บทที่ 198 วางแผนจะให้คุณไปกับเขา

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขารู้ว่าหัวใจเธอต้องการอะไรด้วยหรือ?

แต่อย่างไรก็ตาม อยู่ดีๆ เขาคงไม่พูดประโยคนี้ออกมาหรอกจริงไหม?

เชอร์รีนข่มความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจไว้ สูดหายใจลึกๆ และมองไปที่เขา “เอาล่ะ คุณว่ามา”

ออกัสมองเธอด้วยดวงตาดำมืดราวกับน้ำหมึกของเขา แสดงออกอย่างสงบและลึกซึ้ง น้ำเสียงของเขาแหบพร่า สิ่งที่เขาพูดออกมากระทบหัวใจของเธอทุกคำ “ผมจะไม่ต่อสู้กับคุณเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูซารางอีก ต่อไปเธอจะเป็นของคุณ…”

ได้ยินดังนั้นเชอร์รีนก็ตกใจไปในตอนแรก แต่แล้วเธอก็ยืนนิ่งเหมือนก้อนหิน ไม่เคลื่อนไหวใดๆ

ในหัวของเธอได้ยินเพียงเสียงตูมดังสนั่น ต่อมาก็เป็นความว่างเปล่า ประโยคนั้นของเขาสำหรับเธอแล้ว มันเปรียบเสมือนระเบิดอย่างไม่ต้องสงสัย

ผ่านไปครู่ใหญ่เธอก็ยังไม่ได้สติกลับมา ยังอยู่ในท่าทางตกตะลึงงันเช่นเดิม

เขาเคยเห็นความสงบนิ่งและเย็นชาบนใบหน้าของเธอ และเคยเห็นเธอระเบิดอารมณ์เหมือนสิงโตที่ขนตั้งชูชัน แต่กลับไม่เคยเห็นเธอในสภาพเช่นนี้

ปลายนิ้วอันอบอุ่นลูบไล้เส้นผมที่แผ่สยายของเธอไปทัดไว้หลังใบหู คิ้วอันงดงามของออกัสกระตุกเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกขึ้น “อึ้งไปเลยเหรอ หืม?”

เขาเอาปลายนิ้วลูบไล้ทั่วใบหน้า ความร้อนผ่าวดั่งไฟพาความคิดที่แล่นไปไกลของเชอร์รีนกลับมาได้ในที่สุด

เธอผงะถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างทั้งสอง ยังไม่อยากจะเชื่อ “คุณมีจุดประสงค์อื่นอีกหรือเปล่า?”

“คำพูดของผมไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาอันเรียวยาวของเขาค่อยๆ หรี่ลง

“ไม่เจ้าเล่ห์ไม่ใช่นักธุรกิจ แล้วฉันก็เคยติดกับมาก่อน” เธอกล่าวตอบ “อีกอย่างฉันก็คิดไม่ออกว่าคุณทำแบบนี้มีเหตุผลอะไร”

เหตุผลที่เขาเลือกทำเช่นนี้ เลือกยอมแพ้เรื่องสิทธิ์เรื่องดูซาราง…

ลูกกระเดือกอันเซ็กซี่ของเขากระเพื่อมเล็กน้อย สายตาของออกัสลึกซึ้ง ลุ่มลึก ดั่งทะเลลึก ดั่งสายน้ำวน ราวกับมองทะลุความคิดของคนอื่น

ความคิดที่จะยอมแพ้เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูซาราง มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้

บางทีตอนที่เขารีบรุดมาที่ห้องฉุกเฉิน ได้เห็นเธอนั่งอยู่ตามลำพังบนม้านั่งยาวในทางเดินยาว ร่างเล็กบางของเธอสั่นเทิ้มเหมือนใบไม้ร่วงหล่นท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ร่วง หวาดกลัวและเกรงกลัวเช่นนั้น แต่ก็ยังกัดฟันยืนหยัด

บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ซารางตื่นขึ้นมา หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นจากหางตาของเธออย่างเงียบๆ ทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าว

และอาจเป็นไปได้ว่า เมื่อเห็นเธอออกแรงตีจนฝ่ามือของเธอกับซารางแดงก่ำและเจ็บปวด แต่ต่อมาก็เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของซารางอย่างแผ่วเบา…

“คุณไม่จำเป็นต้องคาดเดาเหตุผลว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ หรือว่าคุณไม่คิดจะรับข้อเสนอนี้?”

