ตอนที่ 1566 มาเล่นกันหน่อย (6)
เย่ฉาเพิ่งเดินออกไปข้างนอก เฉียวฉู่ก็ออกจากห้องทันทีและไปเคาะประตูห้องของผู้เยาว์คนอื่นๆจากวิหารปีศาจเพลิง เมื่อคนพวกนั้นได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเฉียวฉู่ ทุกคนก็รีบออกมาหาเขาทีละคน
เหล่าศิษย์ใหม่จากวิหารปีศาจเพลิงล้วนยอมรับเฉียวฉู่เป็นหัวหน้าของพวกเขาแล้ว ทุกคนต่างหวังว่าจะสามารถคบหาสมาคมกับเฉียวฉู่ได้มากขึ้น แต่เฉียวฉู่มักจะมีท่าทางเมินเฉยต่อพวกเขาอยู่เสมอ ทำให้พวกเขาค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อย การที่เฉียวฉู่มาหาพวกเขาแบบนี้ นับเป็นโอกาสที่หายาก พวกเขาจะไม่รีบมาได้ยังไง?
“พี่ใหญ่เฉียว มาหาพวกเรามีเรื่องอะไรหรือ?” ผู้เยาว์คนหนึ่งที่อายุมากกว่าเฉียวฉู่ 1-2 ปีเอ่ยปากถามอย่างกระตือรือร้น
เฉียวฉู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูกลุ่มคนที่ถูกเรียกมาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะเป็นแค่คนส่วนหนึ่ง แต่ก็เพียงพอแล้ว!
“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้พวกวิหารมารโลหิตเล่นไม่ซื่อ จริงรึเปล่า?” เฉียวฉู่แกล้งถามนำ
พวกผู้เยาว์ที่มารวมตัวกันหันมองหน้ากันไปมา
ในบรรดาสิบสองวิหาร วิหารปีศาจเพลิงกับวิหารมารโลหิตเป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งสองวิหารแข่งขันอยู่ตลอด กระทั่งในสำนักธาราเมฆก็เกิดความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆอยู่บ่อยๆ ทั้งสองฝ่ายต่างเหม็นขี้หน้ากันมานาน พอเฉียวฉู่ถามเช่นนั้น เด็กหนุ่มพวกนี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ต่างแย่งกันเป็นคนพูดก่อน
“วิหารมารโลหิตไม่เคยซื่อตรงมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้าไม่รู้ว่าพวกมันเอาความมั่นใจมาจากไหน ไอ้จวินอู๋นั่นมันก็จองหองแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ? ไม่รู้ว่าพวกวิหารมารโลหิตไปกินยาอะไรมา ทุกคนถึงได้พากันปกป้องเจ้าหมอนั่น ตอนนี้พวกมันเลยทะเลาะกับคนไปทั่วเลย”
“ใช่ๆ! ข้าล่ะอายที่จะพูดกับพวกมันจริงๆ! คนของวิหารหยกวิญญาณไปเกี่ยวอะไรกับวิหารมารโลหิต? ผู้คนจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับจวินอู๋แล้วมันยังไง พวกมันทุกคนถึงต้องกระโดดออกมาปกป้องหมอนั่นอย่างดุเดือดขนาดนี้!? มันไม่ใช่คนของวิหารมารโลหิตซะหน่อย!”
พอกล่าวถึงวิหารมารโลหิต ผู้เยาว์ทุกคนก็ดูเหมือนจะมีคำพูดดูถูกไม่จบไม่สิ้น เจ้าด่าคำ ข้าด่าอีกคำ พวกผู้เยาว์ของวิหารมารโลหิตโดนด่าตั้งแต่หัวจรดเท้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียวฉู่ก็แอบพอใจเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าของเขายังคงดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่
“ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่รู้ดีว่าวิหารมารโลหิตไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิหารปีศาจเพลิงของเรา พวกเราขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าพวกเราจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับวิหารปีศาจเพลิงอย่างเป็นทางการ แต่พวกเราก็ถูกเลือกโดยวิหารปีศาจเพลิง ตอนแรกที่เข้าสำนักนี้ ข้าก็คิดว่าพวกเรามาเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเองและไม่สามารถยุ่งกับคนจากวิหารมารโลหิตได้ ตอนนี้พวกวิหารมารโลหิตได้ทีเลยเอาใหญ่ เราทุกคนจากวิหารปีศาจเพลิงไม่เคยกลัววิหารมารโลหิตเลย ข้าคิดว่าเราจะยอมให้ชื่อของวิหารปีศาจเพลิงเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาด ถูกไหม?” เฉียวฉู่พูดอย่างเด็ดเดี่ยวองอาจ พวกเด็กหนุ่มพากันพยักหน้ารัวๆ
“ทุกคนก็รู้แก่ใจกันดีอยู่แล้วว่าทั้งสองวิหารอยากจะขึ้นเป็นผู้นำของสิบสองวิหาร ตอนนี้วิหารมารโลหิตทำตัวยโสจองหอง คงคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ แล้วพวกเราจะทนต่อไปงั้นหรือ? ถ้าวันหน้าออกจากสำนักธาราเมฆไป แล้วผู้อาวุโสของวิหารเรารู้ว่าตอนที่อยู่ในสำนัก พวกเราหลบเลี่ยงไม่ยอมสู้พวกวิหารมารโลหิตล่ะก็ มันไม่ดูเหมือนว่าพวกเรากลัวพวกมันหรือ?” เฉียวฉู่กระตุ้นต่อไป
ทุกคนล้วนเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อย อยู่ในวัยที่ฮึกเหิมเลือดร้อน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเฉียวฉู่ พวกเขาก็นึกถึงการกระทำที่หยิ่งผยองของพวกวิหารมารโลหิตในช่วงนี้ แล้วก็พากันขมวดคิ้วทีละคน
“พี่ใหญ่เฉียว พี่บอกมาว่าเราต้องทำยังไง? พวกเราจะฟังคำสั่งพี่!”
“ใช่! พี่ใหญ่เฉียว ชี้แนะพวกเรามาได้เลย พวกเราไม่อยากทนกับพวกวิหารมารโลหิตอีกแล้ว เห็นหน้ากวนประสาทของไอ้พวกนั้นแล้วมันหงุดหงิดทุกที”
กลุ่มผู้เยาว์พากันส่งเสียงระบายความไม่พอใจออกมา