บทที่ 199 การแต่งงานไม่เกี่ยวข้องกับความรัก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ได้ยินดังนั้นหัวใจของกนกอรก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ “แล้วตอนนี้ซารางเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นอะไรแล้ว ใกล้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

ต่อมากนกอรก็ถามอีกว่า “แล้วองค์ชายล่ะ?”

“ขาของเขาตอนนี้ยังขยับไม่ได้ หมอบอกว่ามีโอกาสเป็นอัมพาตหรือยืนได้อย่างละเท่าๆ กัน” เธอบอกเล่าสถานการณ์จริงโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“อัมพาต?” จักรกฤษมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

ส่วนกนกอรก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน เธอบอกเชอร์รีนว่า “องค์ชายเป็นแบบนี้เพราะช่วยซาราง เขาเป็นคนจิตใจดีและเที่ยงตรง เราต้องไม่ใจร้ายกับเขา!”

เชอร์รีนพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะแม่”

“หลายปีที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับเธอและซารางอย่างไร ฉันกับพ่อของเธอรู้ดีกว่าใคร ไม่ว่าเรื่องใดจะเกิดขึ้นกับเธอก็เหมือนเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เอาใจใส่มากกว่าพวกเราเสียอีก เขาไม่สนใจเรื่องการหย่าร้างหรือเรื่องที่เธอเคยมีลูกมาก่อน ยังคงปฏิบัติต่อเธอและซารางอย่างบริสุทธิ์ใจ ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ ฉันกับพ่อของเธอก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เธอกับเขา…”

กนกอรนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “นิสัยใจคอของเขา ฉันกับพ่อของเธอมองเห็นทุกอย่าง เขาปฏิบัติกับซารางเหมือนเป็นลูกของตัวเอง เธอจะเลี้ยงซารางไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่แต่งงานไม่ได้ เธอกล้ารับประกันไหมว่าคนที่เธอจะแต่งงานในอนาคตจะดีกับซารางเหมือนองค์ชาย?”

จักรกฤษที่ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของลูกสาวเลยยังต้องเอ่ยปาก “พ่อเห็นด้วยกับคำพูดของแม่เธอ! พ่อจะไม่พูดอย่างอื่นนอกจากบอกว่า อย่าเป็นคนใจร้ายใจดำ!”

“ฉันจะพูดอีกอย่างมันอาจจะไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรนัก ขาขององค์ชายต่อไปจะเป็นอัมพาต จะคบหากับใครก็ลำบาก แม้องค์ชายจะเป็นคนซื่อตรง จิตใจดี จริงใจ หน้าตาดี แต่ตอนนี้ในความเป็นจริงจะมีผู้หญิงคนไหนยอมรับ? พอเห็นขาขององค์ชาย เธอคิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเต็มใจคบหากับองค์ชายบ้าง?” กนกอรมองไปที่เชอร์รีน แล้วพูดด้วยใจจริง “เชอร์รีน คนเราต้องมีมโนธรรม”

“แม่คะ เรื่องพวกนี้ฉันรู้ดี” สีหน้าของเชอร์รีนดูอึมครึม

ในขณะเดียวกัน ในใจเธอก็รู้ดีว่า คำถามเหล่านี้มันคือความจริง แม้ว่าพ่อแม่จะไม่พูดถึง แต่ในใจของเธอก็เริ่มตัดสินใจแล้ว

“งั้นก็ดีแล้ว ฉันกับพ่อของเธอก็ไม่ได้บังคับ เธอลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ อีกครั้ง” ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวของตัวเอง กนกอรก็ไม่อยากบังคับเธอจนเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็พอจะมองออกว่า เชอร์รีนกำลังคิดใคร่ครวญคำถามเหล่านี้อย่างจริงจังอยู่ในใจ

เธอเลี้ยงดูเชอร์รีนมาตั้งแต่เด็กจนโต นิสัยใจคอเป็นอย่างไรเธอย่อมรู้ดีกว่าคนอื่น เชอร์รีนจะไม่ทำการตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม

แต่เรื่องไหนที่เธอตัดสินใจแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะมันผ่านการทบทวนตรึกตรองอย่างรอบคอบแล้ว!

สำหรับองค์ชาย เชอร์รีนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่ความรู้สึกเช่นนั้นมันเป็นความรู้สึกดีที่มีต่อเพศตรงข้าม ไม่ใช่ความชอบ หรือความรัก!

