ตอนที่ 211 ไฉนถึงดำลงขนาดนี้

 

 

คนอื่นไม่เข้าใจเขา แต่เฝิงเยี่ยไป๋รู้เป็นอย่างดี เจ้าว่าเขาไปหาแม่นางที่หอนางโลม ก็ไม่ผิด เขาไปแล้ว แถมไปหาไม่น้อยเสียด้วย แต่ละคนงามดั่งนางฟ้า แต่เขาไม่เคยผ่านค่ำคืนกับแม่นางคนใดเลย แตะคือแตะ แต่มักจะหยุดอย่างสมควร บางครั้งชุดก็ถอดแล้ว สติในหัวก็ตึงขึ้นมา คนก็รู้สึกตัวทันที พอรู้สึกตัวก็วิ่งหนีไป นานวันเข้า ก็บอกว่าเขาไร้ความสามารถ คำพูดนี้ช่างเสียหน้ายิ่งนัก ใครเป็นผู้ชายล้วนแต่ทนไม่ได้ แต่เหลียงอู๋เย่ว์ทนเอาไว้ แถมยังยิ้มล้อเล่นกับคนอื่น เพื่อเรื่องนี้ ท่านพ่อของเขาได้หาหมอให้เขาไม่น้อย พวกเขาตระกูลเหลียงเก่าแก่ล้วนมีลูกชายคนเดียวมาสามรุ่นแล้ว จะให้ขาดผู้สืบตระกูลที่เขานี้ไม่ได้ ผู้เฒ่าเหลียงร้อนรนยิ่งนัก แต่ในใจเหลียงอู๋เย่ว์กลับรู้สึกดีใจ เขาปกป้องร่างกายของเขาเสมือนดั่งแม่นางที่รักษาความบริสุทธิ์ หากคนในใจยังอยู่ เช่นนั้นแล้วเขาก็จะข้ามผ่านเส้นนี้ไม่ได้

 

 

เพียงแต่คำพูดนี้พูดกับเฉินยางไม่ได้ เหลียงอู๋เย่ว์เป็นคนที่เอาชนะอยู่ลึกๆ หากเจ้าพูดเรื่องของเขาไปหมดแล้ว เช่นนั้นไม่เท่ากับตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคนหรือ หน้าตาของผู้ชายสำคัญมาก โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าเว่ยหมิ่น ยิ่งจะให้เขาเสียหน้าไม่ได้

 

 

“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไร” เฝิงเยี่ยไป๋ทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ โตป่านนี้แล้ว กลับยังทำตัวเหมือนเด็กที่ยังไม่โตอยู่เช่นนั้น ไม่ทันไรก็หน้าแดง

 

 

เว่ยหมิ่นกระแอมเบาๆ ลูบใบหน้าที่แดงเรื่อ พูดกลบเกลื่อนว่า “วันนี้อากาศร้อน ข้า… เมื่อครู่ข้าเข้าวังไปพบไทเฮา เห็นเฉินยางเรียนระเบียบลำบากนัก จึง… จึงยืมคนกับไทเฮาออกมา คิดว่าอากาศที่ร้อนเช่นนี้ควรจะออกไปเล่นน้ำถึงจะถูก”

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์ก็พูดจาส่งเสริมว่า “ใช่ อากาศร้อนเช่นนี้ เล่นนน้ำเหมาะที่สุดแล้ว”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋หันไปมองเฉินยาง ดูนางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา “เพิ่งเข้าวังได้ไม่กี่วัน ไฉนถึงดำลงขนาดนี้”

 

 

แต่ละวันตากแดดอยู่เช่นนั้นจะไม่ดำได้อย่างไร ตอนที่นางส่องกระจกเองก็ยังตกใจ หนึ่งเดือนผ่านไป จะไม่ต่างจากถ่านในห้องครัวเลยหรือ แต่จะบ่นกับเฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้ นางจึงเยาะตัวเองยิ้มพูดว่า “ดำเสียที่ไหน ไฉนข้าถึงไม่รู้ ดำก็ดี ผิวกร้านก็ดี ท่านพ่อข้ามักจะว่าข้าเป็นเด็กผู้หญิงผิวกร้านเสียหน่อยก็ดี ทนหกล้ม ไม่ถึงกับเป็นโรคง่ายๆ หรอก ภูตผีปีศาจเห็นแล้วก็ยังต้องหลบ”

 

 

พูดจบก็ส่งสายตาให้เว่ยหมิ่น ส่งสัญญาณให้นางอย่าหลุดปาก

 

 

เว่ยหมิ่นกำลังจะอ้าปากพูด พอเห็นสายตาที่นางส่งมา ก็หุบปากลงอย่างเศร้าหมอง

 

 

“ไม่ได้ให้เจ้าทำงาน ยิ่งไม่ได้จะให้เจ้าลำบาก จะผิวกร้านไปทำไมกัน ไม่ใช่คนใช้เสียหน่อย” วิธีของกูกูในวังนั้นเขารู้เป็นอย่างดี เมื่อก่อนตอนที่เรียนหนังสืออยู่ในวังนั้น เวลาว่างเหล่าองค์ชายก็ชอบไปวังในดูนางกำนัล นางกำนัลที่มาใหม่ล้วนต้องเรียนระเบียบอยู่เดือนหนึ่ง ตั้งแต่คุกเข่าคำนับจนถึงท่าทางการพูดการจา แต่ละอย่างต้องฝึกฝนซ้ำๆ เช่นบนหัววางถ้วยน้ำเอย มือถือถ้วยชาที่รินน้ำชาอยู่เต็มไม่อาจขยับได้เอย เหยียบกระถางดอกไม้ผ่านท่อนซุงที่ตั้งอยู่เอย วิธีมีมากมายนับไม่ถ้วน สุดท้ายระเบียบเรียนเสร็จแล้ว ชีวิตคนก็หมดไปแล้วครึ่งชีวิต

 

 

ก่อนที่เขาจะไป ดูจากท่าทางของไทเฮาแล้วไม่น่าจะเมตตากับเฉินยาง ตอนนี้ที่เห็นอยู่ก็มีเพียงดำลงเล็กน้อย บนตัวมีบาดแผลหรือไม่ก็ยังดูไม่ออก เขากลัวเพียงว่านางจะถูกรังแกแล้วไม่ยอมบอกเขา

 

 

“ไทเฮาไม่ได้หาเรื่องเจ้ากระมัง” เขาถลกแขนเสื้อของนางขึ้น ทั้งสองแขนสะอาดเกลี้ยง ไม่เห็นมีแผลใดๆ