เขาพูดออกมา เสียงอันทุ้มต่ำแหบพร่าเล็กน้อยเตือนเธออีกครั้งว่า “ถ้าคุณยังคงสงสัยต่อไป วินาทีถัดไปผมอาจจะนึกเสียดายก็ได้…”

เชอร์รีนยังไม่ทันได้พูดอะไร มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนของออกัสก็คว้าโทรศัพท์มือถือของเธอมาไว้ในมือ แล้วเปิดโปรแกรมบันทึกเสียง

“ผมจะไม่แย่งชิงสิทธิ์การเลี้ยงดูซารางกับคุณอีกต่อไป ต่อไปเธอจะเป็นของคุณ…” เขากล่าวอีกครั้ง

เมื่อเห็นการกระทำของเขา รวมไปถึงดวงตาอันลุ่มลึกดั่งมหาสมุทร ในเวลานี้จิตใจปั่นป่วน เชอร์รีนเลือกที่จะเชื่อ “เอาล่ะ ฉันเชื่อคุณ”

สุดท้ายเธอกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่อ่อนโยน “อีกอย่าง ขอบคุณค่ะ”

นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเธอมีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามแบบนี้ ออกัสยักคิ้วเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก แต่กลับไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “แค่ขอบคุณด้วยคำพูดเท่านั้นเหรอ?”

“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ เอาที่ฉันสามารถทำได้”

แต่เขาไม่รอให้เธอพูดจบ ร่างสูงของชายหนุ่มก้มลง ริมฝีปากอันร้อนผ่าวประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอ จุมพิตอย่างดูดดื่ม

เธอตกตะลึง พอได้สติกลับมาก็ขมวดคิ้วและจับจ้องเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

แต่ออกัสกลับผละออกไป จ้องมองเธอ “แต่ว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะมาหาซารางได้ทุกเมื่อ”

“คุณเป็นพ่อของเธอ นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นคุณย่อมมีสิทธิ์มาหาซารางได้ทุกเมื่อ ฉันเห็นด้วย” เชอร์รีนกล่าว

“ตอนนี้จะไปไหน?”

“ไปเลือกว่าวให้ซาราง”

ออกจากโรงพยาบาลไปไม่ไกลจะมีร้านว่าวอยู่ร้านหนึ่ง มีว่าวสวยงามหลากหลายรูปแบบอยู่มากมาย

แต่สิ่งที่เชอร์รีนคิดไม่ถึงก็คือ เขาจะมาด้วย ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าว่าว เอามือพลิกหา

เธอเหลือบมองทางด้านหลังของเขา จากนั้นก็ถอนสายตากลับ เลือกว่าวรูปผีเสื้อที่มีสีสันสดใสและสะดุดตา

หลังจากจ่ายเงินแล้ว เธอก็เห็นเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น กำลังคุยอะไรบางอย่างกับพนักงานร้าน จึงเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ ให้ชัดเจน

“ว่าวรูปดาวแบบนี้มีแค่สีน้ำเงินเหรอ?”

“ยังมีอีกแบบเป็นสีส้ม แต่ช่วงนี้ของหมดแล้วค่ะ” พนักงานร้านมองใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า พลันหน้าแดงก่ำใจเต้นระรัว

มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนของออกัสหยิบว่าวสีน้ำเงินขึ้นมามองดูครู่หนึ่ง แล้ววางกลับลงไปที่เดิม พลางขมวดคิ้ว “สีส้ม ที่ไหนยังมีของอีกบ้าง?”

“คุณคะ ร้านว่าวของเราเป็นร้านแฟรนไชส์ เรามีอีกสาขาอยู่ที่ถนนชิดัง เดี๋ยวฉันลองโทรสอบถามให้คุณเองค่ะ?”

“อืม…” เขาตอบกลับเสียงเบาและรอคอย

แค่ซื้อว่าวอันเดียว ทำไมต้องจู้จี้จุกจิกขนาดนั้นด้วย?

เชอร์รีนกวาดสายตามองว่าวสีน้ำเงิน แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ว่าวสีน้ำเงินก็ดูไม่เลวนะ”

“ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงิน ว่าวก็เป็นสีน้ำเงิน คุณจะให้เธอเล่นว่าวหรือมองหาว่าวกันแน่?”

