ตอนที่ 459 ไม่เกรงใจแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ในเมื่อมีคนกล้าก่อเรื่องที่หอหมอปีศาจ ก็ไล่ผู้นั้นออกไปสิ”

มู่หรงรุ่ยกล่าว “แต่พวกนางนั้นเป็นบุตรสาวของรองท่านผู้นำหอการค้าอันดับหนึ่ง และยังมีบุตรสาวของเชื้อพระวงศ์ต่างสกุลผู้เดียวแห่งทวีปเซี่ยโจว ท่านหญิงอวี้”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวขึ้น “พวกนางสองคนมาทำอะไรที่นี่ ?”

“คุณหนูใหญ่ตวนมู่นั้นมาหาหมอปีศาจ ส่วนท่านหญิงอวี้ นางมาหาหมอปีศาจมู่ซีเพื่อที่จะสนทนาด้วย พวกนางบอกว่า…” มีคำพูดบางคำที่ฟังแล้วไม่เข้าหูเลย นางจึงไม่กล้าเล่าให้มู่เฉียนซีฟัง มู่หรงรุ่ยกล่าวถามขึ้น “พี่ใหญ่จะไปพบกับพวกนางสักหน่อยหรือไม่ ?”

มู่เฉียนซี “พบ แน่นอนว่าข้าต้องพบ เพื่อที่จะไม่ให้พวกนางมาก่อเรื่องอีก”

“ได้”

เมื่อคุณหนูใหญ่ตวนมู่ได้ขึ้นไปชั้นบน นางก็มองสำรวจไปรอบทิศทางแล้วกล่าวขึ้น “หมอปีศาจล่ะ ?! รีบให้เขาออกมาโดยไว เป็นแค่หมอยากลับกล้าที่จะไม่ออกมาเจอข้าผู้เป็นคุณหนูใหญ่”

มู่เฉียนซี “วันนี้เขาไม่มีเวลามาพบเจ้า หลังจากนี้ก็ไม่อยากพบ คุณหนูใหญ่ตวนมู่มีเรื่องราวอันใดสามารถกล่าวมาให้ชัดเจนได้โดยตรง หอหมอปีศาจของข้านั้นไม่ชอบให้มีคนมาก่อความวุ่นวาย”

คุณหนูใหญ่ตวนมู่ “เจ้าไปบอกหมอปีศาจมู่ซีให้ข้าว่า ห้ามมิให้เขามาล่อลวงท่านพี่อวี้ เจ้าเด็กบ้านั่น ทำให้ท่านพี่อวี้ต้องวิ่งมาที่หอหมอปีศาจทุกวี่วัน เดี๋ยวนี้แม้แต่เงาของเขาข้ายังไม่เห็นเลย ข้าล่ะเกลียดเขาจริง ๆ”

“พี่อวี้นั้นเป็นคู่หมั้นของข้า ต่อจากนี้ไปอย่าให้เขาโผล่หน้ามาทำลายความรู้สึกระหว่างข้าและท่านพี่อวี้ได้อีก”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น “น่าหลานอวี้เป็นคู่หมั้นของเจ้า เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ?”

“อีกไม่นาน เรื่องงานแต่งงานก็จะถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว มันก็แค่เป็นเรื่องของเวลาว่าช้าเร็วก็เท่านั้น”

ที่คุณหนูใหญ่ตวนมู่มาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงวาสนาบารมี ส่วนท่านหญิงอวี้ เวลานี้นางกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “พรสวรรค์ในการปรุงยาของเจ้านั้นเก่งกาจนัก แต่ทว่าเจ้าไม่มีสถานะตัวตนอันใดที่เป็นกิจลักษณะ ถ้าหากว่าเจ้ารู้จักที่ต่ำที่สูงละก็ เมื่อถึงเวลานั้นข้าสามารถให้เจ้าได้เป็นพระสนมเฉ่อเฟย (侧妃 เฉ่อเฟย เป็นตำแหน่งที่ต่ำกว่าขั้นพระชายาหนึ่งขั้น)  เป็นเช่นไร ?”

ท่านหญิงอวี้นั้นใจคอกว้างขวางนัก แต่ทว่าดวงตาของมู่เฉียนซีกลับฉายแววเย็นชาเป็นอย่างมาก  นางไม่ได้มีความสำพันธ์อันใดกับเชียนอ้าวเซี่ยเข้าใจหรือไม่ ? และยังให้ผู้นำตระกูลมู่ผู้เป็นหมอปีศาจไปเป็นภรรยาน้อยของผู้อื่น หญิงผู้นี้ช่างน่ารำคาญ นางคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่เช่นไร ข้าไม่เป็น”

