มั่วชิงกระทำความผิด

พอมาที่เมืองหลวง ฮูหยินเดิมของหรงอิงก็ป่วยตายไป

 

 

หรงอิงแต่งงานใหม่ โดยแต่งกับน้องสาวต่างมารดาของมู่หรงกวานเย่ว์ ได้ดองญาติกับมู่หรงหงจากการแต่งงานครั้งนี้ มู่หรงนี่อวิ๋นยังมีพี่ชายที่ไม่เอาไหนอีกหนึ่งคน เพราะฆ่าคนจึงได้ถูกขังอยู่ในคุกใหญ่ของกระทรวงราชทัณฑ์ มู่หรงหงกับหรงฮูหยินต่างอยากช่วยคนในตระกูลมู่หรง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความซื่อตรงเกินไปของหรงอิง อย่างไรก็ต้องตัดหัวพี่ชายคนนี้ตามกฎหมายให้ได้

 

 

จากเรื่องนี้ หรงอิงกับตระกูลมู่หรงจึงมีปมขัดแย้งกัน ภายหลังอยู่ดี ๆ หรงอิงก็ถูกมือสังหารฆ่า พอเขาตาย คนที่ฟ้องร้องเขามีเยอะมากเหลือเกิน ตระกูลหรงถูกตัดหัวทั้งตระกูล มีข่าวร่ำลือว่า บัญชีการฟ้องร้องเหล่านั้นล้วนได้รับคำชี้แนะมาจากมู่หรงหง

 

 

“พ่อข้าใช้กฎหมายอย่างเที่ยงธรรม แต่กลับมีคนลอบฆ่า ตระกูลหรงก็มีจุดจบถูกตัดหัวทั้วตระกูล ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากฝีมือของใต้เท้ามู่หรงและมู่หรงไทเฮา

 

 

“ตอนนั้นข้าออกไปหาหมอข้างนอกจึงหนีไปได้อย่างหวุดหวิด สิบปีมานี้ปิดบังชื่อแซ่มาตลอด บัญชีแค้นนี้ข้าระลึกอยู่ตลอด ข้าอยู่กับคุณหนูก็เพราะรอโอกาสได้เข้าใกล้ไทเฮาอีกครั้ง ข้าต้องการทวงความยุติธรรมให้กับพ่อข้าและตระกูลหรง ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงรื้อฟื้นคดีนี้ ข้าก็จะปล่อยไทเฮา มิเช่นนั้นข้าจะพาไทเฮาไปพบพ่อข้า”

 

 

หลิงอวี้จื้อตะลึงงัน สรุปว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง หรือว่ามั่วชิงแต่งขึ้นมาเอง เหตุใดนางถึงมีปูมหลังครอบครัวที่ซับซ้อนเช่นนี้ มิน่าถึงมีบุคลิกภาพดีเช่นนี้ ที่แท้เดิมทีก็เป็นคุณหนูใหญ่

 

 

“เรารับปากเจ้าว่าจะรื้อฟื้นคดีนี้ เจ้าปล่อยไทเฮาได้แล้ว”

 

 

เฉินมั่วฉือให้สัญญา เมื่อได้ยินเฉินมั่วฉือยินยอมรื้อฟื้นคดี มั่วชิงก็ปล่อยมู่หรงกวานเย่ว์ ฝ่ายทหารยามก็เข้าไปจับมั่วชิงอย่างเร็ว

 

 

หลิงอวี้จื้อเริ่มร้อนใจ เมื่อครู่มั่วชิงใช้ประสบการณ์ชีวิตเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ ไม่มีใครสนใจเธอในทันที เธอต้องคิดวิธีช่วยมั่วชิงออกมาให้ได้

 

 

มั่วชิงถูกนำตัวไป ตอนที่เดินผ่านหลิงอวี้จื้อ มั่วชิงพูดขออภัยหลิงอวี้จื้อว่า

 

 

“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนู ข้าใช้ประโยชน์จากท่าน”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์พ้นอันตรายแล้ว ยื่นมือโบกให้ทหารยามที่กินพื้นที่ครึ่งห้องออกไป

 

 

ทหารยามออกไปแล้ว ในตำหนักใหญ่ก็ว่างโหวงในชั่วพริบตา มู่หรงกวานเย่ว์นั่งลงบนบัลลังก์ ยังคงรักษามาดไทเฮา

 

 

“หลิงอวี้จื้อ คุกเข่าลง”

 

 

เฉินมั่วฉือกับมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็อยู่ที่นี่ หลิงอวี้จื้อจึงไม่กลัวว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะทำอะไรกับเธออีก เธอไม่ได้ต่อต้าน คุกเข่าลงทันที

 

 

“ไทเฮา ถึงแม้สาวใช้ผู้นั้นจะเป็นคนของหลิงซื่อตู๋ แต่นางเพิ่งมาเมื่อไม่นานนี้เอง หลิงซื่อตู๋ก็ถูกนางหลอก ขอไทเฮาโปรดเมตตาหลิงซื่อตู๋สักหน”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นคุกเข่าลงข้างๆ หลิงอวี้จื้อ ช่วยอ้อนวอนให้เธอ

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ทำเสียง ‘หึ’ อย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง

 

 

“นี่อวิ๋น เจ้าไม่ต้องช่วยนางพูด เรื่องจริงเป็นอย่างไร เราเห็นอยู่ สองคนนี้สมรู้ร่วมคิดกัน หลิงซื่อตู๋ เห็นอยู่ว่าเจ้าจะแต่งงานแล้ว เราก็ปรารถนาดีช่วยจัดการให้เจ้า

 

 

“เจ้ากลับซ่อนแผนร้าย เกือบจะทำลายชีวิตเรา ฝ่าบาท พระองค์ว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ถามเฉินมั่วฉือที่นั่งถัดจากนาง นางก็รู้ว่า จะลงโทษหนักก็ทำไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถแค่ปล่อยหลิงอวี้จื้อออกจากวังฉางเล่อไปแบบนี้ นายบ่าวสองคนก็เพิ่งจะแสดงละครฉากเด็ดไป

 

 

“เสด็จแม่ เราคิดว่าท่านลุงพูดมีเหตุผล ลูกสาวของหรงอิงใช้ประโยชน์จากหลิงซื่อตู๋ นางไม่รู้เรื่อง เมื่อครู่เราเห็นนางตกใจจนตะลึงไปแล้ว เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของหลิงซื่อตู๋จริงๆ เสด็จแม่ลงโทษตักเตือนสักเล็กน้อยก็พอแล้ว”

 

 

ได้ยินเฉินมั่วฉือปกป้องหลิงอวี้จื้อ มู่หรงกวานเย่ว์ก็รู้สึกไม่สบายใจ นางจงใจถามเฉินมั่วฉือ ดูท่าทางแล้วเฉินมั่วฉือยังไม่ได้ตัดใจจากแม่สาวน้อยคนนี้