บทที่ 231 เริ่มรบกันพัลวัน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ฉันต้องยอมรับว่า แกแกร่งกว่าที่ฉันจินตนาการไว้มาก”

หมาป่าโลภขยับกระดูกข้อต่อทั่วทั้งตัวอยู่ พูดจาเยาะเย้ย “เพียงแต่ การต่อสู้ไม่ใช่แค่มีความสามารถก็พอจะตัดสินแพ้ชนะได้ ถ้าแกอยากเอาชนะฉัน เกรงว่าคงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น!”

“แกคนนี้มันยืดยาดมากซะจริง อยากสู้ก็รีบๆ เข้า พูดไร้สาระมากขนาดนั้นทำไม?”

เย่เทียนเบ้ปาก เดิมทีไม่เห็นหมาป่าโลภอยู่ในสายตาเลย

อย่างไรเสียหมาป่าโลภก็เป็นยอดฝีมือระดับดำชั้นต่ำ เมื่อสักครู่ที่เย่เทียนไม่โจมตีไปก่อน ก็สัมผัสได้ว่าเขาเหมือนระเบิดออกมาสุดกำลัง ในความเป็นจริงยังเหลือพลังอยู่ ขอเพียงสถานการณ์ผิดปกติ เขาจะต้องหนีเป็นแน่

แน่นอนว่า ถึงเขาหนีไปก็ไม่เป็นอะไร แต่เย่เทียนกลับต้องพิจารณาว่าเจ้าหมอนี่จะทำเรื่องต่ำทรามบีบบังคับคนอื่นแบบนี้ออกมาอีกหรือไม่

เพราะพิจารณาถึงเหตุผลเหล่านี้ เย่เทียนถึงจงใจแสร้งทำเป็นมือใหม่ด้านการสู้รบ

“ในเมื่อแกรีบร้อนไปดื่มชากับยมบาลขนาดนี้ งั้นฉันจะทำให้แกสมหวังเอง!”

ตอนนี้หมาป่าโลภไม่พูดเหลวไหลอีกต่อไป แสยะยิ้มแล้วก้าวเท้ามา กระโจนเข้าไปโดยฉับไว

ความเร็วของเขาไวมาก อย่างน้อยในสายตาของลูกน้องที่อยู่โดยรอบ ได้เพียงพอมองเห็นภาพวืดที่กะพริบอยู่ในเหตุการณ์แบบเลือนราง

แต่ว่าชั่วพริบตาเดียว หมาป่าโลภก็แฉลบผ่านตรงหน้าเย่เทียน ภายในหนึ่งวินาทีสั้นๆ ต่อยเข้าไปหลายหมัดติดต่อกันแล้ว

มุมปากเย่เทียนวาดรอยยิ้มปลิ้นปล้อนขึ้นมา ยื่นมือทั้งสองอย่างไม่เกรงกลัวโดยสิ้นเชิง กลายเป็นหมัดทรงพลัง ต้านไปทางหมัดที่หมาป่าโลภต่อยมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ตึงๆ!

ลมแรงอันบ้าคลั่งหมุนพัดทั่วทิศทางจากจุดประสานของหมัดทั้งสองคน คนทำเกิดการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ออกมา

พื้นปูนซีเมนต์ที่แข็งแรงล้วนถูกระเบิดออกเป็นหลุมลึกหลายแห่งภายใต้การปะทะของสองคน ผู้คนที่เห็นต่างตกตะลึงพรึงเพริด และหนังศีรษะชาไป

เพียงแค่การต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็สร้างการเคลื่อนไหวที่เทียบเท่ากับการระเบิดนี้ออกมาได้ นี่ยังถือว่าเป็นคนธรรมดาได้อีกเหรอ?

แม้กระทั่ง คนคนหนึ่งที่บุกตะลุยนำหน้าหยุดไม่ทัน ทำให้ลมแรงไร้รูปร่างนี้พัดจนถอยหลังไปไกล

คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปถึงไหน ไม่ว่าจะเป็นกำลังคนของแก๊งมังกร หรือว่ากำลังคนของแก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำทั้งสองฝ่าย ภายใต้ผลกระทบการต่อสู้ของหมาป่าโลภและเย่เทียน ต่างดูยุ่งเหยิงอุตลุด

หลังจากสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่กำลังคนล้มตายจำนวนมาก เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รีบขยับฝีเท้าทันที ลอยแฉลบออกไป หลีกเลี่ยงจะทำพวกเขาบาดเจ็บ

แม้ไม่พูดถึงว่าพวกเขายืนอยู่ฝั่งนี้หรือไม่ ต่อให้เป็นสมาชิกของแก๊งมังกร ก็เป็นเพียงกำลังคนชั้นล่างสุดเท่านั้น เย่เทียนไม่อยากก่อเรื่องสังหารหมู่ออกมาเพราะเหตุนี้

หมาป่าโลภไม่รู้ว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ ยังคิดว่าเย่เทียนอยากหนี ตอนนี้จึงรีบตามเข้าไปแบบไม่ยอมปล่อยให้รอด

แสงหนาวเหน็บเส้นหนึ่ง จู่โจมทางด้านหลังของเย่เทียนอย่างเงียบเชียบ

ทว่า เย่เทียนกลับเหมือนมีตาด้านหลังศีรษะ ตอนที่แงหนาวเหน็บเส้นนั้นใกล้จะปะทะเข้าร่างกาย ร่างกายที่กำลังพุ่งไปข้างหน้ากลับหยุดลงกะทันหัน จากนั้นหมุนวนครึ่งรอบ ตอนที่หลบการโจมตีของหมาป่าโลภ ก็ถีบเท้าเข้าไปทีหนึ่งอย่างรุนแรง

ตูม!

ระหว่างสถานการณ์อันตรายล่อแหลม หมาป่าโลภฝืนต้านการถีบนี้ของเย่เทียน แต่ทั้งตัวกลับโดนกำลังมหาศาลถีบจนลอยออกไป กระแทกบนกำแพงด้านหลังเข้าอย่างหนัก

โครม!

ทันใดนั้นกำแพงที่ติดด้วยแผ่นกระเบื้องสวยงามเกิดรอยร้าวเป็นเสี่ยงๆ หมาป่าโลภอดส่งเสียงโอดโอยออกมาไม่ได้ พยายามลุกขึ้นยืนนิ่งๆ

แต่ ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถกดเลือดที่เดือดพล่านไม่หยุดภายในร่างกายไว้ได้ มุมปากเผยรอยเลือดออกมานิดๆ

มุมปากเย่เทียนยิ้มเยาะไม่หยุด ถึงอย่างไรหมาป่าโลภก็เป็นแค่ระดับดำชั้นต่ำ ขอเพียงไม่ก้าวเข้าระดับดิน นั่นลิขิตมาให้ไม่อาจเอาชนะเขาได้

ถ้าไม่ใช่คำนึงถึงว่ามีกำลังคนล้มตายในเหตุการณ์จำนวนมาก เย่เทียนคงไปฟันเขาให้ตายตั้งแต่นานแล้ว

ข่งเทียนเฉิงที่อยู่ไม่ไกลนักเห็นสถานการณ์นี้ อดรู้สึกหนักหน่วงไม่ได้

ถึงแม้เขาจะไม่ใช่นักบู๊อะไร แต่อย่างไรเสียก็เป็นรองหัวหน้าแก๊งของแก๊งมังกร รู้จักคุ้นเคยกับหมาป่าโลภมานานแล้ว สำหรับเรื่องนักบู๊นั้นจึงพอเข้าใจมาคร่าวๆ

แต่ทว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเขายังมองหมาป่าโลภตกเป็นเบี้ยล่างต่อไป งั้นหลายปีมานี้เขาคงมีชีวิตเสียเปล่าจริงๆ แล้ว!

“ไม่ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าเกิดแก๊งหมาป่าโลภแพ้แล้วนั่นคงจบเห่กันเลย!”

“ต้องถือโอกาสกำจัดเชิ่งหู่พวกเขาทิ้งก่อนในเวลานี้ ถึงตอนนั้นค่อยสำแดงยุทธวิธีคลื่นมนุษย์ ฉันไม่เชื่อว่าจะฆ่าเจ้าหมอนั่นตายไม่ได้!”

ข่งเทียนเฉิงที่ตัดสินใจเรียบร้อยก้าวเท้าออกมาแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมีดในมือขึ้นสูง ออกคำสั่งว่า “เหล่าพวกพ้อง เข้าไปพร้อมกันเดี๋ยวนี้! จัดการหมารับใช้พวกนี้ให้หมด!”

พูดจบ ข่งเทียนเฉิงก็นำหน้าไปก่อน กระโจนเข้าไปยังสมาชิกแก๊งไผ่เขียวที่อยู่ระยะใกล้สุดแล้ว

ตามองเห็นข่งเทียนเฉิงออกโจมตีก่อน สมาชิกแก๊งมังกรจึงรีบก้าวตามมาทันที ร้องคำรามกระโจนเข้าไปแล้ว

เชิ่งหู่ที่สังเกตข่งเทียนเฉิงไว้ตลอดเห็นแบบนี้ จึงส่งเสียงตะโกนออกมาแบบไม่ยอมรั้งท้าย “เข้าไปให้หมด! คืนนี้กำจัดแก๊งมังกรแล้ว ต่อไปพวกเราจะได้กินดีอยู่ดีกัน!”

เดิมทีทุกคนเห็นว่าเย่เทียนถีบหมาป่าโลภกระเด็นไปได้ ตอนที่กำลังใจฮึกเหิมขึ้น บวกกับภายใต้คำสั่งของเชิ่งหู่ พวกเขาจึงแทบจะไม่ลังเล ดึงอาวุธสารพัดแบบแล้วกระโจนเข้าไปทางสมาชิกของแก๊งมังกร

“ลุยโว้ย! เล่นแม่งเลย!”

“ฆ่า! อัดพวกมันจนแม่มันจำหน้าไม่ได้ไปเลย!”

ฝูงชนไหลทะลักราวกับกระแสน้ำ ต่างฝ่ายต่างพัวพันด้วยกันอย่างรุนแรง เหตุการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนเป็นรบกันอุตลุดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ตีงูต้องตีให้โดนหัวใจ จับขโมยนั้นต้องจับหัวหน้าก่อน(ทำอะไรต้องจับประเด็นสำคัญ)

ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนมากทำอะไรไม่สะดวก ข่งเทียนเฉิงเจ้าเล่ห์มากเล็งเป้าหมายไว้บนตัวหลิวชิงที่อยู่ห่างสองเมตร

ใครให้ความสามารถด้านการสู้รบของหลิวชิงไม่แกร่ง แต่ดันเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งไผ่เขียวกันล่ะ?

“หลิวชิง! วันนี้ในปีหน้าคือวันครบรอบวันตายของแก! ไปตายซะเถอะ!”

ถือโอกาสสถานการณ์ที่วุ่นวาย ข่งเทียนเฉิงขยับมาถึงข้างกายของหลิวชิงอย่างเงียบเชียบ ตอนที่ตะโกนออกจากในปาก ยกมีดในมือขึ้นสูงก่อนจะฟันลงไปทางหลิวชิงอย่างแรง

เวลานี้หลิวชิงกำลังพัวพันกับสมาชิกของแก๊งมังกรคนหนึ่งอยู่ สำหรับการจู่โจมของข่งเทียนเฉิง เขาได้เพียงพยายามหันหน้ากลับมา เดิมทีไม่มีทางต่อต้านเลย ได้เพียงมองดูมีดในลูกตาที่นับวันยิ่งใหญ่ขึ้นอยู่อย่างช่วยไม่ได้

ตึง!

น่าเสียดายแค่ว่า การโจมตีที่ข่งเทียนเฉิงรอคอยโอกาสมาแสนนาน สุดท้ายยังไม่ร่วงโดนบนตัวของหลิวชิง

ระหว่างช่วงอันตรายล่อแหลม ไม่รู้ว่าหยางซิงวิ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร ใช้มีดหัวตัดในมือขวางการโจมตีของข่งเทียนเฉิงเอาไว้

“พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรนะ?”

หยางซิงต้านการโจมตีไว้หันหน้ามองหลิวชิงทีหนึ่ง

หลิวชิงที่เดิมทีหลับตารอตายรีบดึงสติกลับมา มองหยางซิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “ฉันไม่เป็นไร!”

บุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่พูดออกมา แต่หลังจากคืนนี้ ถึงแม้เย่เทียนจะไม่เตือนสติหลิวชิง หยางซิงก็กำหนดให้ถูกดึงขึ้นมาแน่!

“ไอ้ขี้โกง! แกแม่งกล้าเล่นลอบโจมตี ถ้าฉันไม่เอาแกตายฉันก็ไม่ใช่คนแซ่หยาง!”

พอได้รับคำตอบยืนยัน หยางซิงก็ย้ายสายตาไปไว้บนตัวข่งเทียนเฉิงที่ยืนตัวตรงแน่วเรียบร้อย ร้องเสียงประหลาดแล้วกระโจนเข้ามาอย่างห้าวหาญ

เดิมทีเป็นเรื่องที่ใกล้จะสำเร็จด้วยดีอยู่แล้ว ดันมาถูกไอ้หนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้คนหนึ่งทำพังลง ข่งเทียนเฉิงโมโหจนไฟโกรธพลุ่งพล่าน

เห็นว่าหยางซิงยังกล้ากระโจนเข้ามาหาตนเองอีก บนใบหน้าข่งเทียนเฉิงเกิดแววดุเดือด “กล้าทำเสียเรื่องดีของฉัน งั้นแกก็ลงไปหายมบาลให้ฉันเถอะ!”

ระหว่างพูดจา ข่งเทียนเฉิงไม่ถอยแต่กลับเข้าหา สู้กลับไปยังหยางซิงอย่างอุกอาจ

ทันใดนั้น สามแก๊งใหญ่แห่งเจียงหนันรบกันเป็นพัลวันถึงที่สุด สถานการณ์วุ่นวายถึงขีดสุดแล้ว!