บทที่ 629 : หยกจักรพรรดิ!
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆ และเงียบกริบไปเมื่อครู่ เริ่มกระซิบกระซาบกันพร้อมกับถอนหายใจดัง..
“อะไรนะ? ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั๊ย? นี่เซียนหยกยอมยกหินมังกรเขียวให้กับหลิงหยุนจริงๆเหรอนี่?”
“ในที่สุดก็ยอมให้ตัดราชาหินออกดูแล้ว! แต่ยังไงก็ไม่มีทางเป็นสีเขียวไปได้หรอก?”
“นั่นสิ.. ถ้าตัดออกมาแล้วเป็นหินธรรมดา เซียนหยกก็คงต้องเสียหินมังกรให้กับเด็กนั่นไปฟรีๆ”
“แค่นี้เซียนหยกก็ขาดทุนยับเยินแล้วล่ะ.. ดูสิ.. ขายหินในรถเข็นทั้งสามคันนั้นให้หลิงหยุนเพียงแค่แปดสิบล้าน แต่พอตัดออกดูหินทุกก้อนก็กลับกลายเป็นหยกเนื้อดีทั้งนั้นเลย..
“แม้แต่เซียนหยกเองก็ยังดูไม่ออก! ดูเหมือนเขาเองก็ต้องการจะผูกมิตรกับเด็กหนุ่มนั่นอยู่เหมือนกัน..”
ซ่งเจิ้งหยางนั้นรู้จักกับเซียนหยกมานานหลายปี จึงรู้และเข้าใจอุปนิสัยของเซียนหยกเป็นอย่างดีว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่มีความจริงใจซื่อสัตย์ และไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร!
ว่ากันว่า.. หยกทุกก้อนนั้นล้วนมีพลังในตัวเอง และหยกก็มักจะเลือกเจ้าของตามคุณสมบัติของหยกแต่ละก้อน หยกเนื้อดีมักจะได้อยู่กับคนดีที่คู่ควร คนที่ไม่คู่ควรก็ยากที่จะได้หยกนั้นไปครอบครอง
ตามตำนานที่เล่าขานกันมานั้น.. ผู้ใดที่สวมใส่หยกไว้ติดกาย หากบังเอิญประสบกับหายนะ หยกก็จะมีพลังช่วยป้องกันผู้ที่สวมใส่ให้รอดพ้นภัยพิบัติ หรือหายนะต่างๆได้
ยกตัวอย่างเช่น.. บางคนสวมใส่หยกอย่างทะนุถนอม ไม่เคยให้กระทบกับของแข็งเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับปรากฏว่าหยกมีรอยร้าวที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? นั่นเป็นเพราะว่าหยกได้ช่วยรับ หรือช่วยป้องกันภัยพิบัติและหายนะที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวผู้สวมหยกไว้นั่นเอง
เซียนหยกนั้นเป็นผู้ที่รักและหลงใหลหยกเท่าชีวิต! เขาจึงเชื่อและศรัทธาในพลังของมันอย่างมาก
ครั้งแรกที่ได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการซื้อเศษหินในรถเข็นทั้งสามคันนั้น เขาเองก็เกรงว่านั่นจะเป็นหลุมพรางของหลิงหยุน จึงได้จงใจตั้งราคาไว้สูงอย่างน่าใจหายเพื่อเป็นการทดสอบหลิงหยุน
และการกระทำของเขาในตอนนั้น ก็ทำให้ซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีถึงกับขุ่นเคืองใจขึ้นมาทันที..
แต่นี่คือการพนันหิน.. ในสายตาของนักพนันหินด้วยกันนั้น หินแต่ละก้อนที่นักพนันหินแต่ละคนเลือกมา เขาจะต้องมั่นใจแล้วว่าข้างในของหินจะต้องเป็นสีเขียว ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ยินดีที่จะเสียเงินซื้อไปอย่างแน่นอน
การที่หลิงหยุนซื้อหินที่ทุกคนในที่นั้นต่างก็มองว่าเป็นเศษหินไปถึงสามคันรถ เซียนหยกก็เชื่อว่าหลิงหยุนคงต้องมีสายตาที่แหลมคมเหนือคนธรรมดา อีกทั้งเขาเป็นคนที่ซ่งเจิ้งหยางพามาที่นี่ด้วยตนเอง ย่อมจะไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน!
และในเมื่อนี่คือการทำธุรกิจ เซียนหยกก็ต้องทำตามขั้นตอนทางธุรกิจ เขาจะยอมให้ตนเองต้องขาดทุนได้อย่างไรกัน?
เพราะหากเขารู้ว่าหินในรถเข็นทั้งสามคันนี้ จะมีทั้งหยกและมรกตเนื้องาม เขาคงไม่ยอมขายให้กับหลิงหยุนอย่างแน่นอน แต่นี่มันคือการพนันหิน!
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจบอกราคาสูงไว้มากๆ และเชื่อว่าหลิงหยุนจะต้องต่อรองอย่างแน่นอน เขาเองตั้งใจว่าหากหลิงหยุนต่อรองเหลือสี่สิบล้านเขาก็จะขาย และอาจจะลดให้อีกสิบล้านเพื่อเป็นการให้หน้ากับซ่งเจิ้งหยาง และเขาจะยอมขายหินในรถเข็นพร้อมราชาหินให้กับหลิงหยุนในราคาเพียงแค่สามสิบล้านหยวน
แต่เซียนหยกกลับคิดไม่ถึงว่า.. ทันทีที่เขาบอกราคาไป ไม่เพียงหลิงหยุนไม่ต่อรองราคา แต่ยังรีบจัดการเซ็นเช็คจ่ายเงินให้กับเขาทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในช่วงเวลานั้น.. ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเหตุการณ์ ต่างก็ต้องมองว่าเซียนหยกนั้นค้ากำไรเกินควร และหลิงหยุนเองก็ช่างโง่เขลามากเหลือเกินที่ยอมจ่ายเงินซื้อ!
แต่ในเมื่อหลิงหยุนเต็มใจที่จะซื้อ และเซียนหยกก็ยินดีที่จะขาย จึงไม่มีใครกล้าขัด เพราะเป็นความเต็มใจของทั้งสองคน แม้แต่ซ่งเจิ้งหยางเองก็เข้าใจกฏของการพนันหินข้อนี้ดี มันคือการเดิมพันก่อนที่จะผ่าหินออกดู ซึ่งไม่ต่างจากการเปิดป้ายรางวัลซึ่งทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ!
และก่อนที่หลิงหยุนจะยอมให้มีการตัดหินก้อนแรกออกดูนั้น ทุกคนต่างก็เห็นตรงกันว่าหลิงหยุนจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บใจอย่างแน่นอนที่ต้องเสียเงินค่าโง่ไปจำนวนมหาศาล
แต่หลังจากที่ผ่าหินก้อนแรกออกมาแล้วเป็นสีเขียว.. ตามมาด้วยหินก้อนที่สอง.. ก้อนที่สาม.. และอีกหลายก้อน ทุกคนในที่นั้นต่างก็เริ่มเปลี่ยนความคิด และมองว่าครั้งนี้คนที่จะต้องเจ็บใจและเป็นฝ่ายเสียค่าโง่นั้น น่าจะเป็นเซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นเสียมากกว่า ส่วนหลิงหยุนนั้นเป็นฝ่ายชนะขาดลอย!
ในนาทีที่เหตุการณ์กลับตาลปัตรนั้น ทุกคนที่ต่างก็รู้ดีว่าครั้งนี้หลิงหยุนสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ส่วนเซียนหยกก็ต้งสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลเช่นกัน
แต่นี่คือการพนันหิน ในเมื่อเซียนหยกได้ขายหินทั้งหมดที่อยู่ในรถเข็นทั้งสามคันให้กับหลิงหยุนไปแล้ว ต่อให้หลิงหยุนตัดออกมาเจอเพชรก้อนใหญ่อยู่ด้านใน มันก็คือกรรมสิทธิ์ของหลิงหยุนแต่เพียงผู้เดียว
นั่นเพราะพวกเขาได้รับเงินที่สมควรได้รับไปแล้ว.. ในเมื่อทั้งคู่มีความสามารถด้อยกว่าหลิงหยุน
จนกระทั่งมาถึงช่วงเวลาในการตัดหินที่ผูกติดกันทั้งห้าก้อน และพบว่าด้านในคือหยกสีแดงเนื้อเยี่ยม ทั้งเซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นจึงยอมรับอย่างศิโรราบว่าหลิงหยุนเป็นนักพนันหินที่มีความสามารถเหนือกว่าพวกเขาทั้งคู่หลายขุม ทั้งสองคนต่างก็ชื่นชมและศรัทธาในตัวหลิงหยุนมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าในธุรกิจใหนๆ ผู้เหนือกว่าย่อมเป็นครูเสมอ และนี่เป็นหลักการที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง..
คนอย่างเซียนหยกมีหรือที่จะไม่รู้ว่า หยกสีแดงเนื้องามและมีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนั้น จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้าน และนั่นเป็นการประเมินราคาจากหยกสีแดงเพียงแค่ก้อนเดียวจากจำนวนห้าก้อนเท่านั้น..
ปัจจุบันนี้.. ในประเทศจีนยังได้จัดให้หยกสีแดงอยู่ในสิบอันดับแรกของหินล้ำค่าอีกด้วย..
และเพียงแค่ในเวลาชั่วพริบตา.. ราคาหินทั้งห้าก้อนของหลิงหยุนนั้น ก็พุ่งสูงขึ้นถึงห้าพันล้านหยวนเลยทีเดียว
ตอนนี้เซียนหยกให้ความสนใจในตัวหลิงหยุนมาก แต่ไม่ใช่เพราะมูลค่าของหินที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะความรู้ความสามารถที่เยี่ยมยอดของหลิงหยุนต่างหาก ที่สามารถคัดเลือกหยกชั้นดีได้จากกองเศษหินจำนวนมากที่อยู่ภายในลานแห่งนี้ นี่นับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างมาก! คนธรรมดาและแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีทางทำได้เช่นนี้!
แม้แต่ซ่งเจิ้งหยาง เถ้าแก่ฮั่น และมู่หลงเวิ่นฉีเอง ก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับหลิงหยุนได้!
หลังจากที่ทุกคนได้เห็นความสามารถของหลิงหยุนแล้ว เวลานี้จึงไม่มีใครกล้าคิดว่าราชาหินก้อนนี้จะไม่ใช่สีเขียวอีก!
และหากวันนี้เซียนหยกไม่ได้เห็นราชาหินถูกตัดให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วล่ะก็ จากนี้ไปเขาก็คงจะไม่มีทางได้นอนตาหลับอย่างแน่นอน และอาจจะต้องรู้สึกเจ็บปวดใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
ในเมื่อจำเป็นต้องตัดราชาหินซึ่งเป็นสมบัติของหลิงหยุน เซียนหยกจึงต้องใช้หินมังกรเขียวมูลค่าสองร้อยล้านเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน แต่ก็นับว่าคุ้มค่าหากเทียบกับมูลค่าหินเป็นพันๆล้านในมือของหลิงหยุนเวลานี้
ทุกคนที่อยู่ในลานแห่งนี้ต่างก็รอคอยการตัดราชาหินอย่างใจจดใจจ่อ..
และในเมื่อหลิงหยุนได้หินมังกรเขียวมาครอบครองแล้ว เขาจึงไม่ขัดขวางเซียนหยกในการตัดราชาหินต่อหน้าสาธารณชนอีก
เซียนหยกหันไปมองหน้าหลิงหยุนยิ้มๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องชาย.. ในเมื่อเธอซื้อราชาหินก้อนนี้ไปแล้ว เธอก็ควรจะเป็นคนตัดให้ทุกคนดูด้วยตัวเอง..”
“ได้ครับ.. ไม่มีปัญหา!”
ความจริงหลิงหยุนเองก็ต้องการจะปฏิเสธ.. แต่ดูจากจำนวนคนที่มารอดูการตัดราชาหินจนเห็นแต่ศรีษะดำไปหมดทั้งบริเวณ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังมีธุระมากมายที่ต้องไปทำแข่งกับเวลา เขาจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว!
หลิงหยุนไม่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการตัดหินแน่ แต่เขาจะใช้กระบี่ตัดแทน!
หลังจากที่หลิงหยุนรับปากจะเป็นผู้ตัดหยกด้วยตัวเอง เซียนหยกก็กระแอมเบาๆ ก่อนจะประกาศเสียงดังว่า
“ทุกท่านโปรดฟังทางนี้.. น้องชายท่านนี้จะเป็นผู้ตัดราชาหินของเขาออกดูด้วยตัวเอง และตอนนี้ราชาหินก็กำลังจะถูกเปิดเผยต่อสายตาของทุกท่านแล้ว!”
ผู้คนนับพันที่อยู่ภายในลานต่างก็พากันเบียดเสียดเพื่อที่จะเข้าไปใกล้จุดตัดหินให้ได้มากที่สุด
แต่หลิงหยุนกลับส่ายหน้าทันทีเมื่อไดยินคำสั่งว่า “จัดการเคลื่อนย้ายราชาหินไปที่เครื่องตัดหินได้แล้ว!”
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลา เขาจึงรีบร้องขัดขึ้นว่า “ไม่ต้อง.. ผมจะตัดด้วยวิธีของผม..!”
หลังจากพูดจบ.. หลิงหยุนก็เดินไปรอบๆราชาหินที่ถูกวางทอดทิ้งโดยไม่มีใครสนใจมานานหลายปี แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็เข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่ เพื่อให้หลิงหยุนสามารถทำการตัดหินได้อย่างสะดวก และตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็ปีนป่ายขึ้นไปยืนบนกองหินต่างๆภายในลานเพื่อให้สามารถเห็นได้ชัดเจนขึ้น
ระหว่างที่หลิงหยุนเดินตรงไปยังราชาหินนั้น หลงหวู่ ซ่งเจิ้งหยาง มู่หลงเวิ่นฉี เถ้าแก่ซัน และคนอื่นๆที่อยู่ด้านใน ต่างก็เดินตามหลิงหยุนไปด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น..
ส่วนตี้เสี่ยวอู๋และลูกน้องแก๊งมังกรเขียวอีกเจ็ดแปดคนไม่ได้ตาม พวกเขาต่างก็ยืนเฝ้ารถเข็นทั้งสามคันของหลิงหยุนไว้ และไม่มีใครกล้าขยับไปใหนแม้แต่คนเดียว
“กรุณาถอยออกไปให้ห่าง ผมใช้เวลาในการตัดหินเพียงแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น..”
หลิงหยุนเดินสำรวจไปรอบๆราชาหินที่สูงเท่ากับตัวเขาพร้อมกับร้องบอกทุกคนที่กำลังเดินตามเขามา
หลังจากที่เดินสำรวจจนครบหนึ่งรอบแล้ว หลิงหยุนก็เดินต่อไปอีกครึ่งรอบ จากนั้นจึงหยุดนิ่ง และเริ่มเดิมพลังลับหยิน-หยางในร่างกาย และใช้เนตรหยินหยางมองเข้าไปในเนื้อหิน..
และเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว กระบี่มังกรขาวก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน และฟันลงไปบนราชาหินที่อยู่ตรงหน้าทันที
ชัวะ!
แทบไม่ต้องพูดถึง.. การเคลื่อนไหวของหลิงหยุนนั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ.. ทุกคนต่างก็เห็นเป็นแสงสีเงินปรากฏอยู่ตรงหน้า
และเศษหินสีดำรูปครึ่งวงกลมหนาสองเซ็นติเมตรขนาดเท่าฝาหม้อครึ่งใบ ก็ร่วงลงกระแทกกับพื้นทันที..
สีเขียว.. สีเขียวเปล่งประกายสดใส.. ปรากฏสู่สายตาของทุกคนที่อยู่ในลานแห่งนั้น!
และนี่คือ.. หยกจักรพรรดิ!