“ฉันก็แค่อยากจะพูดประโยคสุดท้าย ความจริงถ้าคิดดีแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ลงเอยแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แต่พวกเขาก็มีชีวิตอย่างมีความสุขและเบิกบานไม่ใช่เหรอ? บางครั้ง การแต่งงานก็ไม่เกี่ยวข้องกับความรัก”

ประโยคสุดท้าย กนกอรพูดเน้นยำทีละคำอย่างชัดเจน เธอพูดอย่างจริงจังและยิ่งใหญ่

สองชั่วโมงต่อมา เชอร์รีนก็ออกจากบ้านไปโรงพยาบาล กนกอรและจักรกฤษเดิมทีได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมซารางและองค์ชายที่โรงพยาบาลด้วย แต่ก็ถูกเธอห้ามไว้ องค์ชายเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ต้องการพักผ่อน

เธอไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันที แต่แวะไปที่ร้านขายอาหารบำรุงร่างกายที่ถนนพีราก่อน ตั้งใจจะซื้ออาหารเสริมไปให้องค์ชายจำนวนหนึ่ง

แม้ว่าสินค้าที่ถนนพีราจะมีราคาแพงมาก แต่มีข้อดีคือจะไม่เจอของปลอมเด็ดขาด

หลังจากที่เดินออกมาจากร้านขายอาหารบำรุงร่างกาย เชอร์รีนก็มองไปที่บรรดาคุณหญิงที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม เธอรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกลมดีจริงๆ

เพราะที่เดินมุ่งหน้าเข้ามาคือสุนันท์

เธอเป็นคนแต่งตัวดี คนที่อยู่ในวัยกว่า 50 ปีแต่พยายามแต่งตัวให้เหมือนอายุ 30 กว่า สวมกระโปรงยาวพู่ระย้า รองเท้าส้นสูงสีเงิน แต่งหน้าประณีตงดงาม

เชอร์รีนเหลือบมองเพียบแวบหนึ่งก็ทำเหมือนไม่เห็นเธอ เธอก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า

สุนันท์ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่คุณหญิงราตรีกลับกล่าวขึ้นมาในเวลานี้ว่า “นี่คือภรรยาของคุณชายออกัสไม่ใช่เหรอคะ?”

ได้ยินดังนั้นบรรดาคุณหญิงสูงศักดิ์ก็มองพิจารณาเชอร์รีนจากหัวจรดเท้า และพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่พ้นเรื่องเธอสวมใส่แบรนด์เนมอะไร ทั้งประจบและสอพลอ

แต่สุนันท์กลับรู้สึกไม่พอใจแล้ว จึงพูดแก้ขึ้นมา “เป็นอดีตภรรยาค่ะ”

ได้ยินดังนั้นสีหน้าของบรรดาคุณหญิงสูงศักดิ์ก็เปลี่ยนไป เริ่มมองพิจารณาด้วยสายตาอีกแบบ

ในสายตามีแววเยาะเย้ยปรากฏขึ้น เชอร์รีนแค่รู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่สนใจและเดินมุ่งหน้าต่อไป

“อดีตภรรยาเหรอ? แล้วทำไมคุณหญิงเชอร์รีนไม่รีบบอกล่ะคะ เมืองS มีสตรีที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต้องการแต่งงานกับคุณชายออกัส กลับไปฉันจะไปคัดเลือกมาหลายๆ คนให้คุณชายออกัสดูตัวก่อนดีไหมคะ?” คุณหญิงสูงศักดิ์ท่านหนึ่งในนั้นพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ออกัสของเราอาจจะแต่งงานเร็วๆ นี้ ถึงตอนนั้นขอเชิญทุกท่านไปร่วมดื่มแสดงความยินดีด้วย” สุนันท์ยักคิ้วที่ละเอียดอ่อนของเธอ

“กับสตรีท่านไหน?”

“ใช่แล้ว อยากรู้จัง มีรูปให้พวกเราดูหรือเปล่า?”

“มีแน่นอน”

สุนันท์หยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างภาคภูมิใจ พลางชำเลืองมองตามหลังเชอร์รีนไปอย่างไม่แยแส ส่วนบรรดาคุณหญิงก็ผลัดกันดู

เธอเดินไปไม่ไกลนัก ดังนั้นการสนทนาของหลายคนจึงดังเข้าหูของเชอร์รีนอย่างชัดเจน

เธอมองไปทางด้านหลังด้วยหางตา เห็นรำไรว่ามีหลายคนกำลังแย่งกันดูรูปถ่าย

อืม มันน่าจะเป็นรูปออกัสกับหยาดฝนอยู่ด้วยกัน…

แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เธอไม่จำเป็นจะต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!

