแล้วชายชราไม่ได้ดูเรียบร้อยและสงบนิ่งอีกต่อไปเหมือนกับก่อนการต่อสู้
ลอยอยู่กลางอากาศ ชายชราไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อโจมตีและสังเกตเจี้ยนเฉินแทน เจี้ยนเฉินไม่ได้ขยับไปไหน เขารู้ว่าชายชราเพียงแค่ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาและไม่ได้มาต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง
เปลวเพลิงที่อยู่บนท้องฟ้ากระจายออกมาอย่างรวดเร็วทำให้อุณภูมิลดลงเช่นกัน ในขณะที่เดียวกันชายชราก็ดูแปลก ๆ มีความลังเลอยู่บนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะถอนหายใจในที่สุด ตาเฒ่าผู้นี้ยอมรับความพ่ายแพ้ !
เจี้ยนเฉินยิ้มและป้องหมัดเข้าด้วยกัน ผู้อาวุโสล้อผู้เยาว์เล่นแล้ว นี่เป็นแค่การทดสอบความแข็งแกร่งของข้า ท่านยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งของท่านออกมาอย่างเต็มที่เลย ถ้าท่านทำ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันออกไป
ชายชราโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แพ้ก็คือแพ้ ตาเฒ่าผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะยอมรับความแพ้ไม่ได้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไป แต่ความแข็งแกร่งของเจ้าก็เกินกว่าที่ข้าจะรั้งเอาไว้ได้
เจี้ยนเฉินยังคงยิ้มอยู่และไม่แย้งคำพูดของชายชราอีกต่อไปและค่อย ๆ ร่อนลงมาบนพื้นอย่างช้า ๆ
ทั้งสองลงบนพื้นพร้อมกันต่อหน้าฝูงชน แต่ไม่มีเสียงใด ๆ เลย แม้แต่ราชาหรือเครือญาติของราชาก็ไม่กล้าส่งเสียงและเลือกที่จะมองหน้าหนุ่มรูปงามที่อยู่เบื้องหน้าของเขาแทน
เจี้ยนเฉินไม่เพียงแต่เป็นเซียนสวรรค์ที่อายุน้อยที่สุดที่พวกเขารู้จัก แต่ความแข็งแกร่งของเขาเกินกว่าจินตนาการของใครก็ตาม แม้แต่หนึ่งในที่ปรึกษาขององค์จักพรรดิก็ยังยอมรับความพ่ายแพ้
ในขณะนี้ทุกคนได้รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินด้วยตนเอง เพียงอายุ 24 ปี เขาก็ได้กลายเป็นเซียนสวรรค์ เมื่อเขาอายุ 50 หรือ 100 ปี เขาจะก้าวไปถึงขอบเขตไหน ?
ว้าว เจี้ยนเฉิน เจ้ายอดเยี่ยมมากที่จะไปถึงเซียนสวรรค์ ทันใดนั้นท่ามกลางฝูงชน องค์หญิงแห่งฟูนานก็เริ่มปรบมือและพูดชื่นชมเจี้ยนเฉิน
องค์หญิงฉินซวงและฉินหยู่ปิงทั้งคู่มองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางแปลก ๆ นอกจากทั้ง 3 คนแล้ว บุตรสาวบรรดาขุนนางหรือผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ก็เริ่มจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเทิดทูนบูชา บุตรสาวบางคนถึงกับส่งสายตามาให้เขา
แม้ว่าผมของเจี้ยนเฉินจะถูกไฟไหม้ไปหมด แต่เขาก็ยังคงหล่อเหลา เมื่อรวมกับอายุที่น้อย ในฐานะที่เป็นเซียนสวรรค์และได้รับเกียรติจากราชา เขาเป็นชายที่มีเสน่ห์ต่อบุตรสาวที่ร่ำรวยที่นี่
ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดี ดี ! ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินทำให้ทุกคนที่นี่ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เจี้ยนเฉินเนื่องจากเจ้าเป็นเพือนของฉินจี๋ก็เท่ากับว่าเจ้าไม่ใช่คนนอก ถ้าราชาองค์นี้ต้องการจะเรียกเจ้าว่าหลานล่ะ ? ราชาทรงพระสรวลอย่างเบิกบาน
ฉินจี๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขายืนอยู่ข้างหลังราชา ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ ของความสุขและความตกใจ เจี้ยนเฉินเป็นเซียนสวรรค์และนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องตกใจหลังจากรู้เช่นกัน นั่นก็เพราะหากอายุของเจี้ยนเฉินถูกเปิดเผยออกมา มันอาจจะสั่นสะเทือนไปทั้งโลกเลยก็ได้
