สิ้นเสียงของนานิ เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของฝูงชนก็ดังขึ้นมาทันที

“เวรกรรมตามสนองนั้นมีจริงๆ สินะ”

“ตอนนี้หลินจือเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลแม็กซิมัสแล้ว สามีเก่าคนนั้นเมื่อรู้อย่างนี้คงเสียใจแย่ล่ะสิ?”

“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าใครคือมือที่สามไร้ยางอายคนนั้น ช่างน่าขายหน้าจริงๆ”

เมื่อนานิเหลือบมองท่าทางเดือดดาลของซูซีแต่กลับทำได้เพียงแค่อดกลั้นไว้เท่านั้น แล้วพลันรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมา เยี่ยมยอดจริงๆ เธอชอบละครฉากตบหน้าคนประเภทนี้เป็นที่สุด ซูซีขโมยไก่ไม่ได้ แถมยังเสียข้าวสารทีอีกกำมือ

หลินจือมีความสุขเช่นเดียวกับนานิ ดูได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าว่าลึกซึ้งมากเพียงใด ไม่มีฉากอับอายขายขี้หน้าหรือคับแค้นใจจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาของพวกเธอบนจอภาพนั้นอย่างแน่นอน

นานิยังพูดใส่สีตีไข่ให้ซูซิด้วยความเกลียดชังต่อไป “เรื่องน่าเยาะเย้ยเป็นที่สุดก็คือ หลังจากที่อดีตสามีของหลินจือหย่าร้างไป เขาก็เพิ่งมองเป็นความดีความชอบของเธอ ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้ร้องตะโกนวิ่งไล่ตามหลินจือไม่หยุด ขอร้องให้หลินจือแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้ง”

ฝูงชนต่างตื่นตกใจ “ไม่จริงมั้ง มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ก่อนที่ฉันจะอ่านมาจากในข่าว ว่ากันว่าอดีตสามีของหลินจือพื้นฐานครอบครัวก็ดีไม่น้อย แต่หลังจากหย่าร้างไปเขาก็ไม่เคยคบใครอีกเลยมานานขนาดนี้?”

ความหมายจากบุคคลคำพูดของคนนั้นก็คือ อดีตสามีของหลินจือไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงที่จะมาอยู่ข้างกายเขาแน่นอน พอหย่าก็ต้องมีสาวๆ สวยๆ มาทอดสะพานให้ถึงบนเตียงแน่ๆ กลับคิดไม่ถึงว่าอดีตสามีคนนั้นจะกลับมาไล่ตามจีบหลินจืออีกครั้ง

นานิซุบซิบเสียงเบา “พวกคุณไม่รู้ว่าอดีตสามีของเธอตอนนี้ขี้ประจบมากแค่ไหน ว่ากันว่าครอบครัวอดีตสามีของเธอไม่ธรรมดา เมื่อก่อนน่ะแค่เขายกมืออาหารก็มาป้อนถึงในปาก แต่ตอนนี้กลับไปเรียนทำอาหารเพื่อหลินจือซะอย่างนั้น”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ทุกคนต่างตกตะลึงเข้าไปใหญ่

เทาเท่ไปเรียนทำอาหารเพื่อหลินจือ?

ซูซีตกใจดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า

เป็นไปไม่ได้

คุณชายผู้สูงศักดิ์แสนเย่อหยิ่งอย่างเทาเท่ จะไปเรียนทำอาหารได้อย่างไรกัน

ทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ หลินจือเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เธอรับประทานอาหารตรงหน้าตัวเองอย่างไม่สนใจใยดี ไม่ต้องพูดถึงสัญญาลับที่รู้กันเพียงสองคนระหว่างเธอกับนานิว่ามีมากเพียงใด

นานิรู้ว่าด้วยนิสัยของหลินจือแล้ว ยากที่จะให้พูดโอ้อวดหรือพูดจาโผงผางแบบนี้ออกมาได้ เช่นนั้นทั้งหมดนี้นานิจึงต้องเป็นคนช่วยพูดแทนเธอ

หลังจากที่ทุกคนอุทานออกมา มีคนถามหลินจือว่า “อดีตสามีของคุณตั้งใจตามจีบคุณขนาดนี้ คุณจะคืนดีกับเขาไหมคะ”

หลินจือยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันขอโฟกัสเรื่องงานก่อนค่ะ”

หลินจือไม่ได้โกหก เพียงแค่ตอบไปตามความสัตย์จริง และท่าทีสบายๆ ของเธอดูที่ไม่แยแสความทุกข์ตรมของเทาเท่ที่กำลังไล่ตามตัวเองอยู่เลยสักนิด กลับทำให้ซูซีกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง

ซูซีกล้ำกลืนคำความไม่เป็นธรรมอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ทุกทางดีขึ้น หล่อนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเอาใจใส่จากเทาเท่แม้เสี้ยวเดียว แต่หลินจือกลับได้ยืนอยู่ในก้นบึงในหัวใจของเขา ทั้งๆ ที่หลินจือเย่อหยิ่งเสียขนาดนั้น!

ซูซีรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธร และเกลียดทุกคน!

หล่อนไม่เคยคิดเลยว่า เทาเท่จะยอมนอบน้อมให้หลินจือถึงเพียงนี้

มองย้อนกลับไปในตอนนั้น เทาเท่ไม่ได้สนใจหลินจือเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กลับตามติดหลินจือเหนียวหนึบอย่างไร้ศักดิ์ศรี เขาไม่อายเลยหรือไง

ฮันนารับช่วงต่อจากคำพูดของหลินจือ “คิดไม่ถึงว่าอดีตสามีของคุณจะดูอบอุ่นขนาดนี้ ทั้งยังแข็งแรงและมีกำลังวังชา ผู้ชายดีๆ ขนาดนั้นคุณยังบอกว่าไม่ต้องการ งั้นผมคิดว่าตอนนี้คุณคงมีผู้ชายไม่ขาดมือเลยสิน่ะครับ คุณเป็นถึงลูกสาวตะกูลแม็กซิมัส ตระกูลแม็กซิมัสเองก็คงแนะนำคนดีๆ มากล้นความสามารถให้คุณบ้างอยู่แล้ว?”

“ก็มีบ้าง” เมื่อหลินจือนึกขึ้นมาได้ว่าจอร์แดนแนะนำให้เธอรู้จักกับโนอาร์ จู่ๆ ก็พลันปวดหัวขึ้นมาทันที

เมื่อกลับไปเธอต้องคิดวางแผนล่วงหน้า พอถึงเวลาที่โนอาร์มาหาเธอจะพาเขาสนุกอย่างไร

ซูซียิ้มอย่างสดใจ “คุณจอร์แดนแนะนำหนุ่มหล่อมากความสามารถให้หลินจือคนหนึ่ง และในอีกไม่กี่วันนี้เขาจะมาหาเธอ เมื่อถูกนักข่าวถ่ายรูปแน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่บนการค้นหายอดนิยมแน่นอน พวกคุณรอดูเลยว่าจะเป็นหนุ่มหล่อมากความสามารถขนาดไหน ฉันนี่ตื่นเต้นไปหมดแล้ว”

หลินจือเหลือบมองซูซีอย่างไม่สบอารมณ์ พูดจาไร้สาระแบบนี้คิดดีแล้วใช่ไหม

อะไรที่เรียกว่าเธอกำลังตื่นเต้น?

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในใจเธอมีเพียงนัตสิคนเดียว

และอีกอย่าง หลินจือยังไม่เข้าใจว่านานิพูดถึงเรื่องของโนอาร์ขึ้นมาทำไม แล้วนานิจะทำอย่างไรหากเธอและโนอาร์ขึ้นไปอยู่บนในอันดับการค้นหายอดนิยมขึ้นมา เธอกลัวการค้นหายอดนิยมนั่นจริงๆ

นานิโน้มตัวลงมากระซิบกับเธอ “ตอนนี้เธอเป็นคนดังแล้ว โนอาร์จะได้รับความสนใจขึ้นมาอีกคน การค้นหายอดนิยมของพวกเธอทั้งสองที่พุ่งขึ้นมาก็คงเพียงไม่นาน”

“พูดขึ้นมาแล้วก็โกรธซูซี ที่พยายามคิดวางแผนทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของพวกขี้อิจฉาพวกนั้น”

นานิพูดพร้อมกับหันไปมองใบหน้าน่าเกลียดของซูซีอีกครั้ง ท่านกลางผู้คนมีเพียงไม่กี่คนที่ดูฝืนใจ รอยยิ้มบนใบหน้าแทบข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่

ตอนนี้หลินจือมีทุกอย่าง หากจะบอกว่าไม่ได้อิจฉาก็คงโกหก

เพราะเทาเท่ ซูซีจึงอิจฉาริษยาหลินจือมากกว่าใคร แม้เมื่อก่อนคนอื่นๆ จะไม่ได้โกรธเกลียดอะไรหลินจือ แต่ตอนนี้กลับอิจฉาริษยาเธออยู่ไม่เลิก เพราะคนพวกนี้เห็นคนอื่นดีกว่าตนเองไม่ได้ และทนดูไม่ได้หากคนอื่นจะมีทุกอย่างมากกว่าตัวเอง

ไม่เช่นนั้นซูซีคงไม่ใช้อิทธิพลที่มีอยู่เรียกคนเพื่อให้มารวมตัวกันมากมายในคืนนี้ ในบรรดาคุณหญิงคุณนายร่ำรวยพวกนี้ บางคนต้องการเสริมกำลังให้หลินจือ เพื่อให้ได้ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ชิดมีความสัมพันธ์กับตระกูลแม็กซิมัสมากขึ้น อย่างเช่น ฮันนา

บางคนเพื่อมาดูความอับอายของหลินจือ หรือพูดอีกอย่างว่ามาดูสงครามแห่งการฉีกหน้าครั้งใหญ่

เมื่อเห็นว่าหลินจือได้รับความสนใจ ซูซีกัดฟันมองไปที่หญิงสาวข้างๆ ตัวเอง ให้หล่อนรีบคิดกลอุบายเพื่อจัดการกับหลินจือให้ได้โดยเร็ว

เมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวคนนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ทุกคนคงเบื่ออาหารกันแล้วใช่ไหมคะ ฉันเห็นว่ามีเปียโนอยู่ตรงนั้น ฉันไปเล่นสักเพลงให้ทุกคนสนุกสนานกันดีกว่า”

ฝูงชนปรบมือต้อนรับขึ้นมาทันใด หล่อนมองมาที่หลินจือแล้วพูดว่า “คุณหลินจือ คุณเป็นนางเอกของเราในค่ำคืนนี้ ฉันจะไปเปิดหน้าให้ก่อน แล้วเพลงต่อไปคุณค่อยมาบรรเลง เป็นยังไงคะ”

ใบหน้าของหลินจือตื่นตระหนกขึ้นมาทันที จากนั้นจึงกล่าวปฏิเสธไปว่า “คงไม่จำเป็นหรอกมั้งคะ”

หลินจือยอมรับ สีหน้าที่เธอแสดงออกมาเมื่อครู่เป็นเพียงการแสดง เธอไม่อยากทำเช่นนี้ แต่นานิยืนกรานว่าเธอต้องทำเล่นละครสักหน่อย

บางครั้งการมีเพื่อนเป็นนักแสดงก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะทำอะไรมักเสพติดขึ้นมาได้ง่ายๆ

นานิบอกว่า ซูซีหรือลูกสมุนของซูซีสักคนที่ต้องส่งบทบาทให้เธอขึ้นไปเล่นเปียโนหรือเต้นรำแน่ๆ เธอต้องทำท่าทีเป็นกระวนกระวายใจ หลีกเลี่ยงไม่อยากขึ้นไปเล่น ให้ดูเหมือนว่าตัวเองเล่นไม่เป็น ให้พวกนั้นลำพองใจขึ้นมาสักหน่อย

จากนั้นรอให้ถึงตอนที่เธอถูกบังคับให้เล่น ค่อยพลิกโฉมกลับมาเล่นงานพวกนั้นอย่างงดงาม วิธีการนี้ความรู้สึกเหมือนกับถูกถากถางของพวกนั้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ตอนแรกหลินจือไม่เห็นด้วย เธอเป็นนักเขียนบท ไม่ใช่นักแสดง

การแสดงของเธอนั้นเงอะๆงะๆ หากว่าเป็นฉากธรรมดาๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่ฉากซับซ้อนเช่นนี้…

นานิไม่เห็นด้วย เธอบีบบังคับให้หลินจือเล่นละครฉากนี้ จนหลินจือต้องยอมประนีประนอม

ดังนันท่าทีของเธอในเวลานี้จึงดูตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจ ซูซีและลูกสมุนเหล่านั้นของหล่อนลำพองใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแบบนี้ มั่นใจขึ้นมาว่าหลินจือคงเล่นเปียโนไม่เป็นแน่ๆ

คนอื่นๆ บ้างต่างเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น บ้างก็ตลกขบขันราวกับดูเรื่องลตก

ผู้หญิงคนนั้นเพิกเฉยต่อการปฏิเสธของหลินจือ “โอ้ แต่ว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลแม็กซิมัส คุณต้องเล่นเปียโนได้เยี่ยมยอดมากแน่ๆ ของฉันคงดูอัปลักษณ์ไปเลย”

ขณะพูด หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พลางจับชุดกระโปรงแล้วเดินไปยังเปียโนอย่างสง่างาม