ได้ยินดังนั้นพนักงานร้านที่เดินเข้ามาก็กล่าวเสริม “คุณผู้ชายพูดถูกค่ะ สีของว่าวกับสีของท้องฟ้าใกล้เคียงกันเกินไป พอว่าวบินขึ้นสูงจะมองเห็นไม่ชัด”

เธอขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรดีกว่า พลางขยับเท้าเดินตรงออกไปจากร้านขายว่าว

แต่เดินไปยังไม่ถึงสองก้าวก็ถูกคว้าข้อมือไว้จากทางด้านหลัง ออกัสยักคิ้วขึ้นบอกว่า “รอแป๊บหนึ่ง”

“คุณรอไปคนเดียวเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องไปทำอีก” เชอร์รีนพูดพลางแกะมือเขาออกเบาๆ ต้องการให้เขาปล่อยมือ

แต่เขายิ้มมุมปาก ร่างสูงศักดิ์หยิ่งยโสของเขาเอนพิงเคาน์เตอร์อย่างขี้เกียจ เฝ้ามองกิริยาของเธออย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ มือของเขาไม่เพียงไม่คลายออก แต่ยังกระชับแน่นขึ้น

ในร้านยังมีคนอื่นๆ อีก เวลานี้พากันทอดสายตามองมา

มันไม่เหมาะสมที่จะฉุดกระชากลากถูกกันต่อหน้าคนอื่น เธอกัดฟันเบาๆ แล้วไม่ดิ้นอีก ถูกบังคับให้ยืนอยู่ตรงนั้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดพนักงานร้านก็นำว่าวที่เพิ่งถูกส่งมาให้เข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกับว่าวสีน้ำเงิน สีส้มมันดูสะดุดตามากกว่า

จ่ายเงินแล้วทั้งสองก็เดินออกมาจากร้านขายว่าวและกลับมาถึงห้องผู้ป่วย

ซารางตื่นแล้ว เธอกำลังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้อย่างเบื่อหน่าย เมื่อเธอเห็นว่าวทั้งสองตัว ดวงตากลมโตของเธอก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที

“ชอบอันไหน?” ออกัสยืนอยู่ข้างเตียง ถือว่าวแยกกันด้วยมือทั้งสอง

ซารางมองว่าวผีเสื้อสีสันสดใส แล้วมองไปที่ว่าวรูปดาวสีส้มแดง เธอเลียริมฝีปากและกล่าวว่า “รูปดาวค่ะ”

ได้ยินดังนั้นเขาก็เลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขามีราศีเปล่งปลั่ง ทอดสายตาไปที่เชอร์รีนอย่างภาคภูมิใจ แล้วกล่าวว่า “พูดดังๆ อีกทีซิ”

“หนูชอบว่าวรูปดาวค่ะ เหมือนสีของเปลือกส้ม ดวงดาวก็มีชีวิตชีวา” ซารางชี้ไปที่ดวงตาขนาดใหญ่ที่วาดอยู่บนดวงดาว ชอบมากจนวางไม่ลง

เชอร์รีนบังเอิญสบสายตาที่ท้าทายคู่นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอขมวดคิ้วบางๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะภาคภูมิใจอะไรหนักหนา?

หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ซารางก็ผล็อยหลับไป ออกัสรับสายโทรศัพท์แล้วเดินออกไป

การผ่าตัดขององค์ชายดำเนินการในช่วงบ่าย ระหว่างการผ่าตัด เชอร์รีนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องผ่าตัดตลอดเวลา ไม่ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลง หมอบอกเธอว่าการผ่าตัดผ่านไปอย่างราบรื่น

แต่ขาจะเคลื่อนไหวได้หรือไม่ ก็ยังคงขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวอย่างที่ได้เคยบอกไว้

เธออยู่ในโรงพยาบาลต่อเนื่องมานานหลายวัน แต่เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เธอวางแผนจะกลับบ้านในขณะที่ทั้งสองยังไม่ตื่น เพื่อไปเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วมาเปลี่ยน

กนกอรและจักรกฤษอยู่ที่บ้านทั้งคู่ พอเห็นเธอกลับมาแต่ไม่เห็นซาราง ก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

เรื่องอุบัติเหตุรถชน เชอร์รีนไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดทั้งสอง ดังนั้นจึงเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง