เทาเท่ส่งนานิกลับบ้านก่อน แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของหลินจือ
หลังลงจากรถหลินจือเดินตรงเข้าไปในบ้านทันที เทาเท่เดินตามหลังเธอมาติดๆ หลินจือไล่เขาไปด้วยความรังเกียจ “คุณกลับไปที่บ้านคุณเถอะ”
เทาเท่เอาแขนโอบกอดเอวเธอเอาไว้ ขณะกอดพลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ที่ที่มีคุณอยู่ ก็คือบ้าน”
เมื่อได้ใกล้ชิดกับเธอครั้งหนึ่ง ไม่มีทางจะแยกจากเธอได้ ไม่เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
คำพูดของเขาทำให้หลินจือขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว เธอทนฟังคำพูดน้ำเน่าแบบนี้ของเขาไม่ได้จริงๆ
แต่ไม่รอให้เธอได้พูดอะไรอีก เทาเท่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “รหัสบ้านของคุณก็บอกผมหมดแล้ว ผมเข้าออกได้ตลอดเวลา”
จริงๆ แล้วที่เขาพูดก็มีเหตุผล หลินจือคร้านจะโต้เถียงกับเขาเรื่องพวกนี้
หลังจากกลับมาถึงบ้านหลินจือ ถอดเครื่องประดับเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่ยืนอยู่หน้ากระจกและกำลังถอดสร้อยคอทับทิมออก เทาเท่เดินเข้ามาโอบกอดเธอจากด้านหลัง ติดหนึบจนเธอสลัดไม่หลุด
หลินจือทนไม่ไหวอีกต่อไป จ้องมองเขาผ่านกระจกแล้วต่อว่า “เทาเท่ คุณตามติดฉันทั้งวันแบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
ชายหนุ่มในกระจกเกยคางไว้บนไหล่เธอ เอ่ยอย่างไม่เอียงอายแม้แต่นิด “ไม่”
หลินจือถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณเป็นผู้ชาย ทำไมทำตัวน่าเบื่อหน่ายยิ่งกว่าผู้หญิง”
เวลาเราคบใครสักคน ผู้ชายไม่ควรตามตื้อทำตัวงี่เง่ายิ่งกว่าผู้หญิงไม่ใช่เหรอ เหตุใดเขาถึงย้อนแย้งแบบนี้ล่ะ แทบอยากจะคอยตามติดเธออยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
เทาเท่ถามเธอกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ใครเป็นคนกำหนดว่าผู้ชายจะทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญไม่ได้”
หลินจือไร้คำพูดไร้คำตอบ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเป็นคนกำหนดว่า ผู้ชายจะทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญไม่ได้อย่างที่เขาพูดจริงๆ เพียงแค่เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้เท่านั้นเอง
เทาเท่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วพูดแขวะเพื่อนตัวเอง “คุณไม่เห็นนทีบดีเหรอ เขาติดภรรยายิ่งเสียกว่าอะไร”
นทีบดีเป็นทาสภรรยาอย่างแท้จริง เมื่อก่อนเขากับโซเมนหัวเราะเยาะนทีบดีไว้ไม่น้อย ถึงขนาดไม่พอใจเพราะตั้งแต่ที่นทีบแต่งงานก็ไม่ค่อยได้มาสังสรรค์กับพวกเขา คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะเจริญตามรอยนทีบดีเสียเอง
“ฉันจะไปอาบน้ำ คุณปล่อยฉันได้แล้ว” หลินจือพูดประท้วง