เจี้ยนเฉินยอมรับความหวังดีขององค์ราชาโดยไม่ลังเล นี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่าอันตราย ดังนั้นเขาจึงป้องมือ มันเป็นเกียรติสำหรับข้าผู้นี้
องค์ราชาก็มองมาอย่างยินดี ตอนนี้การต่อสู้จบลงแล้ว พวกเราทุกคนกลับได้ หลานเจี้ยนเฉิน ไป เรากลับวังกัน ด้วยเหตุราชาจึงพาเจี้ยนเฉินกลับไปที่วังด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ระหว่างทางเขาถามถึงความเป็นอยู่ของเจี้ยนเฉินและปฏิบัติต่อเขาอย่างดี
เซียวฮานซ่อนอยู่ในฝูงชนขณะมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็หดหู่
มะ…ไม่มีทาง ! มันไม่มีทาง ! เขาเป็น…เป็นเซียนสวรรค์ได้อย่างไร? นี่มันเป็นแค่ภาพลวงตา เซียวฮานได้แต่พึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
ในขณะนั้นใบหน้าของมูซีเย่ก็ซีดอยู่ข้าง ๆ เซียวฮาน เมื่อเห็นใบหน้าที่แตกตื่น มูซีเย่ถอนหายใจออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดปกติ เจ้าต้องการยั่วยุคนนั้น เขาเป็นคนที่เจ้าไม่อาจยั่วยุได้ แม้แต่ที่ปรึกษาจักรพรรดิก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดูเหมือนว่าแม้แต่ปู่ของเจ้าก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ สิ่งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น ข้าจะไปรายงานปู่ของเจ้า
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของเซียวฮานก็เหยเกขณะที่รั้งแขนของมูซีเย่ ท่านลุงมู ท่านคิดว่าปู่ของข้าจะให้ความเป็นธรรมกับข้าหรือไม่ ?
เมื่อได้ยินอย่างนี้ มูซีเย่ก็จ้องมองเซียวฮานอย่างกราดเกรี้ยว เจ้ายังทำให้เขาปวดหัวไม่พอ ? อย่ายกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกและระวังสิ่งที่เจ้าพูด เจี้ยนเฉินเป็นเซียนสวรรค์ที่มีทักษะที่เหนือชั้น เขาได้รับความนับถือจากฝ่าบาทและปู่ของเจ้าก็ไม่อาจคุกคามเขาได้ หากเจ้าไม่รู้จักคำว่ากลับตัวกลับใจ นั่นหมายความว่าปู่ของเจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้
เซียวฮานใบหน้าซีดขาวและพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ท่านลุงมู ท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี ?
มูซีเย่ถอนหายใจและพูด เจ้าควรไปขอโทษเจี้ยนเฉิน ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้กับปู่ของเจ้า สุดท้ายข้าก็หวังว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไม่มีปัญหา”
….
ทุกคนรีบกลับไปยังท้องพระโรงก่อนหน้านี้ องค์ราชาได้พาเจี้ยนเฉินเข้ามานั่งอยู่หน้าบัลลังก์จักรพรรดิ สั่งให้นางกำนัลนำเก้าอี้ที่หรูหรามาให้เจี้ยนเฉินนั่งและปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นคนโปรด
การกระทำเหล่านี้ต่อเจี้ยนเฉินไม่ได้เป็นที่สังเกตขององค์ชายคนอื่น ๆ แต่ละคนเริ่มยิ้มและแสดงความปรารถนาดีต่อเขาราวกับว่าเจี้ยนเฉินสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่ต้น
องค์ราชาไม่อาจปกปิดความยินดี เขามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะกระแอมคอ ตอนนี้ทุกคนได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าราชาผู้นี้หมายว่าจะแต่งตั้งให้เจี้ยนเฉินเป็นผู้พิทักษ์จักรวรรดิดีหรือไม่ ?