บทที่ 230 ปะทะหมาป่าโลภ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ความจริงที่หลิวชิงและเชิ่งหู่มาไวขนาดนี้ก็เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา

ทันทีที่ได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจากหลงเจี้ยนหัว หมาป่าโลภก็รับอำนาจบงการมา และสั่งให้ลูกน้องที่ประจำการตามอาณัติต่างๆรุดหน้าไปช่วยเหลือ

แต่ตอนนี้คนใต้บัญชาส่งข่าวมาว่ามีตำรวจจราจรตั้งด่าน หมาป่าโลภก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

มีด่านตำรวจแค่สายเดียวไม่เท่าไหร่ สองสายก็ยังพอถูไถ แต่สามสายสี่สายมีด่านตำรวจหมดออกจะน่าคิดอยู่

และเพราะเหตุนี้ หมาป่าโลภปล่อยหลงเจี้ยนหัวทิ้งอย่างสิ้นเชิง และเรียกลูกน้องที่ส่งออกไปกลับมาให้หมด

ยังไงซะหลงเจี้ยนหัวก็เป็นเพียงหมาตัวหนึ่งที่ช่วยดูแลแก๊งมังกร ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งแก๊งมังกร แค่เปลี่ยนหมาไปหนึ่งตัวจะเป็นอะไรไป?

ต้องยอมรับว่าหมาป่าโลภสมกับเป็นคนที่ผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มีความรู้สึกที่ฉับไวต่ออันตราย

น่าเสียดาย ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของหมาป่าโลภคือเขายโสในความสามารถและความกล้าบ้าบิ่นของตัวเอง สั่งให้ลูกน้องซุ่มดักบนถนนที่นำไปสู่ฐานทัพใหญ่

และดันเป็นถนนที่อยู่ไม่ไกลจากจวี่เค่อโหลว ทำให้เชิ่งหู่และหลิวชิงมาได้ทันเวลาพอดี!

หลิวชิงเพิ่งรวมพลกับหน่วยใหญ่ก็ได้รับโทรศัพท์จากหยางซิง ตอนที่บอกเชิ่งหู่รู้ว่าเขาอยู่ห่างจากตัวเองไม่ไกล จึงรีบเดินทางมาด้วยกัน

คนจากทั้งสองฝ่ายรวมๆกันแล้วเกือบสองร้อยกว่าคน ล้อมสมาชิกแก๊งมังกรเจ็ดสิบแปดคนที่หมาป่าโลภพามาไว้มิด

ข่งเทียนเฉิงเห็นท่าก็มีสีหน้าซีดเผือดลงในบัดดล

แต่พอนึกถึงจุดจบหากต้องตกอยู่ในมือของเชิ่งหู่และหลิวชิง จะให้เขายอมแพ้ได้ยังไง!

หลิวชิงและเชิ่งหู่กระโจนเข้าไปอยู่ตรงหน้าเย่เทียน มองหมาป่าโลภด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “คุณชายเย่ครับ จะให้เราลงมือตอนนี้เลยมั้ยครับ?”

“หมาป่าโลภไม่ใช่คนที่พวกนายสามารถจัดการได้ รอให้ฉันจัดการกับเขาก่อนพวกนายค่อยลงมือยังไม่สาย”

“แน่นอน ถ้าลูกน้องของแก๊งมังกรบังอาจเล่นตุกติก พวกนายก็อย่ามัวแต่ยืนเฉย จัดการพวกเขาได้เลย!”

