ตอนที่ 1832

 

นอกเหนือจากนี้ ราชันปีศาจตัวอื่นๆก็ได้แสดงความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาเช่นกัน พวกมันไม่ต้องการที่จะยืนรอให้เฟิงกวงหลีและราชันปีศาจตัวอื่นๆสังหารพวกมัน

 

ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างก็พุ่งทะลวงออกไป ก่อตัวกลายเป็นพายุพู่งตรงไปสู่กลุ่มของเฟิงกวงหลีและราชันปีศาจตัวอื่นๆ พื้นที่ในระยะหลายหมื่นกิโลเมตรกลายเป็นสมรภูมิรบขนาดใหญ่

 

“ทรงพลัง”

 

ปูหลิงหลงและชิงหลวนทั้งสองที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ของลูกปัดพิภพก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็นการต่อสู้ของราชันปีศาจจํานวนมากขนาดนี้นี่มันช่างเป็นการประมือของปีศาจในระดับสูงอย่างแท้จริง

 

การที่ได้เห็นการต่อสู้ของราชันปีศาจจํานวนมากเช่นนี้ สัมผัสได้ถึงความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทางสายเลือดของแต่ละตัวนั้น นี่ก็มีส่วนอย่างมากสําหรับการบ่มเพาะของพวกเธอ

 

ในช่วงเวลานี้ พวกเธอต่างก็จดจ่ออยู่กับการต่อสู้นี้ พยายามสัมผัสและทําความใจในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้

 

“เหอะ ดื้อรั้นจริงๆ พลังอํานาจที่ต่ําต้อยเช่นนี้ คิดว่าจะสามารถต่อกรกับปีศาจวายุอย่างข้าได้หรือ ช่างเป็นการประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป วันนี้ข้าเฟิงกวงหลี่จะทําให้พวกเจ้าได้รู้ว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร สิ่งใดคือสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทมนตร์ที่ไร้ขอบเขต!”

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงความสามารถศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ที่พุ่งเข้ามา เชิงกวงหลี่ก็เปล่งเสียงในลําคอไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ มันโบกมือออกไป ลูกน้องราชันปีศาจจํานวนหลายร้อยตัวของมันก็กระจายตัวไปในจุดต่างๆ จากนั้นก็รวมพลังกันในการจัดตั้งค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา

 

ภายในระยะเวลาอันสั้น พลังเวทมนตร์ที่คลุ้มคลั่งของราชันปีศาจจํานวนหลายร้อยตัวนี้ก็กอตัวกลายเป็นค่ายกลและหลั่งไหลเข้าไปในตัวของเฟิงกวงหลีทั้งหมด ทําให้มันกลายเป็นแกนกลางของค่ายกลนี้ ได้รับพลังเวทมนตร์ที่ไร้ที่สิ้นสุดไป

 

พลังเวทมนตร์และออร่าของเฟิงกวงหลี่ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับจะพัฒนาพลังอํานาจมาจนถึงระดับลงทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุด เชื่อมต่อกับการลงทัณฑ์สายฟ้าได้ลางๆ พื้นที่รอบๆปั่นป่วน บนอากาศปรากฏเป็นคลื่นระรอกมากมายขึ้นมา

 

ตึบ ตึบ ตึบ!!!

 

ในตอนนี้ ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเมืองมรกตและราชันปีศาจตัวอื่นๆได้พุ่งเข้ามาถึงตัวและระเบิดใส่เฟิงกวงหล่ทั้งหมด

 

ทันใดนั้นร่างกายของเฟิงกวงหลี่ก็มีรูจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะถูกเจาทะลวงจนกลายเป็นรังผึ้งก็ว่าได้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ต้องตายอย่างแน่นอน

 

ทว่าเห็นเพียงแค่ว่ามันไหลเวียนพลังเวทมนตร์ กระแสพลังนับไม่ถ้วนจากส่วนลึกของความว่างเปล่าเข้ามารวมตัวกัน เดิมที่ร่างของปีศาจวายุผู้นี้ที่มีรูนับไม่ถ้วนอยู่นั้น ไม่คาดคิดว่ามันจะฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาวะปกติเช่นเดิม ไร้รอยขีดข่วน เหมือนกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

 

แม้แต่ออร่าของมันก็ยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของมันดูราวกับเป็นปีศาจที่ยิ่งใหญ่ ทําให้ผู้อื่นไหวหวั่น

 

“บัดซบ นี่คือร่างกายของปีศาจวายุ”

 

จ้าวเมืองมรกตก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ประจําตัวของเฟิง

 

ไร้ตัวตน สามารถหายไปอย่างไร้ร่องรอย พลัง โจมตีปกติธรรมดาไม่สามารถทําร้ายมันได้”

 

“เพราะว่าแก่นแท้ของปีศาจวายุคือลม การที่ต้องการจะทําให้ปีศาจวายุบาดเจ็บโดยการโจมตีปกติธรรมดานั้นเปล่าประโยชน์สิ้นดี มีเพียงแค่การใช้การโจมตีทางวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถทําให้ปีศาจวายุบาดเจ็บได้และเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการสังหารฝ่ายตรงข้าม”

