บทที่ 270 ชายชั่วหญิงเลว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

แต่ว่าถึงซูซีจะโมโห แต่ก็อดทนไว้ เมื่อคิดถึงเดี๋ยวจะสามารถทำให้หลินจืออับอาย เธอก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ หลินจือเอ๊ยหลินจือ ถึงตัวเธอจะมีเลือดของตระกูลแม็กซิมัส แต่กลับไม่มีร่องรอยของความสามารถของสุภาพสตรีที่ควรมี

นอกจากการเขียนเรื่องราวและเป็นนักเขียนบท ยังมีความสามารถพิเศษอะไรอีกเหรอ?

และเธอเรียนเต้นตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเล่นเปียโนตอนอายุ 7 หลายปีมานี้ทักษะก็ไม่ได้ลดลง ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเธอคงไม่กล้าเข้าสู่วงการบันเทิง

งานเลี้ยงอาหารค่ำเริ่มครึกครื้นแล้ว ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพูดคุยระหว่างทานอาหาร สถานการณ์ร้อนแรงมาก

แต่ถึงแม้จะคุยกันที่ร้อนแรง คำพูดของทุกคนก็เผยให้เห็นถึงการโอ้อวดทุกรูปแบบอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลินจือกลั้นความเบื่อหน่ายไว้ในใจ

ขณะกินอาหารที่อยู่ต่อหน้า ก็ปล่อยจิตให้ตัวเองคิดไปเรื่อยเปื่อย

ถึงยังไงคนเราจะต้องอยู่กับเพื่อนที่มีทัศนคติเข้ากันได้ ถึงจะสบายและเป็นธรรมชาติ ต่อไปเธอจะไม่มีวันเข้าร่วมงานปาร์ตี้แบบนี้อีกแล้ว

ถึงแม้เธอจะเป็นคนของตระกูลแม็กซิมัส แต่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก งั้นก็เป็นคนธรรมดาต่อไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อใคร

ฮันนาเดินมาพูดกับนานิเบาๆในขณะที่ทุกคนกำลังชนแก้วดื่มด่ำกัน “ที่ซูซีนัดมากะทันหันในวันนี้ คือต้องการจะเล่นงานพวกคุณเหรอ?

ฮันนาไม่รู้รักเก่าระหว่างหลินจือกับเทาเท่ คิดแค่ว่าซูซีต้องการจะเล่นงานนานิ เพราะไม่ว่ายังไงซูซีก็เคยเป็นดาวแถวหน้าของวงการบันเทิง และมีหลายๆเรื่องที่ขัดแย้งกับนานิ

นานิยิ้มๆ “ไม่ใช่จ้องเล่นงานฉัน คือจ้องเล่นงานหลินจือ อยากให้หลินจืออาบอาย”

ฮันนามองหลินจืออย่างไม่น่าเชื่อ “คุณไปทำอะไรให้เธอโกรธเกลียด”

หลินจือไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรกับฮันนาแค่ยิ้มอ่อนๆ “เรื่องมันยาว ความโกรธแค้นสะสมมานาน”

ฮันนาทำหน้ามึนงง “เป็นเพราะคุณเป็นคนดังในเมืองเจสเวิร์ดตอนนี้แน่นอน แย่งความสนใจจากผู้ดีของเธอ ดังนั้นเธอถึงไม่ชอบคุณไปซะทุกอย่าง”

ฮันนายิ้มแล้วพูดอีกครั้งว่า “คุณยังไม่รู้สินะ หลังคุณถูกเปิดเผยว่าคุณเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส หลายคนในเมืองเจสเวิร์ดชอบคุณมาก ฉันได้ยินสามีฉันพูด มีหลายคนถามหาวิธีการติดต่อคุณเป็นการส่วนตัวเลย”

กับคำพูดของฮันนาหลินจือก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง

แต่นานิกลับพูดแทนหลินจือขึ้นมาช้าๆ “มีคนที่ไม่รู้จักตัวเองเยอะมากมาย วอลนัทนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”

ฮันนารู้สึกแอบดีใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์ของวอลนัท “นั่นแหละ นั่นแหละ หลังจากเรื่องวอลนัททุกกคนก็หยุดไปเลย ไม่กล้าทำอะไรอีก ตระกูลแม็กซิมัสปกป้องคุณดีมาก”

โลกภายนอกไม่รู้ว่าเทาเท่เป็นคนจัดการวอลนัท แค่คิดว่าวอลนัทป่าวประกาศบอกจะจีบหลินจือจะเป็นลูกเขยของจึงทำให้ตระกูลแม็กซิมัสโกรธ ถึงถูกตระกูลแม็กซิมัสจัดการเขาไป

หลินจือกับนานิไม่ได้พูดอะไรอีก ฮันนาก็กลับไปนั่งที่นั่งของเธอเหมือนเดิม

เนื่องจากซูซีได้จัดงานนี้ขึ้น ข้างๆต้องมีสักสองสามคนที่สนิทกับเธอ กับการที่จะเรียกว่าเพื่อนสนิท เรียกว่าลูกน้องของซูซีมากกว่า

แค่ฟังผู้หญิงทางซ้ายมือของซูซีพูดกับหลินจือโดยตรงว่า “หลินจือ ฉันได้ยินมาว่าคุณเคยหย่าร้างแล้วเหรอ?

เมื่อเสียงของเธอเบาลง ร้านอาหารที่ดังแต่เดิมก็เงียบขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าทุกคนรอดูเรื่องดีอยู่ ความคิดของคนส่วนใหญ่คืออยากเห็นหลินจืออาบอาย

การหย่าร้างไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก เมื่อถูกคนเอาออกมาพูดในโอกาสแบบนี้ ทุกคนคิดว่าหลินจือจะรู้สึกละอายใจและอับอายอย่างแน่นอน

คิดไม่ถึงหลินจือตอบอย่างตรงไปตรงมากับคนนั้น “ใช่ หย่าร้างมาปีกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้ถูกทุกคนขุดออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆซูซีก็ทำท่าทีดูถูกเหยียดหยาม รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินจือก็ชัดยิ่งขึ้น

ผู้หญิงพวกนั้นเห็นหลินจือไม่ถูกเยาะเย้ยด้วยท่าทีของพวกเขา ก็รู้สึกโมโหเล็กน้อยขึ้นมา

ผู้หญิงที่เพิ่งจะพูดถึงการหย่าร้างของหลินจือพูดอย่างจงใจว่า “ทำไมคุณถึงหย่าล่ะ? เป็นเพราะสามีคุณไม่ชอบคุณเหรอ?”

“ใช่ เขาไม่ได้รักฉันจริงๆ” หลินจือตอบตรงๆอีกครั้ง แต่จากนั้นเธอก็พูดตามมาด้วยคำพูดต่อเนื่องอีกชุดหนึ่ง “แต่การแต่งงานของเราจบลงก็มีเมียน้อยข้างนอกทำลายด้วย แม้กระทั่งผู้หญิงคนนั้นเคยตัดต่อภาพอัลตราซาวนด์การตั้งครรภ์ของเธอส่งมาให้ฉัน ฉันรู้ภายหลังว่าอดีตสามีฉันไม่เคยแตะต้องเธอเลย”

คนอื่นๆฟังข่าวซุบซิบกันอย่างตั้งใจ แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ผู้หญิงคนนี้คิดไปเองเกินไปหรือเปล่า? สามีเขาไม่เคยแตะต้องเธอ เธอยังเอาเหตุผลว่าท้องมาอ้างได้”

“นี่เป็นเมียน้อยอะไรเนี่ย เสียหน้าหมดเลย”

“โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ฉันขำจะตาย กับเมียน้อยคนนั้น”

ฟ้ารู้ว่าใบหน้าของซูซีน่าเกลียดมากขนาดไหน เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง ทั้งอับอายทั้งโมโห

เธอเป็นคนให้คนรอบข้างเธอจงใจพูดถึงการหย่าร้างของหลินจือ เพื่อทำให้หลินจือถูกเยาะเย้ย คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงคนที่ถูกเยาะเย้ยจากกลุ่มตอนนี้กลายเป็นเธอ!

ถึงแม้คนเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าเธอคือเมียน้อยคนนั้น แต่เธอรู้ตัวดี หลินจือจงใจจะแกล้งเธอ เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว

“หย่าร้างดีกว่ารั้งผู้ชายที่ไม่สนใจคุณไว้ หย่าร้างดีกว่า” หลังหลินจือพูดจบสายตาของเขาก็จ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสาวที่จงใจพูดเรื่องที่เธอหย่า ถามเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณว่าใช่ไหม”

เพราะเธอทำการบ้านมาก่อน หลินจือรู้ว่าสามีของผู้หญิงคนนี้มีเมียน้อยอยู่ข้างนอก และไม่ได้มีแค่หนึ่งคน แต่เธอก็อดทนเปิดตาข้างหนึ่ง ปิดตาข้างหนึ่ง

หลินจือตั้งใจพูดแบบนี้ เพื่อจะให้เธอสะกิดความเศร้าในใจเธอ

เธอเต็มใจที่จะออกหน้าแทนซูซีไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เธอได้หาความวุ่นวายให้กับตัวเองแล้ว ดูว่าเธอยังเอะอะอยู่ไหม

แน่นอน ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นซีดไปสักครู่ กัดฟันแน่นพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ฮันนาพูดเบาๆในเวลานี้ “เฮ้ย ชายชั่งหญิงเลวจริงๆ จะต้องไม่ได้ตายดี”

ฮันนาดูเหมือนกำลังด่าอดีตสามีและเมียน้อยนั้น แต่สายตาเธอเหลือบมองไปที่ซูซีที่อยู่คนแรก เห็นได้ชัดว่าฮันนาเป็นคนฉลาด และก็ดูออกแล้วว่าเมียน้อยที่หลินจือพูดถึงน่าจัเกี่ยวข้องกับซูซี

ฮันนาไม่ได้ตายดีหนึ่งคำ เกือบทำซูซีโมโหจนกระโดดขึ้นจากที่นั่งมาทะเลาะกับฮันนา

แต่ก็รู้ว่าเขาจะถูกเปิดโปงว่าเป็นเมียกน้อยที่ถูกด่าว่า ดังนั้นเขาทำได้เพียงอดทนกับคำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านี้

นานิตอบในเวลาที่เหมาะสม “ก็นั่นแหละ ได้ยินมาว่าเมียน้อยคนนั้นตอนนี้แย่มากเลย ไม่เพียงแต่แย่งอดีตสามีของหลินจือไม่สำเร็จ แต่ถูกเปิดเผยเพราะเรื่องน่าอายที่ตัวเองทำ ถูกอดีตสามีของหลินจือสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้เขาเกลียดเมียน้อยคนนั้นเข้าไส้เลย”

“ชื่อเสียงของเมียน้อยนั้นไม่มีแล้ว อาชีพของเขาก็ไม่มีแล้ว หึ หึ ตอนนี้ทำได้แค่ซ่อนทำร้ายคนอยู่ในที่มืด” หลังจากนานิพูดจบ เธอทำสีหน้ามองบน ซูซีโมโหจนปอดจะระเบิด

เธอน่าสมเพชแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีกว่าทุกคน!