หลินจือและนานิที่รู้เจตนาของซูซี สบตากันแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างนิ่งเฉย
ร้านอาหารวันนี้ซูซีเหมาแล้ว แต่เธอเชิญผู้ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองเจสเวิร์ดที่เธอสามารถเชิญได้ ดังนั้นร้านอาหารก็ยังคงสนุกสนานมาก มองจากไกลๆเห็นผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อยสวยงาม
หลังจากที่หลินจือกันนานิเข้าไป ซูซีก็เดินออกไปอย่างเชิดหน้าเชิดตา และรอยยิ้มบนใบหน้า “พวกคุณสองคนมาช้าจริงๆเลยนะ”
ซูซีใส่ชุดราตรีสีแดงสด สวยงามมาก โชคดีที่ร้านอาหารเปิดแอร์ เลยไม่หนาวขนาดนั้น
ซูซีคิดว่าคืนนี้ตัวเองแต่งตัวโดดเด่นที่สุดในบรรดากลุ่มผู้ดีนี้ เธอรอนานมากกว่าจะได้ชุดนี้มา เลยตั้งใจใส่มาในโอกาสคืนนี้เพื่อจะเทียบหลินจือจากภายนอกไปก่อน
หลังมาถึงเมื่อกี้คนอื่นๆก็มารุมล้อมชมเธอและชมเธอ บอกกันว่าเธอสวยสง่างาม ในใจเธอพอใจมาก
แต่ความเย่อหยิ่งพอใจของเธอก็ปลิวหายไปทันที เมื่อเธอเห็นสร้อยคอทับทิมที่คอของหลินจือ
เธอลืมไปได้อย่างไง หลินจือมีเครื่องประดับราคาแพงสองชุด มรกตหนึ่งชุด ทับทิมหนึ่งชุด ไม่กี่วันก่อนหลินจือใส่ต่างหูทับทิมในงานเลี้ยงรับรองของครอบครัว ถูกบล็อกเกอร์เครื่องประดับแฉออกมา ชุดเครื่องประดับทับทิมชุดนี้ราคาก็ไม่เบา
ตอนนั้นซูซีอิจฉาจนจะเป็นบ้า เธอคิดว่าตัวเองมีเครื่องประดับที่ราคาแพงมากมายเหมือนกัน แต่หลังจากดูราคาของเครื่องประดับทั้งสองชุดที่บล็อกเกอร์คนนั้นพูด เครื่องประดับของเธอรวมกันก็ยังไม่มีค่าเท่ากับหนึ่งชุดของหลินจือ
นอกจากนี้ เครื่องประดับของหลินจือยังเป็นของมีมูลค่าคอลเลกชัน ต่างจากของเธอเป็นคนละชั้น
ซูซีจ้องมองไปที่สร้อยคอของหลินจืออย่างกัดฟันแน่น หลินจือกับนานิมองอยู่ในสายตา นานิยิ้มตาโค้งพูดกับซูซีว่า “ประธานซูซี คืนนี้สวยงามมากเลยนะ”
เห็นได้ชัดคำพูดของนานิเป็นคำพูดไร้ประโยชน์ จงใจประชดซูซีตั้งใจแต่งตัวแต่ถูกหลินจือเทียบเป็นเศษ
ซูซีโกรธจะตาย แต่เธอทำได้แค่ฝืนยิ้มและพูดว่า “ขอบใจนะ ซุปตาร์นานิคุณก็สวยมาก คนธรรมดาไม่กล้ายืนเคียงข้างคุณเลย”
ซูซีเยาะเย้ยหน้าตาของหลินจือเมื่อเทียบกับนานิแล้วจืดชืดมาก พูดจบก็จงใจมองหลินจือแล้วถามว่า “คุณว่าใช่ไหม? คุณหลินจือ”
หลินจือยิ้มอ่อนๆพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ อืม หน้าตาของนานิไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว”
นานิชมเธอทั้งวัน หลินจือชมกำลังของนานิไม่ธรรมดา
แต่ถ้าเผชิญหน้ากับการประชดของซูซี คำพูดของหลินจือดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย
ซูซีคิดว่าหลินจือนั้นจัดการง่ายแบบนี้ กำลังจะยิ้มอย่างพอใจเลย ก็เห็นหลินจือพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัวอีก “หัวไชเท้าและกะหล่ำปลี แล้วแต่คนชอบ บางคนชอบคนสวยที่แต่งหน้าจัดอย่างนานิ แต่ก็มีคนชอบคนสวยสดใส”
แน่นอน คำว่าสดใส หมายถึงตัวหลินจือเอง
ถึงแม้หลินจือจะไม่เคยเป็นคนที่หยิ่งทะนงและโอ้อวด แต่ขณะนี้กำลังต่อสู้กับศัตรู เธอก็จัดไปเต็มที่แล้ว
คำพูดของหลินจือทำให้ซูซีสำลักในระดับหนึ่ง เพราะหลินจือกำลังพูดว่าตอนนี้เทาเท่รักคนสดใสอย่างเธอจนเข้ากระดูก
ขณะที่ซูซีเกือบจะถูกยั่วโมโหตาย นานิพยักหน้าด้วยแล้วพูดว่า “ใช่ ใช่ หัวไชเท้าและกะหล่ำปลี แล้วแต่คนชอบ คนสวยอย่างประธานซูซีก็มีรักแน่นอน ได้ยินว่าประธานโตโต้ของเจเฮทกำลังตามจีบคุณอยู่”
“นานิ!” ซูซีทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ประธานโตโต้คนนั้น ชื่อเสียงแย่มากถึงที่สุด
ก่อนหน้านั้นวอลนัทถูกเรียกว่าพินอินเวอร์ชั่นผู้หญิง แต่วอลนัทกับพินอินก็แค่เล่นๆกับผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น อย่างมากก็หลายใจบ้าง แต่ประธานโตโต้ซาโต้นี้ ไม่เล่นแค่ผู้หญิงเท่านั้น ยังมีความชอบโรคจิตต่างๆ
