บทที่ 152 นี่ถึงจะเป็นความสุขใจของจริง(2)
แต่ไม่คิดว่า ภายนอกเธอนับถือพระ แต่ภายในเป็นพวกโลภโมโทสัน
ในตอนนั้น ถ้ามีใครให้เงินเขาหนึ่งล้าน เขาก็ยอมคุกเข่าให้คนนั้นเพื่อเงิน1ล้าน
คนเรา ตอนที่ไม่มีเงิน ก็จะไม่มีทางหักห้ามแรงดึงดูดของเงินได้
คนที่มองว่าเงินเป็นของนอกกายจริงๆ นั้น ล้วนเป็นคนที่มีเงินที่ใช้ไม่หมดแล้วในชีวิตนี้
ก็เหมือนกับตนเองในตอนนี้ สิบยี่สิบล้านเท่านั้นเอง เงินในบัญชีตนเองตั้งหลายหมื่นล้าน ก็ไม่รู้จะใช้อย่างไรแล้ว ตี้เหากรุ๊ปแต่ละปีมีดอกเบี้ยกว่าร้อยล้าน ตนเองก็ไม่รู้จะใช้อะไรแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ จะเอาเงินสิบยี่สิบล้านไปทำไมกัน? ตนเองยอมไม่เอาเงินก้อนนั้น เพื่อให้พวกเขาเคารพ เรียกปรมาจารย์ๆ ไม่ขาดปาก เรียกว่าผู้มีพระคุณไม่ขาดปาก
นี่ต่างหากที่เป็นความสุขใจของจริง
เพียงแต่ คำพูดพวกนี้ ตนเองหรือจะสามารถพูดกับซ่งหวั่นถิงได้
ตอนนี้เธอคิดว่าตนเองนั้นเป็นคนที่มองเงินเป็นของนอกกาย แล้วยังเป็นเทวดาที่มีความสามารถเหนือใคร
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้เธอคิดเช่นนั้นต่อไปก็แล้วกัน!
ในตอนนั้นเอง ซ่งหวั่นถิงดูเหมือนจะดื่มไปมากแล้ว เริ่มพูดคนเดียวว่า “จริงๆ แล้ว เรื่องอื่นๆ ล้วนอดทนได้หมด แต่เรื่องแต่งงานนี้ ฉันไม่อยากถูกพวกเขาควบคุมจริงๆ ฉันไม่อยากเป็นหมากของพวกเขา ไม่อยากแต่งกับผู้ชายที่ตนเองไม่ได้รัก และไม่อยากเอา
ความสาว ความสุขของตนเองไปสังเวยให้กับตระกูลซ่ง ฉันไม่อยากเดินตามรอยแม่ของฉัน”
เย่เฉินก็ถามอย่างสงสัย “แม่ของคุณ ก็ถูกคลุมถุงชนแต่งงานงั้นหรือ?”
“ใช่ค่ะ” ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า พูดว่า “แม่ฉันแต่งกับพ่อ ไม่มีความสุขเลยตลอดชีวิต เป็นโรคซึมเศร้าหลายปี เสียชีวิตไป ตั้งแต่อายุยังน้อย”
เย่เฉินจำได้ ครั้งก่อนซ่งหวั่นถิงทำของที่แม่ตนเองทิ้งไว้ให้หายไป ตามที่ท่านหงห้าบอก แม่ของเธอเสียไปสิบกว่าปีแล้ว
ซ่งหวั่นถิงก็อายุ25-26แล้ว คาดว่าเธออายุ10ขวบ แม่ของเธอก็จากโลกนี้ไป ถ้าเช่นนั้น ตอนที่แม่เธอเสีย เธอยังเด็กมาก
ซ่งหวั่นถิงดื่มคนเดียว แล้วก็หมุนแก้วไวน์เล่น แล้วพูดด้วยสีหน้าเกรงใจว่า “ต้องขอโทษคุณเย่ด้วยนะคะ ที่ให้คุณมาฟังเรื่องไร้สาระ
พวกนี้มากมาย”
เย่เฉินรีบพูดว่า “คุณซ่งอย่าพูดเช่นนี้ครับ คุณเลือกคุยกับผมเรื่องนี้ได้ ก็แสดงว่าต้องเชื่อใจผมในระดับหนึ่ง”
ซ่งหวั่นถิงหยักหน้าเบาๆ แล้วก็ปาดน้ำตา พูดว่า “จะว่าไป วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริงนะคะ คุณเย่ ไม่เพียงช่วยชีวิตปู่ฉันไว้ ยังมาฟังฉันเล่าเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ!”
เย่เฉินหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจครับ พวกเราก็นับว่าเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ มันจะดูห่างเหิน”
“อืม!” ซ่งหวั่นถิงหยักหน้าแรงๆ พูดว่า “นี่ก็ผ่านไปนานแล้ว คุณเย่คะ ให้ฉันไปส่งคุณไหมคะ?”
เย่เฉินโบกปฏิเสธ “คุณไม่ต้องส่งผมหรอกครับ แต่คุณเองก็ไม่น่าจะขับรถไหว ทางที่ดีหาคนมาขับให้ดีกว่า”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า พูดว่า “คุณวางใจเถอะ ผู้จัดการผู้หญิงที่นี่สามารถขับให้ฉันได้ ฉันจะไปส่งคุณกลับก่อนดีกว่า!”