ใบหน้าของท่านหญิงอวี้เหยเกขึ้นมาโดยพลัน “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าได้โลภมาก หรือว่าเจ้านั้นอยากที่จะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทให้ได้ อย่าได้คิดนะว่าเจ้าเพียงสามารถปรุงยาได้ ก็สามารถที่จะแต่งงานกับพี่เซี่ยได้ ทั้งทวีปเซี่ยโจวนั้นมีเพียงแต่ข้าที่คู่ควรกับท่านพี่เซี่ย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ความคิดเองเออเองของเจ้า ช่างดีเยี่ยมเสียเหลือเกิน”

“เชียนอ้าวเซี่ย เหอะ! เจ้านั่นทั้งไร้ค่า ทั้งสวะ ทั้งน่ารำคาญแล้วก็ไม่มีสมอง…”

คุณหนูใหญ่ตวนมู่และท่านหญิงอวี้ล้วนตะลึงตาค้าง หญิงผู้นี้กลับกล่าวเอาเสียองค์รัชทายาทกลายเป็นผู้ที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง

“แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าคิดไปเอง หญิงไร้สมองนั้นคู่ควรกันกับเขา คำชี้ขาดของข้าจบสิ้นแล้ว พวกเจ้าไปได้แล้ว…”

“เจ้า… เจ้า…” เมื่อฟังคำกล่าวของมู่เฉียนซีจบ สีหน้าของท่านหญิงอวี้ก็ดำเสียยิ่งกว่าสีดำที่อยู่ในถาดสีวาดรูปเสียอีก มู่เฉียนซีกล่าว “อย่าสั่นสิ พิษยังไม่ทันออกฤทธิ์เลย เจ้ารออีกสักหน่อยค่อยสั่นก็ไม่สายไป”

“พิษรึ ?” สีหน้าของหญิงสาวทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมาก

มู่เฉียนซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้แล้วกล่าวขึ้น “แม้แต่โดนพิษเข้าไปพวกเจ้าก็จะไม่รู้ พวกเจ้ายังมีความกล้าที่จะมาเจอข้าอีก ช่างไม่รู้จักความเป็นตายเสียจริง จงค่อย ๆ ซึมซับมันอย่างช้า ๆ สักครา!”

จากนั้น หญิงทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าก็พบว่าใบหน้าที่สวยงามเหมืนดั่งบุปผาของพวกนางนั้น กำลังผุดเม็ดสีแดงขึ้นบนหน้า และจู่ ๆ ก็เกิดอาการคันอย่างทรมานไปทั้งเรือนร่าง

“คันนัก!”

“คันเหลือเกิน!”

“โอ๊ยคัน! ช่วยด้วย!”

คุณหนูตวนมู่ตวาดใส่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธ “มู่เฉียนซี ข้านั้นมาสร้างความลำบากใจให้แก่หมอปีศาจ และก็ไม่ได้ล่วงเกินเจ้า เจ้าก็กลับวางยาพิษข้า”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น “หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหมอปีศาจนั้นดีมาก ? เจ้าไปล่วงเกินเขาก็เท่ากับล่วงเกินข้า เช่นนั้นแล้ว…”

ท่านหญิงอวี้กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้ากล้าเล่นงานข้าด้วยพิษ จงรีบถอนพิษให้ข้าประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

“ข้านั้นเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นท่านหญิงหรือองค์หญิง หากว่าเจ้าไม่อยากกุมหัวที่แตกเลือดไหลอยู่ที่นี่ละก็ อย่างไรเสียรีบกลับไปจวนของพวกเจ้าแล้วหานักปรุงยามาทำยาแก้พิษให้พวกเจ้าเสียจะดีกว่า” มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มเยาะ พวกนางทั้งสองที่เผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีอยู่นั้นถูกพิษเข้าแล้ว จะสู้ก็สู้นางไม่ได้ และหากยังมัวเสียเวลาอยู่เช่นนี้ต่อไป ก็รังแต่จะเพิ่มความเจ็บปวดให้แก่ตนเอง

“ฝากไว้ก่อนเถอะ” นางกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างโหดเหี้ยม

“ถ้าหากครั้งหน้าพวกเจ้ายังกล้ามาที่หอหมอปีศาจอีกละก็ ข้าก็จะรอคอย” สายตาของมู่เฉียนซีส่องประกายแห่งความเยือกแย่นออกมา

นางกล้ามั่นใจว่าเมื่อได้รับบทเรียนในวันนี้ไปแล้ว หญิงทั้งสองนั้นคงไม่กล้าเข้ามาใกล้หอปีศาจอีกแม้เพียงครึ่งก้าว

เมื่อคุณหนูใหญ่ตวนมู่และท่านหญิงอวี้ได้กลับไปที่จวนแล้ว ก็เชิญนักปรุงยาที่ดีที่สุดมาทำการรักษา แต่เรื่องที่ไม่อาจจะคาดถึงเลยก็คือนักปรุงยาผู้นั้นกลับคิดไม่ออกว่าจะรักษาด้วยวิธีการใด

นักปรุงยาเหล่านี้สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ พิษของหมอปีศาจช่างน่ากลัวยิ่งนัก นอกจากตัวเจ้าของพิษเองแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถแก้พิษได้

“ข้านั้นเลี้ยงดูพวกเจ้ามา ไม่ใช่เพื่อให้พวกเจ้ามาถอนหายใจเล่นกันอยู่ที่นี่”

“นี่ข้าชุบเลี้ยงพวกเจ้าเอาไว้ทำไมกัน ?”

เมื่อเห็นว่านางนั้นคันและเกาเสียจนมีเลือดไหลซิบ ๆ พวกเขาเองก็ปวดใจจนแทบไม่ไหว

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว คงทำได้เพียงทุบให้ท่านหญิงอวี้สลบ หรือไม่ก็จับนางมัดเสีย แล้วนำไปหาหมอปีศาจเพื่อขอยาถอนพิษ” “เจ้าว่า… เราถึงกับต้องไปหอหมอปีศาจเลยรึ ? อืม…”

ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็อดเห็นบุตรสาวของตนเองเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ได้ หากบุกฆ่าฝ่าไปถึงหอหมอปีศาจ ถึงต่อให้พวกเขามีเงินทองมีอำนาจล้นฟ้า ก็ไม่กล้าที่จะไปก่อเรื่องวุ่นวายที่หอหมอปีศาจ

พิษของหมอปีศาจช่างน่ากลัวเหลือเกิน อีกอย่าง หอหมอปีศาจนั้นยังมีหอการค้าอันดับหนึ่งและองค์รัชทายาทคอยคุ้มครองอยู่

มู่หรงรุ่ยกล่าว “พี่ใหญ่ ท่านอ๋องอวี้กับหัวหน้าตวนมู่มาที่นี่เพื่อขอโทษ และขอยาแก้พิษ”

“บอกพวกเขาไปว่าหอหมอปีศาจปิดแล้ว มิอาจแก้พิษได้ ให้พวกเขากลับไปซะ”    “แต่ว่าพวกเรากันพวกเขาเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขาจะบุกขึ้นมาแล้ว”

“บอกพวกเขาไป ถ้าไม่อยากเป็นดั่งเช่นบุตรสาวของตน ก็เข้ามาได้ตามสบาย ข้านั้นยินดีต้อนรับเป็นอย่างมาก” มุมปากของมู่เฉียนซีปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ  หึ ๆ พวกเขาคิดจริงหรือว่าถิ่นของนางนั้นง่ายที่จะก่อเรื่องขึ้น

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวประโยคนั้น ท่านอ๋องอวี้และหัวหน้าตวนมู่ก็ไม่กล้าขึ้นมา

“ขอจงช่วยบอกหมอปีศาจ หวังว่านางจะให้ยาแก้พิษแก่เรา นางนั้นต้องการอะไรก็ขอให้เอ่ยกล่าวมาได้เต็มที่” เมื่อได้กล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว พวกเขาไม่เชื่อว่ามู่เฉียนซีจะไม่สนใจ แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่สนใจ นางปล่อยพวกเขาไว้เช่นนั้นอยู่สามวัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับคำตอบ

“ข้าต้องการสมุนไพรวิญญาณถุงน้ำดีอันหนึ่ง เมื่อมอบมันมาก็จะได้ยาแก้พิษ หากไม่ให้ก็ไม่มียาแก้!” มู่เฉียนซีตะคอก

เมื่อพวกเขาได้เห็นถุงน้ำดีนั่น สีหน้าก็ล้วนเขียวคล้ำขึ้นมา “นี่… เจ้าปล้นกันชัด ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ก็ใช่ ช่วงนี้ข้านั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปรุงยาจึงได้ปล้นผู้อื่นน้อยมาก  แน่นอนว่าข้ามีอาการคันมือไม้อยู่บ้าง บุตรสาวทั้งสองของพวกเจ้าอยู่ดีไม่ว่าดี กลับมาหาเรื่องข้าเองถึงที่ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”

หัวหน้าตวนมู่และอวี้อ๋องนั้นแทบกระอักเลือด “เจ้า…!  เจ้าอย่าได้คิดว่าองค์รัชทายาทคอยปกป้องเจ้าอยู่แล้วเจ้าจะสามารถไม่เห็นผู้ใดในสายตาได้”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น “หรือว่าจากนี้ไปหัวหน้าตวนมู่และอวี้อ๋องไม่คิดที่จะซื้อยาเม็ดและสมุนไพรวิญญาณจากหอหมอปีศาจและกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรแล้วหรือ ?”

นางกำลังบอกพวกเขาว่า ถึงต่อให้ไม่มีการช่วยเหลือจากเชียนอ้าวเซี่ย แต่การที่นางจะบีบให้พวกเขาจนมุมไม่มีทางไปนั้น มิใช่เรื่องยากเย็น

.