เทาเท่จึงคลายอ้อมกอดลง ทว่ากลับไม่ปล่อยให้เธอเดินจากไป ชายหนุ่มหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาอย่างประณีตจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง หลังจากเปิดมันออกมาแหวนเพชรเป็๋นประกายส่องสว่างอยู่ตรงหน้า วงเล็กกระทัดรัด แต่ความเจิดจรัสของเพชรกลับแพรวพราวจนแสบตา
“ให้คุณ” เทาเท่พูดพลางหยิบแหวนเพชรออกมา พยายามเอื้อมไปสวมให้หลินจือ
หลินจือตกใจรีบชักมือตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว “คุณ จู่ๆ มาให้แหวนฉันแบบนี้ทำไม”
และอีกอย่างที่เขาพยายามสวมแหวนให้เธอเมื่อครู่เป็นนิ้วนางมือข้างซ้าย เป็นนิ้วที่ใช้สวมแหวนแต่งงาน
เทาเท่ระงับความรู้สึกเอาไว้ แล้วอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ผมเห็นว่าคุณได้เครื่องประดับมรกตจากตระกูลแม็กซิมัส ผมเลยอยากมอบของขวัญให้คุณสักชิ้น จึงให้เพื่อนช่วยไปทำแหวนวงนี้ขึ้นมา และยังเชิญนักออกแบบมาออกแบบให้อีกด้วย”
เขาไม่ยอมรับว่าที่ตัวเองสวมแหวนใส่นิ้วนางให้เธอเมื่อครู่คือการตั้งใจ
หลินจือปฏิเสธแหวนวงนี้ “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ แต่แหวนหรือสิ่งของประเภทนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเรานะ”
ในสายตาของหลินจือ ที่ผู้ชายมอบแหวนให้ผู้หญิง ประการแรกคือใช้ขอแต่งงาน และประการที่สองคือใช้เมื่อแต่งงาน หรือไม่ก็ใช้เพื่อขอเป็นแฟน
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเทาเท่เป็นเพียงแค่คู่นอนกันเท่านั้น เขามอบแหวนมีมูลค่าขนาดนี้ให้เธอ ยิ่งไม่เหมาะสม
“มีอะไรไม่เหมาะสม ผมเพียงแค่อยากให้ของขวัญคุณเท่านั้น” เทาเท่วางแหวนลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างๆ หลินจือ ไม่เห็นด้วยกับการปฏิเสธของเธอ
เขาเน้นย้ำอีกว่า “คุณย่าของคุณมอบทั้งเครื่องประดับมรกตทั้งเครื่องประดับทับทิมให้คุณ มีมูลค่ามากมายมหาศาลขนาดนั้น ไม่เหมาะที่จะใส่ในชีวิตประจำวัน คุณสวมวงนี้ในชีวิตประจำจะดีกว่า”
หลินจือหยิบแหวนขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วยื่นไปตรงหน้าเทาเท่ “คุณบอกว่าไข่นกพิราบเม็ดนี้เนี่ยนะเหมาะที่จะใส่ในชีวิตประจำวัน?”
ที่หลินจือเรียกแหวนเพชรวงนี้ว่าไข่นกพิราบนั้น ไม่พูดเกินจริงเลยสักนิด
แหวนเพชรเม็ดเป้งขนาดนี้ เขาบอกว่าเหมาะสมสำหรับการใส่ในชีวิตประจำวันงั้นเหรอ
แต่ช่างเถอะ อย่างไรซะมันก็แพงเกินไป จนแทบจะแผดเผานิ้วมือเธอได้
เธอยัดแหวนกลับคืนไปในมือของเทาเท่ “ฉันไม่ต้องการ คุณเก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ”
พูดจบเธอก็ผลักเขาออกแล้วไปอาบน้ำ เทาเท่เหลือบมองแหวนเพชรในมือตัวเอง ชายหนุ่มยกมือขึ้นมากุมหน้าผากด้วยความกลัดกลุ้ม
จากนั้นแชตถามเข้าไปในกลุ่มสี่คน “ฉันให้แหวนไปแล้ว ทำไมเธอไม่ต้องการมันล่ะ?”
