บทที่ 268 ซูซีคิดพลาดไปแล้ว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือโทรหานานิบอกเรื่องซูซีนัดกินข้าวกับเธอ นานิตกลงไปเป็นเพื่อนกับเธอโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

นานินั้นไม่เคยเป็นคนกลัวเรื่อง เธอแค่ได้ยินว่าหลินจือจะไปเผชิญหน้ากับซูซี เธอจะไม่ไปดูความสนุกนี้ได้ไง

แต่นานิพูดอย่างสับสนเล็กน้อย “ฉันไม่ค่อยเข้าใจ สถานการณ์ปัจจุบันของเธอ จะสามารถทำอะไรกับเธอได้อีก”

“ฐานะทางบ้านไม่ดีเท่าเธอ อาชีพไม่ดีเท่าเธอ จากที่ฉันดูหน้าตาก็ไม่ดีเท่าเธอ แล้วจะนัดเธอกินข้าวทำไม?” นานิว่าซูซีจนไม่มีอะไรดีเลย

หลินจือพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ใครจะไปรู้ ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน”

ที่หลินจือมีความคิดนิ่งสงบแบบนี้ เพราะเธอเชื่อว่าไม่ว่าซูซีจะมาไม้ไหน ไม่ว่าเธอจะรับมือได้ไหม ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเธอ

พูดอีกหนึ่งแบบ เธอมั่นใจมากขึ้นเยอะเลย

สิ่งต่างๆที่ซูซีทำกับเธอ ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของเธอเลยสักนิด

นานิชื่นชมความนิ่งเฉยของเธอ แล้วบอกให้เธอว่า “แล้วคืนนี้เธอก็ใส่เครื่องประดับทับทิมที่นายหญิงใหญ่เธอให้เธอมาใหม่ไว้ด้วย”

หลินจือ “……”

ทำไมนานิยังดูจริงจังกว่าตัวเธอเองอีก?

นานิพูดอีกว่า “จริงๆ ฟังที่ฉันบอก เธอต้องใส่มัน ใส่ทั้งชุดจะดีที่สุด”

หลินจือหมดคำพูด ถ้าเธอใส่ทั้งชุดล่ะก็ กลัวจะถูกปล้นระหว่างทาง

“เธอใส่เครื่องประดับทับทิมสวยมากเลย! จริงๆ ขนาดผู้หญิงอย่างฉันก็ยังต้องยอมแพ้อยู่ใต้กระโปรงของเธอ” ถึงคำพูดของนานิจะฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่เธอชมจากใจจริงๆ

ครั้งที่แล้วที่ตระกูลแม็กซิมัสจัดงานเลี้ยงให้รู้จักญาติในเมืองเวลฟ์ยิ่งใหญ่มาก จนเคยติดเทรน

ตอนนั้นหลินจือใส่ชุดกี่เพ้าสีขาวและตุ้มหูทับทิมประดับดวงดาว ความสวยงามนั้นไม่สามารถคงไว้ได้ ผู้คนหลงไหน นานิไม่เคยชอบเครื่องเพรชทับทิมมรกตอะไรพวกนี้ เธอมักจะรู้สึกล้าสมัย และไม่เหมาะสำหรับสาวๆอย่างพวกเธอ

แต่หลังจากที่ได้เห็นหลินจือใส่มรกตและทับทิมไปหนึ่งครั้ง นานิรู้สึกว่าตัวเองถูกแนะนำให้ซื้อแล้ว

หลินจือลังเลเล็กน้อย “คืนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้มั้ง ใส่อัญมณีหรูหราขนาดนั้นมันเหมาะสมเหรอ?

หลินจือรู้สึกว่าการเผชิญหน้าสู้กับซูซีคืนนี้เธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวจัดเต็มยิ่งใหญ่ขนาดนั้น พวกซูซีก็ไม่ใช่คนที่สำคัญมากมายอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธออยู่ในช่วงเป็นเมน กลัวความหนาว และอากาศก็หนาวจะตาย เธออยากแต่งตัวอบอุ่นหน่อย

นานิเกลี้ยกล่อมเธอ “ไม่ ไม่ ไม่ ไปเจอกับศัตรูจะไม่แต่งตัวดีๆได้ยังไง? ต้องสง่างาม แม้กระทั่งเส้นผมก็ต้องเปะจนถึงขั้นเหยียบทับเธอเลย”

หลินจือคิดๆแล้วพูด “ก็ได้ ฟังของเธอ งั้นฉันใส่สร้อยก็ได้”

ที่จริงแล้วหลินจือก็ชอบสร้อยคอทับทิมนั้นมาก สีแดงระยิบระยับประดับด้วยเพชรประดับประดา สว่างสดใส เธอคิดที่จะใส่ชุดกระโปรงขนแพะสีดำ ทั้งอบอุ่นและสวยงาม

หลังจากคุยโทรศัพท์กับนานิเสร็จแล้ว หลินจือเห็นเทาเท่ที่อยู่ข้างขมวดคิ้วเตือนเธอ “มีเรื่องอะไร ต้องโทรหาฉันโดยทันที”

หลินจือตอบกลับไปหนึ่งคำ รีบพูดเหมือนคิดอะไรได้ “คุณห้ามเล่นมุกอะไรอยู่ที่ข้างๆอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ”

จะชนะ หลินจือก็จะชนะด้วยตัวเอง

เทาเท่ที่ถูกขยะแขยงอีกครั้งก็หันสายตาไปที่อื่นไม่พูดอะไร เขาไม่อยู่ที่ข้างๆ แต่เขาสามารถรอในรถข้างนอกได้

ตอนกลางคืนนานิเลิกงานเร็วๆ กลับบ้านแต่งตัวไปพักหนึ่งก็ออกไปพร้อมกับหลินจือแล้ว ทั้งสองนั่งรถพี่เลี้ยงของนานิออกไปพร้อมกัน

ปฏิเสธความดีของเทาเท่ที่จะขับรถไปส่ง

หลังจากที่รถพี่เลี้ยงของนานิขับออกไป นานิบ่นเทาเท่ “ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนจะเศร้ามากนะ”

เทาเท่ส่งหลินจือออกไปเมื่อกี้ แล้วเขาก็ยืนอยู่ดูส่งพวกเธอจากไปที่ข้างนอก จนถึงรถของพวกเธอหายไปจากสายตาของเทาเท่

พูดถึงนี่หลินจือก็ปวดหัว “ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ตอนนี้สีหน้าเขาเป็นแบบนี้ทั้งวัน”

เธอไม่สนใจเขาหน่อย จะรู้สึกได้ทันทีว่าความโกรธเต็มๆกำลังพุ่งมาหาเธอ

นานิถอนหายใจ “ฉันรู้สึกว่าเทาเท่เปลี่ยนจากหมาป่าที่ดุร้ายเย็นชาไปเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เชื่อฟัง”

หลินจือแตะหน้าผาก “การเปรียบเทียบของเธอ……”

เธอไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ นานิก็หัวเราะตามไปด้วย มักจะรู้สึกว่าเธอจะหมายถึงเทาเท่ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นสุนัขหมาป่าหรือโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เทาเท่ก็เป็นหมาอยู่ดี

หลังจากที่รถพี่เลี้ยงของนานิออกไปสิบนาที เท่าเท่ก็เข้าไปในรถของเขาที่ข้างๆแล้วขับรถออกไป ไปรอนอกร้านอาหารที่ซูซีนัดหลินจือไว้

เขาสาบาน ถ้าครั้งนี้ซูซีกล้าทำร้ายหลินจือล่ะก็ เขาจะทำลายเธอกับผู้อำนวยการเบลซแน่นอน