 

นี่คือความร้ายกาจของปีศาจวายุและเป็นความทรงอํานาจของเมืองพายุหมุน

 

ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของปีศาจวายุนี้ ส่งผลให้ปีศาจวายุแผลงฤทธิ์ในโลกปีศาจได้อย่างอิสระแทบที่จะไร้เทียมทาน ปีศาจปกติทั่วไปทําได้เพียงแค่ยอมจํานนต่อการปกครองของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ไม่กล้าที่จะต่อต้านขัดขืน

 

เพราะว่าถึงอย่างไรการโจมตีทั่วๆไปก็ไร้ประโยชน์ นี่ก็ทําให้ปีศาจวายุมีจุดยืนที่ไร้เทียมทาน ต่อให้จะรู้ว่ามีเพียงการโจมตีทางวิญญาณเท่านั้นที่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ ทว่าก็มีปีศาจ เพียงไม่มากเท่านั้นที่เชี่ยวชาญในด้านความสามารถศักดิ์สิทธิ์ประเภทวิญญาณ

 

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ต้องการให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ประเภทวิญญาณได้ผลที่ดีเยี่ยมนั้น ก็จะต้องมีพลังอํานาจทางจิตวิญญาณที่แกร่งกล้ากว่าเจ้าปีศาจวายุตัวนั้นๆ ข้อกําหนดเช่นนี้เรียกได้ว่าโหดร้ายพอสมควรส่งผลให้มีปีศาจจํานวนมากที่ไม่ใช่คู่มือของปีศาจวายุ

 

“ฮ่าฮ่า เจ้าพวกโง่ เข้ามา ดําเนินการต่อสู้ การที่ต้องการจะทําให้ข้าเฟิงกวงหลี่บาดเจ็บด้วยพลังอํานาจต่ําต้อยของปีศาจอย่างพวกเจ้านั้น ช่างเป็นความคิดที่เพ้อเจ้อสิ้นดีเป็นความ ฝันลมๆแล้งๆ ต่อให้ข้าจะยืนอยู่อย่างนิ่งเฉย ปล่อยให้พวกเจ้าโจมตี พวกเจ้าก็ทําให้ข้าบาดเจ็บไม่ได้ด้วยซ้ํา” เพิ่งกวงหลี่หัวเราะอย่างสะใจ มีท่าทางที่ยโสโอหังเพราะคิดว่าตนเองมีจุดยืนที่ไร้เทียมทาน

 

จ้าวเมืองมรกตและราชันปีศาจตัวอื่นๆก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ เต็มใจยอมรับทว่าการที่เมืองพายุหมุนกลายเป็นเผด็จการท้องถิ่นได้ มันก็มีเหตุผลอยู่ เพียงแค่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เพียงพอที่จะเอาชนะราชันปีศาจส่วนใหญ่ได้

 

“ข้าผู้นี้คือจ้าวแห่งวายุ เป็นผู้ปกครองแห่งลม เจ้าพวกไพร่ที่กล้าขัดคําสั่งของนายน้อยผู้นี้พวกเจ้าจะต้องตายไปทั้งหมด”

 

มันแสยะออกมา จากนั้นก็ประสานมือเข้าทั้งสองข้าง อักขระธาตุลมจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา

 

สายลมแห่งความวิงเวียน!

 

ทันใดนั้นกระแสพลังฉีสีเทาก็พัดไปรอบๆร่างของเฟิงกวงหลี่ ครอบคลุมพื้นที่ในระยะ หลายพันกิโลเมตรอย่างกะทันหันปีศาจที่อยู่ภายใต้ระยะรัศมีของพายุสีเทานี้ แต่ละตัวต่างก็รู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในความเวียนหัวตาลาย

 

สายลมแห่งการแช่แข็ง!

 

กระแสพลังฉีขาวก็เอ่อล้นออกมาเป็นพักๆ ดูเหมือนกับเป็นพายุหิมะก็ว่าได้ แอบแฝงไปด้วยก ระแสเย็นที่น่าสะพรึงกลัวโบกพัดไปมา แช่แข็งพื้นที่ในระยะสามหมื่นกิโลเมตร มีกลุ่มก้อนน้ําแข็งจับตัวกันที่พื้น

 

สายลมแห่งเปลวไฟโหมกระหน่ํา!

 

นี่คือกระแสพลังฉีที่ปะทุออกมาจากส่วนลึกของภูเขาไฟ นําพาพลังอํานาจเปลวไฟที่ไร้ที่สิ้นสุดมา ดูเหมือนกับเป็นการระเบิดของภูเขาไฟลูกใหญ่ก็ว่าได้ แอบแฝงไปด้วยพลังทําลายล้างระดับสุดยอด

 

สายลมแห่งอัสนี้!

 

ส่วนลึกของความว่างเปล่าก็ปรากฏรูสีดําขึ้นมามากมาย กระแสพลังฉีสีม่วงนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลออกมาขึ้นรวมกันกลายเป็นพายุ เหมือนกับเป็นพลังอํานาจของลงทัณฑ์สายฟ้าทําลายทุกสิ่งทุกอย่าง แอบแฝงไปด้วยพลังทําลายล้างที่หาที่เปรียบไม่ได้

 

กระแสพลังฉีหลากหลายประเภทปะทุออกมา กวาดผ่านทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ครอบคลุมตัวของจ้าวเมืองมรกตและราชันปีศาจตัวอื่นๆ เหมือนกับว่าพลังอํานาจของกระแสณีที่น่าสะพรึงกลัวนี้ จะต้องทําลายล้างโลกนี้ให้สิ้นซาก

 

“จบสิ้นกัน!”

 

จ้าวเมืองมรกตและราชันปีศาจตัวอื่นๆก็มีใบหน้าที่ถอดสี ซีดเซียวอย่างยิ่ง พวกมันสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพายุนี้ กําลังกวาดเข้ามา คาดการณ์ได้ว่าครั้งนี้พวกมันจะต้องบาดเจ็บล้มตายไปมาก ต่อให้จะโชคดีหลบหนีไปได้ ก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีอาการบาดเจ็บสาหัสได้

 

ส่วนเรื่องของแมลงหลุมดํานั้น พวกมันก็ไม่เหลือความหวังอีกแล้ว

 

เวลานี้พวกมันต่างก็รู้สึกผิดเป็นที่สุด หากพวกมันรู้ล่วงหน้า พวกมันจะไม่เชิญชวนเจ้าอู่ไทโต่วนี่มาอย่างแน่นอน ไม่ทันที่พวกมันจะได้เข้าไปในรังแมลงด้วยซ้ํา ก็ท้าทายศัตรูที่ร้ายกาจและทรงอํานาจเช่นนี้ ส่งผลให้พวกมันตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

 

หากมีโอกาสที่จะย้อนเวลากลับไปได้ พวกมันปรารถนาที่จะบีบคอเจ้าอู่ไทโต่วนที่สร้างความเสียหายให้กับพวกมันทั้งหมด

 

“ต้องการจะสังหารสหายร่วมเป็นร่วมตายของข้ารึ? เพิ่งกวงหลี่ เจ้านี่ช่างเสียสติโดยแท้ ถามความเห็นของข้าอู่ไทโต่วแล้วหรือยัง?!”

 

ทันใดนั้นเชี่ยปิงก็เริ่มลงมือ บางทีหากลงมือช้าไปกว่านี้ กลุ่มของเขาอาจจะถูกเจ้าเฟิงกวงหลี่นี่สังหารไปจนหมด เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

ยันต์มังกรสวรรค์บรรพกาล!

 

ท้องฟ้าในพื้นที่ระยะหนึ่งแสนกิโลเมตรมืดสลัวลง ก้อนเมฆมืดครึมเข้าปกคลุม บรรดามังกรสวรรค์บรรพกาลต่างก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มีอยู่ทั้งหมด46ตัวด้วยกัน

 

เมื่อมังกรสวรรค์บรรพกาลทั้ง46ตัวนี้ปรากฏขึ้นมา ราวกับบดบังท้องฟ้าและครอบคลุมแผ่นดิน พลังอํานาจมังกรที่ยิ่งใหญ่แผ่ออกไปรอบๆ ให้ความรู้สึกถึงตัวตนระดับสูงสุด ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตระดับต่ําใดๆก็ต้องสั่นเทิ้มเพราะความหวั่นเกรง นี่คือแรงกดดันทางสายเลือด

 

“อะไรกัน?!”

 

เดิมที่เฟิงกวงหลี่ก็บ้าคลั่งอย่างมาก มีสีหน้าที่ดุร้าย พยายามที่จะสังหารจ้าวเมืองมรกตและราชันปีศาจตัวอื่นๆภายในรวดเดียว ทว่าเมื่อรู้สึกได้ถึงออร่าของมังกรสวรรค์บรรพกาลเหล่านี้มันก็ตกตะลึงจนตาค้างและล่าถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าโจมตีออกไปอีกครั้ง

 

เพราะมันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรง หากมันกล้าทําอะไรไม่ยั้งคิด บางทีอาจจะถูกฆ่าตายในสถานที่แห่งนี้ได้ ไม่มีโอกาสเอาชีวิตรอดออกไป

 

ทว่าไม่ทันรอให้เฟิงกวงหล่ได้ตอบสนองใดๆ มังกรสวรรค์บรรพกาลทั้ง46ตัวก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กรงเล็บมังกรสวรรค์ตะปบบออกไป กระแสพลังฉีทั่วโลกรวมกันที่กรงเล็บ เหมือนกับว่ากรงเล็บยักษ์นี้ท่วมท้นไปด้วยพลังอํานาจของฟ้าดิน ราวกับไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งพลังอํานาจนี้

 

ตึบ!

 

เพียงแค่การโจมตีนี้ พายุทั้งหมดของเฟิงกวงหลี่ก็ถูกบดทําลายจนหมดสิ้นไปในทันที ราวกับเป็นหิมะที่เผชิญเข้ากับดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุ ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว