ถังโจวโจวยังคงเพิกเฉย เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงวางโจ๊กลง เขาเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้ เขาได้แต่รอให้แม่ยายของเขามาเกลี้ยกล่อมเธอ อาจจะได้ผลมากกว่า 

 

 

           หลินเหยาไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเพียงแต่บีบมือของถังโจวโจวไว้ เพื่อให้เธอยืมพลังงาน และเพื่อให้ความกล้าหาญแก่ถังโจวโจว 

 

 

           คุณพ่อและคุณแม่ถังมาถึงในไม่ช้า คุณพ่อถังยังไม่ทันได้ทำอะไร พอคุณแม่ถังเข้ามาและเห็นท่าทางเหม่อลอยของถังโจวโจว เธอก็หลั่งน้ำตาในทันที เธอร้องไห้กอดถังโจวโจวและพูดว่า “โจวโจว แม่มาแล้ว แม่มาแล้วลูก” 

 

 

           เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าตรงหน้าของเธอคือคุณแม่ถังจริงๆ น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมา เธอเพียงร้องไห้กระซิก แต่คุณแม่ถังอยากให้เธอร้องไห้ออกมาดังๆ มากกว่าที่เธอจะต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยู่แบบนี้ “โจวโจว ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” 

 

 

           เมื่อคุณพ่อถังเห็นสองแม่ลูกร้องไห้กันเงียบๆ เขาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ถังโจวโจวเอาแต่กอดและร้องไห้กับคุณแม่ถัง บรรยากาศในห้องชวนหดหู่มาก 

 

 

           หลินเหยามองดูด้วยความสะเทือนใจ เธอไม่เคยเห็นถังโจวโจวเสียใจขนาดนี้มาก่อน การสูญเสียลูกในครั้งนี้ ทำให้โจวโจวถึงกับหมดอาลัยตายอยาก 

 

 

           เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวเสียใจแบบนี้ เขาก็ยิ่งโทษตัวเอง แต่ตอนนี้คุณแม่ถังกำลังปลอบเธออยู่ เขาไม่ควรพูดแทรก ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าพอเขาเปิดปากพูด ถังโจวโจวจะยิ่งเสียใจมากขึ้น เขาทำได้แค่เพียงหันหลังและเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย ปล่อยให้พวกเธอสองคนได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน 

 

 

           หลินเหยาเห็นว่าถึงแม้ถังโจวโจวจะร้องไห้เสียใจอยู่ในอ้อมอกของคุณแม่ถัง แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเธอเริ่มจะสงบลงแล้ว หลินเหยานั่งอยู่เฉยๆ และไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อเห็นว่าพวกเธอน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน เธอจึงลุกและเดินตามลั่วเซ่าเชินออกไป 

 

 

           ทันใดนั้น ภายในห้องก็เหลือเพียงคุณพ่อถัง คุณแม่ถัง และถังโจวโจว ถังโจวโจวไม่ได้ร้องไห้หนักเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าลูกดูสงบลงแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ ลูกสาวเธอร้องไห้หนักขนาดนี้ หัวใจของเธอก็เจ็บปวดตามไปด้วย 

 

 

           แต่มันไม่มีทางเลือกอื่น ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ ถังโจวโจวอาจจะยังทำใจไม่ได้ในเร็วๆ นี้ แต่คุณแม่ถังเชื่อมั่นในตัวลูกสาวของตัวเอง นิสัยของโจวโจวจะไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ 

 

 

“โจวโจว คนดีของแม่ แม่รู้ว่าตอนนี้ลูกเจ็บปวด แต่เราต้องทำใจให้สบาย แม่พูดกับลูกได้แค่นี้ เด็กคนนี้ไม่มีวาสนากับลูก แต่แม่เชื่อนะว่าวันหน้าเขาจะกลับมาหาลูกอีก” 

 

 

คุณแม่ถังลูบศีรษะของถังโจวโจว ปลอบประโลมจิตใจของเธอ เมื่อถังโจวโจวได้ยินคุณแม่ถังพูดเช่นนี้ เธอก็รีบใช้เสียงที่แหบแห้งในลำคอเอ่ยถามทันที “แม่คะ เขาจะกลับมาจริงๆ หรือคะ” ราวกับว่าเธอหาที่พึ่งพิงทางใจเจอแล้ว 

 

 

คุณแม่ถังจัดผมที่หล่นมาปรกตรงหน้าผากให้ถังโจวโจว เธอยิ้มและพูดว่า “จริงสิ เขาจะกลับมาหาลูกอีกครั้ง ลูกจะยังไม่ทิ้งเขาใช่ไหม” 

 

 

“หนูเชื่อค่ะแม่ เขาไม่อยากจากหนูไปไหน สักวันเขาจะกลับมาหาหนู แต่แม่คะ ใจของหนูเหมือนโดนกรีด มันเจ็บจนทนไม่ไหว” ถังโจวโจวจับหน้าอก สีหน้าของเธอยังดูซีดเซียว 

 

 

คุณแม่ถังเห็นว่าถังโจวโจวเริ่มสะเทือนใจขึ้นมาอีกครั้ง เธอมองไปที่คุณพ่อถัง คุณพ่อถังสาวเท้าเดินเข้ามาและจับมือของถังโจวโจวเอาไว้ คุณพ่อถังพูดอย่างลึกซึ้ง “โจวโจวลูก โชคชะตาของคนเรานั้นแตกต่างกัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราไปบังคับมันไม่ได้” 

 

 

ถังโจวโจวพูดพึมพำทวนประโยคนั้น ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ เธอเสียใจมากขนาดนี้ เซ่าเชินเองก็น่าจะเสียใจไปไม่น้อยกว่าเธอ แต่เธอมัวแต่นึกถึงตัวเอง และตอนนี้แม้แต่คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นกังวล จู่ๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าตัวเองอกตัญญูมากเกินไป 

 

 

“พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะจัดการตัวเองให้ได้” เมื่อถังโจวโจวเห็นผมหงอกที่หลบซ่อนอยู่ในกลุ่มผมของคุณแม่ถัง เธอถึงสังเกตเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่นั้นแก่ตัวลงโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่เธอก็ยังทำให้พวกท่านไม่สบายใจอยู่ดี 

 

 

“โจวโจว ลูกพูดอะไรแบบนั้นล่ะ พ่อกับแม่ต่างหากที่โชคดี ที่มีลูกสาวอย่างลูกนะ …โจ๊กเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวแม่ให้เซ่าเชินไปซื้อให้ใหม่ ลูกต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีนะ” คุณแม่ถังพูดและเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย 

 

 

เธอเห็นลั่วเซ่าเชินยืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่คุณแม่ถังดูออก ถ้าเทียบกับถังโจวโจวที่ร้องไห้เสียงดังได้ เขากลับได้แต่ร้องไห้อยู่ในใจ คุณแม่ถังรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินน่าจะเป็นคนที่ทรมานหัวใจมากที่สุด 

 

 

คุณแม่ถังจัดระเบียบความคิดของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปสะกิดไหล่ของลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินหันหน้ากลับมาและพบว่าเป็นคุณแม่ถัง เขาก็รีบคลายปมที่คิ้วออกโดยเร็ว “คุณแม่ครับ โจวโจวเป็นยังไงบ้างครับ” ลั่วเซ่าเชินเป็นห่วงเธอมาก เขารู้ดีว่าในตอนนี้คนที่จะนำทางถังโจวโจวได้มีแค่คุณแม่ถัง แม่ของเธอคนเดียวเท่านั้น 

 

 

คุณแม่ถังนึกถึงท่าทางของถังโจวโจวที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น คิ้วของเธอก็ไม่ขมวดอีกต่อไป“วางใจเถอะ เซ่าเชิน โจวโจวพอจะทำใจได้บ้างแล้ว แต่เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย แม่รบกวนไปซื้อโจ๊กให้เธอหน่อยได้ไหม” 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินว่าถังโจวโจวดีขึ้นมากแล้ว เขาก็สบายใจขึ้น “คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ มันเป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อให้เดี๋ยวนี้ครับ” เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าคุณแม่ถังไม่ได้พูดอะไรอีก เขาก็หมุนตัวและเดินออกไปข้างนอก 

 

 

เขาลืมไปแล้วว่าเขามีผู้ช่วยพิเศษอย่างหวังหวา เขาออกไปซื้อโจ๊กให้ถังโจวโจวด้วยตัวเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า 

 

 

ลั่วเซ่าเชินรวดเร็วมาก ในไม่ช้าเขาก็ได้โจ๊กกลับมาแล้ว คุณแม่ถังเห็นว่าบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ไม่น่าแปลกใจที่เขากลับมาเร็วขนาดนี้ เขาคงวิ่งไปซื้อเลย 

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าสีหน้าของลั่วเซ่าเชินไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังพอมองออกว่าเขาหายใจไม่ค่อยทัน เขาเหมือนคนที่เพิ่งออกกำลังกายมา เมื่อเธอมองไปที่โจ๊กอุ่นๆ ที่อยู่ในมือของคุณแม่ถัง เธอก็เดาได้ไม่ยากว่าลั่วเซ่าเชินต้องไปซื้อมาด้วยตัวเองแน่ๆ 

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าที่ผ่านมาลั่วเซ่าเชินเอาใจใส่เธออยู่เสมอ แต่เธอกลับนึกถึงแต่ตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะสูญเสียลูกไป แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังคงไม่เคยละเลยเธอเลย ในขณะที่เธอเอาแต่เสียใจ ลั่วเซ่าเชินปลอบใจเธอมากมาย แต่เธอก็ไม่ฟัง เธอไม่สมควรทำแบบนั้นเลย 

 

 

ถังโจวโจวมีหลายสิ่งที่อยากจะพูดกับลั่วเซ่าเชิน แต่ตอนนี้คุณพ่อและคุณแม่ถังยังอยู่ในห้อง ถังโจวโจวจะเอ่ยความในใจก็ไม่สะดวก เธอจึงได้แต่คอยจังหวะรอคุยกับลั่วเซ่าเชินทีหลัง 

 

 

คุณแม่ถังป้อนโจ๊กถังโจวโจวทีละคำๆ จนเห็นก้นชาม คุณแม่ถังหยิบกระดาษทิชชูและเช็ดปากให้ถังโจวโจว ถังโจวโจวรู้สึกเขินอาย เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของเธอดูแลเธอราวกับว่าเธอยังเป็นเด็ก “แม่คะ พอแล้ว” 

 

 

เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าถังโจวโจวเขินอาย แล้วก็เห็นว่าลั่วเซ่าเชินมองมาทางนี้อยู่ตลอด เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาสองคนคงมีเรื่องอยากจะคุยกัน พวกเขาไม่อยู่เป็นก้างขวางคอแล้ว “เหยาเหยา ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมลูก ออกไปหาอะไรกินกับป้าดีกว่านะ” 

 

 

เมื่อหลินเหยาเห็นว่าถังโจวโจวมองมาที่เธอด้วยความซาบซึ้ง เธอก็แค่บีบมือแน่นให้กำลังใจ ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมานาน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่ “โจวโจว พักผ่อนซะนะ ฉันกลับก่อนล่ะ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่” 

 

 

“จ้ะ เหยาเหยา รีบออกไปหาอะไรกินเถอะ” เมื่อถังโจวโจวมองดูท้องฟ้าที่มืดสนิท เธอก็รู้ว่าวันนี้เธอก่อเรื่องทั้งบ่าย เหยาเหยาก็คอยเฝ้าเธอจนถึงตอนนี้ 

 

 

“เราเป็นอะไรกันยะ โจวโจว ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” 

 

 

ถังโจวโจวพยักหน้า มีคนสนิทมากมายอยู่กับเธอแบบนี้ ต่อให้เธอเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เธอก็เชื่อว่าเธอจะสามารถฝ่าฟันและเอาชนะมันได้ และความทุกข์ยากที่จะได้รับก็ให้เป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้าก็แล้วกัน 

 

 

ภายในห้องเหลือแค่ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่ข้างเตียงของถังโจวโจว เขาฉวยมือเล็กๆ ของถังโจวโจวขึ้นมาเล่น ลั่วเซ่าเชินนั่งนิ่ง ไม่พูดอะไร ถังโจวโจวเองก็เงียบ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็สัมผัสถึงความอบอุ่นของกันและกัน 

 

 

“เซ่าเชิน ฉันขอโทษนะคะ ที่รักษาลูกของเราเอาไว้ไม่ได้” ถังโจวโจวพูดไปพูดมาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอเองก็รำคาญตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อเธอนึกถึงลูกที่อยู่ในท้องของเธอมานาน จู่ๆ ก็ด่วนจากเธอไปเสียก่อนแบบนี้ เธอจึงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก 

 

 

ลั่วเซ่าเชินลูบแผ่นหลังของเธอและปลอบประโลมเธออย่างเงียบๆ ถังโจวโจวไม่ได้เสียใจนาน เธอยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะคุยกับลั่วเซ่าเชิน ถ้าเธอมัวแต่ร้องไห้ เดี๋ยวเธอก็ไม่ได้พูดมันออกมาอีก 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นเธอสงบลงแล้ว เขาก็เปิดปากพูด “โจวโจว คุณอย่าโทษตัวเองเลย คนที่ควรจะขอโทษ ควรเป็นผม ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณ บางทีเรื่องนี้มันก็อาจจะไม่เกิดขึ้น” 

 

 

ถังโจวโจวหมายจะตอบโต้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็ปิดปากเธอไว้ 

 

 

“โจวโจว ยกโทษให้ผมนะ ผมเองก็จะยกโทษให้คุณเหมือนกัน เราให้อภัยซึ่งกันและกัน แบบนี้เราจะได้ไม่เจ็บปวดและโทษตัวเองน้อยลง เรามาเชื่อมั่นด้วยกันนะว่าลูกจะต้องกลับมาเรา” 

 

 

ถังโจวโจวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันเชื่อค่ะ เซ่าเชิน คุณเองก็ต้องเชื่อเหมือนกัน” ถังโจวโจวจำเป็นต้องจับฟางเส้นนี้เอาไว้ เธอจะยืนหยัดตามความคิดนี้ ความคิดนี้เท่านั้นที่จะบรรเทาอาการเจ็บปวดของเธอได้ 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ เขาพึมพำเบาๆ ว่า “ขี้แยจริงๆ เลย วันหลังไม่ต้องร้องไห้ง่ายๆ แบบนี้แล้วนะ” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่กล้าเล่าให้ถังโจวโจวฟังว่าเขาไปร่วมงานเปิดสตูดิโอสอนเต้นของหันฮุ่ยซินมา ถ้าถังโจวโจวรู้ คงจะยิ่งเหมือนเป็นการสาดเกลือลงไปในขณะที่เธอมีบาดแผล เรื่องราวมันจะยิ่งไปกันใหญ่ เพื่อเห็นแก่ความสามัคคีในครอบครัว ลั่วเซ่าเชินจำเป็นต้องปิดมันเอาไว้ 

 

 

 

 

 

เมื่อเมิ่งชิงซีกลับมาถึงบ้าน ฉินอวิ๋นก็กำลังจะกินข้าวอยู่พอดี วันนี้เมิ่งไหวเซินติดธุระ ไม่สามารถกลับมาได้ ส่วนเมิ่งชิงซีก็ไม่ได้โทรศัพท์มาบอก ฉินอวิ๋นเลยคิดว่าเธอจะไม่กลับมา แต่ที่ไหนได้ ในขณะที่เธอกำลังจะนั่งลงกินข้าว เมิ่งชิงซีก็กลับมา 

 

 

“ชิงซี กลับมาแล้วเหรอ แม่บ้านหวัง รีบไปหยิบชามและตะเกียบออกมาอีกชุดเร็ว คุณหนูกลับมาแล้ว” 

 

 

“ค่ะ คุณนาย” เมื่อแม่บ้านหวังได้ยินอย่างนั้น เธอก็รีบเข้าไปในครัว เมิ่งชิงซีโยนกระเป๋าไว้บนโซฟาและรีบนั่งลงข้างๆ ฉินอวิ๋น 

 

 

แม่บ้านหวังหยิบชามและตะเกียบมาให้เมิ่งชิงซี เมิ่งชิงซีรอจนแม่บ้านหวังเดินออกไปแล้วจึงเปิดปากพูด “แม่คะ พ่อยังไม่กลับมาเหรอ” เมิ่งชิงซีไม่อยากให้เมิ่งไหวเซินรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป ถ้าเมิ่งไหวเซินรู้เข้า เขาจะต้องฟาดเธออย่างหนักแน่นอน 

 

 

เมิ่งชิงซีรู้จักนิสัยใจคอของคุณพ่อดี ถ้าเขารู้ว่าเธอตั้งใจทำเรื่องไม่ดี เขาจะไม่มีทางยอมวางมือง่ายๆ แน่ ดังนั้น เมิ่งชิงซีจึงไม่กล้าให้เมิ่งไหวเซินรู้เรื่องนี้ มีข่าวอะไรก็ต้องปิดเขาไว้ 

 

 

เมื่อฉินอวิ๋นเห็นว่าเมิ่งชิงซีมีสีหน้าร้อนรน อีกทั้งยังถามว่าเมิ่งไหวเซินอยู่บ้านหรือไม่ เธอก็เดาได้ในทันทีว่าลูกสาวต้องการจะพูดเรื่องอะไร “เรื่องนั้นสำเร็จแล้วเหรอ” 

 

 

ฉินอวิ๋นกระซิบถามเบาๆ แต่เมิ่งชิงซีกลับสะดุ้งตกใจ แม้ว่าเธอจะเคยปรึกษาคุณแม่ว่าเธออยากให้ถังโจวโจวแท้งลูก แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่าจะลงมือวันไหน แล้วคุณแม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอจะพูดเรื่องนี้? 

 

 

“แม่คะ ตอนนี้ถังโจวโจวยังอยู่ที่โรงพยาบาล…” เมื่อตอนที่เมิ่งชิงซีกลับมา ถังโจวโจวยังไม่ฟื้น แต่เธอก็ได้ยินสิ่งที่คุณหมอแจ้งอย่างชัดเจนว่า ถังโจวโจวแท้งลูกแล้ว