เขาให้คนตรวจสอบคนที่อยู่เบื้องบนของผู้อำนวยการเบลซนานแล้ว ผู้อำนวยการเบลซรังแกคนตลอดทั้งวันเพราะมีเบื้องหลังไม่ใช่เหรอ งั้นเขาก็จะถอนรากของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังผู้อำนวยการเบลซขึ้นด้วยเลย ดูว่าผู้อำนวยการเบลซจะหวังอะไรได้อีก

ทีแรกเขาต่อสู้เพียงลำพัง แต่ตอนนี้ด้วยอิทธิพลของจอร์แดนกับตระกูลแม็กซิมัสในเมืองเวลฟ์ คงไม่ยากที่ทำให้พวกเขาเจ๊ง

หลินจือกับซูซีเดินเข้าร้านอาหาร และ ก็เห็นเปียโนที่อยู่ตรงกลางร้านอาหารนั้น หลินจือกับนานิสบตากัน ในใจต่างก็เข้าใจกัน

จุดประสงค์ของซูซีที่นัดหลินจือมาในคืนนี้คือ ทำให้หลินจืออับอายต่อหน้าคนดังเมืองเจสเวิร์ด ซูซีน่าจะอยากให้หลินจือเล่นเปียโนแสดงความสามารถ เพราะคิดว่าหลินจือถูกเลี้ยงดูในตระกูลเนธาเนียลตั้งแต่เด็ก ไม่มีฐานะที่จะได้เรียนเปียโน

ตอนเด็กหลินจือไม่เคยเรียนเปียโนจริง และไม่เคยได้รับการศึกษาของผู้ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะเล่นเปียโนไม่เป็น เต้นรำไม่เป็น

ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนหลินจือที่ไม่มีชื่อเสียงไม่เคยอยู่ในสายตาซูซีเลย ก็เลยไม่ได้ติดตามเลยช่วงเวลาสามที่หลินจือกับเทาเท่แต่งงานกันทำอะไรไปบ้าง

อย่างมากซูซีก็แค่มองหลินจือเป็นแม่บ้านที่หมุนรอบที่ห้องครัวทุกวัน เรื่องที่ซูซีไม่รู้คือก็คือหลินจือได้เรียนรู้มารยาทผู้ดีเต็มรูปแบบในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา และทักษะบางอย่างที่อาจจะต้องใช้ในกิจกรรมทางสังคมในฐานะภรรยาเทาเท่

เช่นเปียโน หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพ เช่นการเต้นแต่ละประเภท เช่นมารยาทที่จำเป็นในโอกาสทางการต่างๆ

งานเลี้ยงรับรองครอบครัวอันยิ่งใหญ่ในเมืองเวลฟ์คราวที่แล้ว หลินจือกับจอร์แดนเต้นรำเปิดพิธีได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่สื่อไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ ดังนั้นซูซีเลยไม่รู้อะไรเลย

และเหตุผลที่หลินจือเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ก็เป็นเพราะคุณท่านทั้งนั้น

คุณท่านชอบหลินจือจากใจจริงๆ ตั้งใจฝึกสอนให้หลินจือเป็นภรรยาเทาเท่ คุณท่านคิดว่า ถึงแม้ตอนนี้เทาเท่จะไม่ชอบหลินจือ แต่ถ้าเวลานานไปจะต้องตกหลุมรักหลินจือแน่นอน

ในเวลานั้นเธอจะต้องไปออกงานตามโอกาสต่างๆกับเทาเท่ เธอจะต้องรู้ทุกอย่าง ดังนั้นคุณท่านเลยตั้งใจให้หลินจือเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ แต่หลินจือไม่เคยมีโอกาสแสดงตัวเองในสามปีนั้น

หลินจือก็จริงจังและตั้งใจเรียนมาก เพราะเธอในตอนนั้นต้องการจะเอาใจเทาเท่ ดังนั้นเธอทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่ แค่เพียงต้องการคู่ควรกับเขา