จับไทเฮาเป็นตัวประกัน

มู่หรงกวานเย่ว์สงบนิ่งมาก ในน้ำเสียงไม่มีความกลัวใดๆ

 

 

“หลิงซื่อตู๋ เจ้าช่างกล้านัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้ายอมให้ลูกน้องจี้เรา เจ้านึกว่าพวกเจ้าจะเดินออกจากวังหลวงได้หรือ”

 

 

เดินออกไปไม่ได้แน่นอน ทหารยามเฝ้าวังมากมายขนาดนี้ มั่วชิงสู้กับสามสี่คนไม่มีปัญหา มากเข้านางก็รับไม่ไหว คราวนี้เดือดร้อนจริงๆ

 

 

จื่ออีและแม่นมกุ้ยตกใจจนอึ้งไปแล้วมองมู่หรงกวานเย่ว์อย่างกังวล กลัวว่าพวกเขาจะทำให้มู่หรงกวานเย่ว์บาดเจ็บ

 

 

หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงกวานเย่ว์กับมั่วชิง เห็นตรงข้างเท้ามียาเม็ดกลิ้งมา หลิงอวี้จื้อก้มตัวลงไปเก็บมาหนึ่งเม็ด ใช้เสื้อผ้าเช็ดๆ แล้ววางลงในปากมู่หรงกวานเย่ว์

 

 

“ไทเฮาเพคะ นี่ไงเพคะยาบำรุง ข้าเช็ดให้แล้ว ไม่สกปรก”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์อยากคายออกมา มั่วชิงกดจุดมู่หรงกวานเย่ว์ นางจึงถูกบังคับให้กินยาเม็ดนี้ลงไป

 

 

สีหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์ดูไม่ได้ถึงขีดสุด หลิงอวี้จื้อเห็นสีหน้าของนางก็รู้ว่ายาเม็ดพวกนี้มีปัญหา

 

 

ยานี้มีปัญหา สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งไม่ไปในทิศทางที่ดี จับไทเฮาเป็นตัวประกันมีโทษถึงตาย คนตั้งมากมายเป็นพยานรู้เห็น จะไกล่เกลี่ยสถานการณ์อย่างไรก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้

 

 

“คุณหนู ให้ข้ารับทุกอย่างไว้เอง คุณหนูโยนมาที่ตัวข้าได้เลย คุณหนูวางใจ ตัวข้ามีทางหนีทีไล่ มิเช่นนั้นพวกเราต้องตายกันหมด”

 

 

มั่วชิงพูดเบาๆ ข้างหูหลิงอวี้จื้อ

 

 

นางไม่ปล่อยให้หลิงอวี้จื้อมีโอกาสได้ตอบ ถีบหลิงอวี้จื้อไปทางทหารยาม มู่หรงนี่อวิ๋นเพิ่งจะมาถึง ช่วยหลิงอวี้จื้อที่เกือบหกล้มไว้ได้พอดี เธอพุ่งชนอ้อมแขนของมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างจัง

 

 

“หลิงอวี้จื้อ เจ้าโดนข้าหลอกแล้ว ข้าเข้าหาเจ้าเพื่อฆ่ามู่หรงไทเฮา ตอนนี้เป็นโอกาสทอง ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร หากเจ้ายังอยากช่วยไทเฮา ข้าบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด วันนี้นางจะต้องตายแน่นอน”

 

 

หลิงอวี้จื้อตะโกนเสียงดัง

 

 

“อย่านะ มั่วชิง นางเป็นไทเฮาของราชวงศ์ปัจจุบัน เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ ตอนนี้กลับตัวยังทัน”

 

 

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์หรี่ตา หลิงอวี้จื้อคิดจะสละทหารเพื่อช่วยกษัตริย์ เรื่องนี้มีฝูงชนเป็นพยาน เซียวเหยี่ยนก็ไม่อยู่ที่นี่ นางไม่มีทางให้หลิงอวี้จื้อได้สมหวัง เธอคิดจะเอาตัวรอด ไม่มีทาง

 

 

“หากเจ้าทำร้ายเรา ทุกคนในจวนมหาเสนาบดีจะต้องตาย เจ้าจงคิดให้กระจ่างแจ้ง”

 

 

มั่วชิงย่อมไม่กล้าฆ่ามู่หรงกวานเย่ว์ต่อหน้าฝูงชน นางเป็นคนของหลิงอวี้จื้อ หากหลิงอวี้จื้อตายด้วยน้ำมือนาง หลิงอวี้จื้อกับคนในจวนมหาเสนาบดีก็ยากจะพ้นคำครหา หากมู่หรงกวานเย่ว์ยังมีชีวิตอยู่ นางก็จะสามารถรับเรื่องนี้ไปเองได้ หากตายแล้ว ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

 

เฉินมั่วฉือได้ข่าวก็รีบมา ครั้นเมื่อเห็นมู่หรงกวานเย่ว์ถูกจี้ สีหน้าก็เคร่งเครียด มั่วชิงเห็นเฉินม่อฉือ สายตาก็เคลื่อนไปที่เฉินม่อฉือ

 

 

“ฝ่าบาทมาพอดี ข้าจะปล่อยไทเฮาก็ได้ แต่ฝ่าบาทต้องฟังข้าพูดให้จบ รับปากเงื่อนไขข้าข้อหนึ่ง มิเช่นนั้นข้ากับไทเฮาจะต้องพินาศไปพร้อมกัน”

 

 

“เจ้าเป็นใคร”

 

 

“พ่อข้าชื่อหรงอิง”

 

 

ได้ยินชื่อนี้ มู่หรงกวานเย่ว์และมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นลูกสาวของหรงอิง เฉินมั่วฉิงก็ย่อมรู้ว่าหรงอิงคือใคร คนนี้ไม่ใช่สาวใช้ประจำตัวของหลิงอวี้จื้อหรอกหรือ จะกลายเป็นลูกสาวของหรงอิงได้อย่างไร

 

 

ชื่อนี้หลิงอวี้จื้อก็รู้จัก ในเมืองหลวงเรื่องราวของหรงอิงเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ดังนั้นเธอจึงเคยได้ยิน หรงอิงเป็นผู้พิพากษาท้องถิ่นที่เป็นที่รักยิ่งของประชาชน จากข้าราชการท้องถิ่นไต่เต้าจนมาเป็นนายสนองกรมราชทัณฑ์ [1] ด้วยความที่เป็นคนเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใคร ดังนั้นจึงไปขัดใจหลายคนเข้า แต่ได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญจากฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นประจำ

 

 

 

 

——

 

 

[1] นายสนองกรมราชทัณฑ์(刑部侍郎)กระทรวงราชทัณฑ์รับผิดชอบกระบวนการยุติธรรมและราชทัณฑ์ แต่ละกระทรวงจะมีหัวหน้าหนึ่งคน และมีรองหัวหน้าสองคนเรียกว่า นายสนอง