เย่เทียนส่ายหัว มองหมาป่าโลภที่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆด้วยรอยยิ้มบางๆ

ที่ในตอนแรกเขาจะไปฐานทัพใหญ่ของแก๊งมังกรเพียงคนเดียวก็เพราะคำนึงถึงหมาป่าโลภ

ถึงยังไงหมาป่าโลภก็เป็นยอดฝีมือระดับดำชั้นต่ำ เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาก็จริง แต่พวกเชิ่งหู่ต่อกรด้วยไม่ได้เลย

การไม่ให้พวกเชิ่งหู่เข้าร่วมก็เพราะกลัวว่าจะเพิ่มคนล้มเจ็บ

น่าเสียดายที่แผนมักจะตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน เย่เทียนคิดไม่ถึงว่าหมาป่าโลภจะพาคนมาซุ่มดักตัวเอง

“ได้ครับ”

กับคำสั่งของเย่เที่ยน เชิ่งหู่และหลิวชิงสองคนไม่มีความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว

พวกเขาสั่งให้ลูกน้องยืนรักษาตำแหน่งเดิม อย่าผลีผลามทำอะไร ส่วนเขาทั้งสองจ้องข่งเทียนเฉิงเขม็ง หากข่งเทียนเฉิงทำท่าจะทำอะไร พวกเขาจะตอบโต้ได้ในนาทีแรก

“พวกนายอย่าเพิ่งขยับ ฉันขอไปทดสอบพลังที่แท้จริงของเย่เทียนก่อน!”

หมาป่าโลภตะโกนใส่ข่งเทียนเฉิงผ่านชุดหูฟัง และก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว

ข่งเทียนเฉิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เขาเบิกตากว้างเพื่อดูสงครามยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉาก

“นายมีพลังขนาดนี้ด้วยอายุเท่านี้ เรียกได้ว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ น่าเสียดายที่นายไม่ควรขวางทางฉัน”

หมาป่าโลภเพ่งมองเย่เทียนและส่ายหัวเบาๆ

เย่เทียนเบ้ปาก พูดอย่างรำคาญใจ “แกเลิกพูดมากสักทีได้มั้ย ถ้าจะตีกันก็รีบๆ อีกสักพักฉันมีเรื่องต้องทำต่อ”

กับท่าทีของเย่เทียนที่ดูแคลนตัวเองเช่นนี้ หมาป่าโลภอดแสยะยิ้มมุมปากไม่ได้ เขาอุทานในใจ: ยังหนุ่มเกินไปจริงๆ มีแค่พลังอันแข็งแกร่งแล้วยังไง จะเป็นคู่มือของคนที่ผ่านศึกมานับไม่ถ้วนอย่างตัวเองรึ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หมาป่าโลภก็ไม่ลังเลอีก เขาขยับปลายเท้า โค้งตัวและพุ่งไปหาเย่เทียน

หมัดเท่ากระทะที่ประหนึ่งทลายมิติได้นั้นส่งเสียงระเบิดดัง “เปรี๊ยะๆ” อันน่าหวาดหวั่น เสยเข้าที่หน้าของเย่เทียน

เย่เทียนเหมือนตกใจจนเอ๋อไป เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง ไม่มีทีท่าว่าจะป้องกันเลยสักนิด

“คุณชายเย่ทำอะไรน่ะ”

ภาพนี้ทำให้เชิ่งหู่ขมวดคิ้วเป็นปม ไม่เข้าใจในการกระทำของเย่เทียนเลยจริงๆ

“นายตื่นเต้นอะไรของนาย? คุณชายเย่เคยทำให้เราผิดหวังซะที่ไหน”

หลิวชิงที่เคยเห็นความแข็งแกร่งของเย่เทียนกับตาเชื่อมั่นในตัวเย่เทียนยังไม่ลืมหูลืมตา

ล้อเล่นรึเปล่า เย่เทียนเป็นคนโหดที่เคยต่อยยอดฝีมือระดับดำซะร่วงในสามหมัดเชียวนะ จะไม่ให้เขาเชื่อได้ยังไง

จนกระทั่งหมัดของหมาป่าโลภห่างแค่ครึ่งเมตร เย่เทียนถึงเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า มือขวาของเขายกขึ้นด้วยความเร็วที่ดูเหมือนช้าแต่แท้จริงแล้วฉับไว

ตู้ม!

เสียงดังลั่นประนึ่งมีระเบิดดังขึ้น อากาศยังเกิดเป็นกระแสคลื่น

ถือเย่เทียนและหมาป่าโลภเป็นศูนย์กลาง รอบๆมีคลื่นอากาศที่มองไม่เห็นแตะต้องไม่ได้ปะทุออกมาจริงๆ และแผ่ซ่านออกไปทั่วสารทิศ

คนที่ยืนเฉยเมยอยู่ด้านข้างโดนคลื่นอากาศอันน่าสยองขวัญนี้ซัดจนล้มจ้ำอ้าวลงไปที่พื้น ก้นเกือบแหลกเป็นเสี่ยงๆ

“ตายจริง นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่มั้ยวะ ทำไมพวกเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”

“โห นี่คงจะเทียบเท่ากับแรงสะเทือนหลังระเบิดลงเลยมั้ง น่ากลัวชิบ”

“ฉันฝันไป ฉันต้องฝันไปแน่ๆ ลองตีฉันซิ”

เมื่อเห็นทั้งสองที่สู้กันอย่างดุเดือด ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างทำหน้าเหมือนเห็นผี ตั้งสติไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง

ส่วนหมาป่าโลภที่อยู่จุดกึ่งกลางของสนามรบรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่ส่งมาจากเย่เทียน

ภายใต้แรงกดดันอันทรงพลังก่อนหน้านี้ เขาก็รู้แล้วว่าเย่เทียนไม่ธรรมดา แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดนี้

เขามาแบบตั้งใจเกินร้อย แสดงพลังอันสยองขวัญของระดับดำชั้นต่ำออกไปให้เห็นจนหมด แต่ไม่เปรียบอะไรเลยสักนิด!

ที่สำคัญที่สุดคือตั้งแต่แรกเย่เทียนทำแค่ป้องกัน ยังไม่ได้รุกโจมตีเลยด้วยซ้ำ!

จากการปะทะกันเมื่อกี้ มีอย่างน้อยสามครั้งที่หมาป่าโลภรู้สึกว่าเย่เทียนจะเริ่มตีโต้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ ยังคงรักษาท่าป้องกันเอาไว้

ทำให้ในขณะที่หมาป่าโลภรู้สึกโกรธเคือง ทว่าก็รู้สึกโชคดีด้วย

โกรธที่เขา หมาป่าโลภเป็นคนที่ชื่อดังก้องไปทั่วโลก แต่เย่เทียนเป็นเพียงคนไม่มีชื่อ

รู้สึกโชคดีที่เย่เทียนเป็นแค่มือใหม่ ไม่รู้จักจับจังหวะในการต่อสู้!

แต่เย่เทียนเป็นเพียงมือใหม่จริงๆเหรอ?

ตู้มๆ!

เกิดการปะทะอย่างหนักหน่วงขึ้นอีกครั้ง หมาป่าโลภฉวยโอกาสจากแรงสะเทือนรีบถอยหลังออกมา ทิ้งระยะห่างจากเย่เทียนหลายเมตร

เย่เทียนไม่เลือกที่จะไล่ประชิดจู่โจม เขายืนอยู่ตรงที่เดิมโดยไม่เป็นอะไร หรี่ตามองหมาป่าโลภ นัยต์ตาเปล่งประกายคมกริมเย็นเยียบประหนึ่งเป็นดาบคมที่ออกจากฝัก ทรงพลังสุดๆ!

สีหน้าหมาป่าโลภเคร่งเครียดถึงขีดสุด เขารู้ว่าตัวเองเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าให้แล้ว

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีทางชนะ!

เขาเพิ่งได้ลองทดสอบเบื้องต้น และพอจะแน่ใจได้แล้วว่าเย่เทียนนั้นแข็งแกร่งพอสมควร ทว่าเป็นเพียงมือใหม่ในการต่อสู้

โอกาสที่เขาจะชนะยังมีอยู่มาก!