ซาโต้นี้เคยรังควานเธอมาก่อน แต่ตอนนั้นเธอมีข่าวกับเทาเท่ ซาโต้ไม่กล้าที่จะยุ่งกับเทาเท่ง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ทำอะไรกับเธอ
ตอนนี้เธอกับเทาเท่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว ซาโต้ก็กล้าขึ้นมา รังควานเธอตลอดเวลา ซูซีรำคาญมาก
ถึงแม้พ่อของเธอผู้อำนวยการเบลซจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในเมืองเจสเวิร์ด ซาโต้ก็ไม่กล้าทำอะไรกับเธออยู่ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อเธอคิดถึงว่าชื่อของเธอเกี่ยวพันกับผู้ชายอย่างซาโต้แบบนั้น ก็ขยะแขยงอย่างมาก อยากจะฆ่าซาโต้ให้ตาย
นานิจงใจพูดว่าซาโต้กำลังตามจีบเธอ เท่ากับว่าประชดทางอ้อมว่าเธอเหมาะสมแค่จะถูกผู้ชายสกปรกตามจีบ ซูซีไม่โกรธสิแปลก
นานิถามอย่างไร้เดียงสา “ทำไมเหรอ?”
ซูซีจ้องนานิอย่างโกรธเกลียด เกือบจะกัดฟันแตกละเอียด
ยังดีที่ตอนนี้มีคนอื่นเดินมาพอดี ทำลายบรรยากาศของความตึงเครียดระหว่างพวกเธอทั้งสอง
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?” ผู้หญิงที่พูดดูอ่อนโยนและเข้ากับคนง่าย หลินจือจำเธอได้ เป็นลูกสะใภ้สินค้าบริโภครายยักษ์ในเมืองเจสเวิร์ด
เหตุผลที่เธอรู้จักกันนั้น นั่นเป็นเพราะนานิได้สอนพิเศษให้กับเธอ
ก็ไม่รู้ว่านานิได้รายชื่อและรูปถ่ายของคนเหล่านี้มาจากไหน ให้เธอจำไว้ทั้งหมด บอกว่ามันจะช่วยเธอให้ไม่อับอายที่ไม่รู้จักเขาในคืนนี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าอายเลย
ตอนนี้หลินจือยอมรับตัวเองในฐานะลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส และก็รู้ด้วยว่าฐานะของเธองานเลี้ยงและการเข้าสังคมเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จอร์แดนจะบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องแบกรับพวกนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถไม่ทำอะไรเลย
ดังนั้นหลินจือยิ้มและพยักหน้าให้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยให้กับเธอ แล้วแนะนำตัว “สวัสดีค่ะ ฉันคือฮันนา”
พูดจบเธอก็ยื่นมือไปหาเธอ และแน่นอนหลินจือก็จับมืออย่างสุภาพอย่าง แล้วแนะนำตัว “สวัสดีค่ะ ฉันคือหลินจือ”
ซูซีแสดงความไม่พอใจอย่างมากกับการที่ฮันนาทักทายหลินจือก่อน เธอเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงนี้ ควรจะรอให้เธอแนะนำให้ก่อนเหรอ? ทั้งสองคนทักทายกันโดยข้ามเธอไปมันจะได้ยังไง”
ซูซีคิดว่าสัมพันธมิตรไมตรีตัวเองดีมาก และอยู่ในใจกลางของกลุ่มผู้ดี ทุกคนควรให้ความสำคัญกับเธอ แต่จริงๆแล้วมีคนที่เกลียดเธอมากมาย
ในใบหน้าที่ดูไม่ดีของซูซี ฮันนากับหลินจือและนานิได้ทักทายกันเสร็จแล้ว ซูซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันแล้วพาทั้งสองเข้าไปในร้านอาหาร
ครั้งนี้ซูซีได้จำเป็นบทเรียน หลังจากพาทั้งสองคนเข้ามาแล้ว ก็รีบแนะนำพวกเขาทีละคน เพื่อเน้นตำแหน่งเซ็นเตอร์ของเธอ
หลินจือกับนานิทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มที่ดีงาม กลุ่มคนถึงจะนั่งลงที่นั่ง
ที่นั่งถูกจัดวางด้วยโต๊ะยาวขนาดใหญ่สามตัว นั่งเต็มไปด้วยคนดังมากมาย
ทันทีที่เธอนั่งลง ผู้หญิงข้างๆหลินจือก็ชื่มชมสร้อยคอของเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณหลินจือ สร้อยคอของคุณสวยมากจริงๆ ฉันเคยเห็นมันสวยงามมากในเว็บไซต์ประมูลมาก่อน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอของจริง ฉลองจริงๆ เป็นบุญตาจริงๆ”
หลินจือยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”
ซูซีที่นั่งอยู่ในที่ผู้นั่งหลักเหลือบมองคนพูดด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยความดูถูกในใจ
คนพวกนี้เห็นแก่เงินจริงๆ ตอนเธอพึ่งมาถึง พวกเธอยกย่องชมเชยเธอมาก และตอนนี้ก็ชมหลินจือขึ้นมา