ไวท์ “แหวนของนายมันดูเหมือนมีเจตนาบางอย่าง นายควรให้อย่างอื่น นายมอบแหวนให้เธอ ไม่ว่าจะดูยังไงหรือคิดยังไงก็เหมือนเป็นการให้บ่วงผูกเธอไว้”
โซเมนพูดขึ้นมาบ้าง “เธอไม่รับก็ถูกแล้ว นายลองคิดดูสิ ตอนนี้เธอรังเกียจนาย จะรับแหวนนายไว้ได้ยังไง? และอีกอย่างแหวนของนายก็คลุมเครือในตัวมันเสียขนาดนั้น”
เทาเท่ไม่ปฏิเสธ “เพราะมันคลุมเครือ ฉันก็เลยมอบมันให้เธอ อีกไม่กี่วันโนอาร์จะมา ฉันอยากให้เธอสวมมันไว้”
ที่เขาทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการประกาศอธิปไตยในทางอ้อม
นทีบดีตอบเงียบๆ “ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้หรอกนะ”
โซเมน “นายทำแบบนี้ ไม่ขอแต่งงานไปเลยล่ะวะ”
เทาเท่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แม้แต่สถานะเธอยังไม่ได้ฉันด้วยซ้ำ นายคิดว่าถ้าฉันขอเธอแต่งงานตอนนี้เธอจะตอบตกลงงั้นเหรอ”
ทั้งสามเงียบไปครู่ใหญ่ๆ หลังจากนั้นต่างคนต่างส่งสัญญาณลับที่รู้กัน และตามด้วยเสียงหัวเราะฮ่าๆๆ มาไม่หยุด หัวเราะโดยไม่เกรงใจความโศกเศร้าของเทาเท่เลยแม้แต่น้อย
โซเมน “ไอ้เท่ ดูเหมือนว่าตอนนี้ความหวังของเรามีเพียงให้นายทำหลินจือท้องแล้ววะ เสกลูกเข้าไปในท้องแล้วแต่งงานซะ”
นทีบดี “สู้ๆ”
ไวท์ “สู้ๆ”
ทั้งสามคนนี้ประเด็นไหนไม่ควรหยิบยกขึ้นมาพูด ก็พูดประเด็นนั้นขึ้นมา จิตใจของเทาเท่ยิ่งแย่ลงหนักกว่าเดิม
หลังจากที่ซูซีถูกเทาเท่ปฏิบัติต่อด้วยความเย็นชาจากข้างนอกภัตตาคาร หล่อนคับแค้นใจจนร้องไห้ออกมา
หล่อนมาระบายความทุกข์ใจกับลีวาย ลีวายจึงแนะนำไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยพูดไม่ใช่เหรอว่า หลินจือใช้วิธีการสกปรกปีนขึ้นเตียงสามีเก่าของเธออย่างหน้าไม่อาย แบบนั้นเราก็ใช้เรื่องนี้ทำให้เธอด่างพล่อยซะสิ”
“เธอตลบตะแลงปลิ้นปล้อน แน่นอนว่าทำทุกอย่างเพื่อทรัพย์สินเงินทองของสามีเก่า ยังจะบอกว่ารักเขาอีก”
กระทั่งจวบจนตอนนี้ ลีวายก็ยังไม่รู้ว่าอดีตสามีของหลินจือคือเทาเท่ ซูซีอึดอัดใจมาตลอดที่ตัวเองไม่ได้บอกรายละเอียดของเรื่องทั้งหมดกับลีวาย เพราะเกรงว่าลีวายจะหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าหลินจือได้รับการสนุนสนับจากเทาเท่ และจะไม่ร่วมมือกับหล่อนเพื่อจัดการกับหลินจืออีก
ลีวายรู้เพียงว่าอดีตสามีของหลินจือเป็นคนมีฐานะ คิดว่าเป็นเพียงลูกมหาเศษรฐีครอบครัวไหนสักครอบครัวในเมืองเจสเวิร์ด ลีวายไม่เคยคิดไปถึงความสัมพันธ์ของหลินจือกับเทาเท่ เพราะในสายตาของเธอ หลินจือไม่คู่ควร
ซูซีกัดฟันพูด “ฉันอยากเปิดเผยเรื่องนี้ของเธอตั้งนานแล้ว ทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่แท้ที่จริงแล้ว วิธีการทั้งต่ำทรามและสกปรก”
ลีวายพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นฉันจะติดต่อพวกแอคเคาท์ปล่อยข่าวให้ เรื่องนี้จะให้หล่อนมั่วหมองแน่ๆ”
“ช่างประจวบเหมาะที่ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเธอคือลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส หากเธอถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้หญิงที่วางยาอดีตสามีเพื่อปีนขึ้นเตียงเขา เกรงว่าหน้าตาของตระกูลแม็กซิมัสคงถูกเธอทำให้อับอายแทบไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีก”
“ดีมาก” เมื่อซูซีคิดขึ้นมาได้ว่า หลินจือเกี่ยวข้องกับตระกูลแม็กซิมัส ทันใดนั้นความเกลียดชังก็ปะทุขึ้นมา
ตระกูลแม็กซิมัสพวกเขาปฏิบัติกับหลินจือราวกับสมบัติล้ำค่า เวลานี้จะถูกหลินจือทำให้ติดร่างแห่ไปด้วย!