สี่ปีในต่างประเทศ รูปถ่ายคู่ของออกัสกับหยาดฝนก็หนาพอจะเป็นอัลบั้มได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับภาพนี้ภาพเดียวล่ะ?

เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาล ซารางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เชอร์รีนอุ้มเธอไปที่เตียงขององค์ชาย

ซารางนั่งอยู่ข้างๆ มองไปที่องค์ชายด้วยดวงตากลมโต เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา “คุณอาองค์ชายสุดยอด คุณอาองค์ชายคือวีรบุรุษ!”

องค์ชายยิ้มอย่างพึงพอใจ เอามือลูบไล้เส้นผมดำขลับอ่อนนุ่มของซาราง เธอเป็นสาวน้อยจริงๆ

“อีกอย่าง แม่จ๋าบอกว่าคุณอาจะให้ซารางขี่หลังไม่ได้ชั่วคราว แต่ซารางสามารถเข็นคุณอาองค์ชายวิ่งได้” ซารางกอดเอวองค์ชายเอาไว้แน่น “คุณอาองค์ชายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในใจของหนู!”

“แม่เป็นคนสอนหนูพูด หรือว่าหนูคิดขึ้นมาเอง?” องค์ชายรู้สึกใจอ่อน

“หนูคิดขึ้นมาเองค่ะ คุณอาองค์ชายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ พรุ่งนี้หนูจะซื้อไอศกรีมซันเดที่อร่อยที่สุดให้คุณอาองค์ชาย ดีไหมคะ?”

“หนูมีเงินเหรอ?” องค์ชายแกล้งหยอกเธอ

มือขาวนวลของซาราง ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของชุดผู้ป่วยอยู่นาน จากนั้นก็ควักเงินห้าหยวนใหม่เอี่ยมออกมา “พอไหมคะคุณอาองค์ชาย?”

“ถ้าไม่พอจะทำยังไงล่ะ?”

“ถ้าไม่พอค่อยไปขอจากคุณแม่ หนูเห็นกระเป๋าสตางค์ของคุณแม่มีเงินสีแดงเยอะแยะเลย!”

องค์ชายแบกสาวน้อยมาตั้งแต่เด็กจนโต ย่อมรู้ดีว่าเงินสีแดงที่เธอพูดถึงคือธนบัตร 100 แก่แดดจริงๆ!

เชอร์รีนนั่งปอกแอปเปิลอยู่เงียบๆ ทางด้านหนึ่ง มองดูภาพบรรยากาศอันอบอุ่นกลมเกลียวที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจสิ่งที่แม่ของเธอพูดไว้อย่างซาบซึ้ง

บางครั้งการแต่งงานกับความรักมันไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆ…

บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีที่จะมีชีวิตที่เรียบง่ายต่อไป ทันใดนั้นเธอก็อยากจะลองดูแล้ว

องค์ชายรักและตามใจซาราง เธอเห็นมันทุกอย่างและจดจำไว้ในใจ เธอเองก็ปฏิบัติกับลูกสาวแท้ๆ ของตนไปในทางเดียวกัน

เธอปอกแอปเปิลเสร็จแล้ว จากนั้นก็วางลงบนจาน ยื่นให้องค์ชายและซาราง

“เมืองทะเลหทัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นกว่าเมืองS เล็กน้อย งั้นก็ไปฟื้นฟูขาที่เมืองทะเลหทัยแล้วกัน ดีไหม?” เชอร์รีนเงยหน้าขึ้นถามองค์ชาย

“ไม่เป็นไร ผมจะอยู่ฟื้นฟูขาในเมือง S คุณพาซารางกลับไปที่เมืองทะเลหทัยแล้วกัน” องค์ชายจิ้มแอปเปิลขึ้นมาชิ้นหนึ่งใส่ปากของซาราง

เชอร์รีนอ้าปากพูดเป็นเชิงบังคับผิดปกติ “ไม่ได้ คุณต้องกลับไปที่เมืองทะเลหทัยกับเรา!”

ในใจของเธอคิดเช่นไร มีหรือองค์ชายจะไม่รู้?

เขาส่งจานในมือไปให้ซาราง แล้วมองไปที่เชอร์รีนด้วยท่าทีจริงจัง “เชอร์รีน คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับผม ถ้าผมเจอเรื่องแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่ซาราง ผมก็จะวิ่งเข้าไปช่วยเหมือนกัน คุณเข้าใจไหม?”