บทที่ 630 : นับถือจากใจ!
หยกจักรพรรดิ!
เพียงแค่ตัดหินไปสองเซ็นติเมตร ก็เผยให้เห็นสีเขียวสุกสว่างเป็นมันวาวของหยกจักรพรรดิเสียแล้ว..
เพียงแค่หลิงหยุนตัดหยกโดยไม่ใช้เครื่องมือตัดหิน ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนได้มากแล้ว แต่นี่เขาตัดหินออกเพียงแค่เล็กน้อย กลับมีเนื้อหยกสีเขียวเข้มสวยงามปรากฏออกสู่สายตาของทุกคน!
แต่จนถึงตอนนี้.. ผู้คนต่างก็ยังงุนงงอยู่ว่า หลิงหยุนใช้เครื่องอะไรในการตัดหินแน่?
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ภายในลานกว้างต่างก็พากันอ้าปากหวอด้วยความตกใจสุดขีด และแววตาของพวกเขาต่างก็เป็นประกายสีเขียวซึ่งเกิดจากการสะท้อนของหยกจักรพรรดิ
ตั้งแต่นาทีที่หลิงหยุนซื้อราชาหินก้อนนี้ไปจนถึงตอนนี้ ก็นับว่าผ่านไปได้ครู่ใหญ่แล้ว ผู้คนที่พากันรอคอยให้ผ่าราชาหินออกดูอย่างใจจดใจจ่อนั้น แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักหยกจักรพรรดิ!
ถึงเม้ว่าทุกคนจะรู้จักหยกจักรพรรดิ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเคยพบเห็นหยกจักพรรดิของจริงมาก่อน แม้แต่ตัวเซียนหยกเองก็ตาม ที่อาจจะเคยเห็นมาบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก!
ตลอดหนึ่งนาทีที่หลิงหยุนจัดการตัดราชาหินออกจนเผยให้เห็นหยกจักรพรรดิด้านในนั้น ทั่วทั้งลานกว้างใหญ่ก็เงียบกริบไปหมด ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจดัง และเสียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นเท่านั้น
ตึง..!!
แต่จู่ๆก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณแทรกขึ้นทำลายความเงียบสงัดทั้งลานแห่งนี้..
ผู้คนต่างก็พากันมองไปยังต้นเสียง และพบว่าเป็นเซียนหยกกับเถ้าแก่ฮั่นที่ล้มตึงลงไปกองกับพื้นด้วยกันทั้งคู่..
เสียงล้มตึงนั้นไม่ต่างจากเสียงของนักมวยปล้ำตัวโตที่ถูกคู่ต่อสู้จับโยนลงพื้นเวที และแน่นอนว่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถึงเพียงนี้ ผู้ที่ล้มลงไปคงต้องเจ็บปวดมาก..
แต่ทั้งสองดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่มีท่าทีเจ็บปวดแต่อย่างใด ร่างทั้งร่างของเซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นนั้น ล้มลงในสภาพที่หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ‘พวกเจ้าสองคน.. คนหนึ่งหลงใหลหยกเท่าชีวิต อีกคนชื่นชอบมรกต หยกจักรพรรดิชิ้นนี้ทำให้พวกเจ้าตกใจถึงเพียงนี้เชียวรึ?!’
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นจึงได้เงยหน้าขึ้น ทำให้เห็นว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ต่างก็เปื้อนไปด้วยฝุ่นและคราบน้ำตา แต่ไม่ใช่คราบน้ำตาแห่งความตื่นเต้น มันคือคราบน้ำตาที่เกิดจากความเสียดายต่างหาก..
ในช่วงหลายปีมานี้ กระแสทองคำ วัตถุโบราณ ไข่มุก และหินหยก ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการมากเลยทีเดียว
หยกมีอยู่หลายชนิด ทั้งหยกเนื้อแก้ว หยกเนื้อน้ำแข็ง หยกเนื้อน้ำ หยกเนื้อน้ำผึ้ง และอื่นๆอีกมากมาย แต่ในบรรดาหยกทุกประเภทนั้น หยกเนื้อใสสีเขียวเข้มนับว่าเป็นยอดแห่งหยก และมันก็ถูกขนานนามว่าหยกจักรพรรดิ
หยกจักรพรรดินั้นจะต้องมีสีที่เขียวเข้ม แต่ใสราวกับมรกต และเงางามราวกับเคลือบไว้ด้วยน้ำมัน
ส่วนเรื่องราคาของหยกจักรพรรดินั้น.. ว่ากันว่าก้อนที่มีขนาดเท่ากำปั้นของผู้หญิงนั้น สนนราคาก็จะอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านหยวนขึ้นไป
หลังจากที่ซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีต่างก็หายตกตะลึง พวกเขาทั้งคู่จึงรีบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และกุลีกุจอเดินเข้าไปช่วยพยุงเซียนหยกกับเถ้าแก่ฮั่นลุกขึ้นจากพื้น ทั้งคู่ตื่นเต้นจนทำอะไรแทบไม่ถูก..
ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม บรรยากาศภายในลานจึงเริ่มสลัวลง อีกทั้งลานของหออวี้ติงเซวียนก็ยังไม่ได้เปิดไฟ ทำให้ประกายแสงสีเขียวจากหยกจักรพรรดิยิ่งเป็นที่สะดุดตามากยิ่งขึ้น
“หยกจักรพรรดิจริงๆเหรอนี่..? เป็นไปได้ยังไงกัน?!”
เซียนหยกร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับใช้มือที่สั่นเทาลูบไล้หยกจักรพรรดิ์ด้วยความทะนุถนอนและอ่อนโยน ราวกับว่าตนเองกำลังสัมผัสใบหน้าของหญิงอันเป็นที่รัก!
“นี่มันคือหยกจักรพรรดิจริงๆหรือนี่..?!”
“ภายใต้หินที่มีความยาวแปดเมตรแต่เดิมนั้น ที่แท้ก็ซ่อนหยกจักรพรรดิไว้ด้านในนี่เอง!”
ซ่งเจิ้งหยางเองก็แทบจะทุบอกชกหัว เขาได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจด้วยความเสียดายว่า เหตุใดเขาจึงไม่เชื่อในสัญชาติญาณและประสบการณ์ของตัวเอง? เหตุใดเขาจึงไม่ตัดราชาหินก้อนนี้ด้วยตัวเอง!?
เพราะหากตัดสินใจลงมีดตัดดูอีกเพียงแค่ครั้งเดียว ก็จะได้พบกับหยกจักพรรดิอย่างแน่นอน แต่กลับไม่มีใครยอมตัดออกดู นอกจากหลิงหยุน!
มู่หลงเฟยจื่อที่เพิ่งหายจากอาการตกใจ จึงรีบหุบริมฝีปากคู่สวยที่อ้ากว้างอยู่นานนั้นลง เธอละสายตาที่จับจ้องอยู่ที่หินสีเขียว และหันไปมองหน้าหลิงหยุนแทน
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่? เขาใช้เทคนิคอะไรในการตรวจดูหิน จึงสามารถเลือกได้หินสีเขียวไปทั้งหมด?
แม้กระทั่งราชาหินที่ถูกทิ้งร้างไม่มีใครสนใจมานาน แต่เขากลับสามารถตัดออกมาและพบว่ามันคือหยกจักรพรรดิก้อนโตอยู่ด้านใน มีอะไรบ้างที่เด็กหนุ่มคนนี้ทำไม่ได้? ความสามารถของเขานั้นช่างมหัศจรรย์และเหลือเชื่อจริงๆ!
สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้แสดงออกมานั้น ต้องเรียกว่ายิ่งกว่าเซียน!
ช่างน่าขันที่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังดูถูกเหยียดหยันเขาอยู่เลย ทุกคนต่างก็มองว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าโง่ที่กำลังจะสูญเสียเงินก้อนโต แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเงินทุกหยวนที่หลิงหยุนเสียไปนั้น กลับกลายเป็นรายได้คืนกลับมาอีกหลายร้อยเท่า นี่เท่ากับว่าเขาไม่ได้สูญเสียเงินไปแม้แต่หยวนเดียวด้วยซ้ำไป!
ใครกันแน่ที่โง่!
เวลานี้ผู้คนที่พากันดูถูกเหยียดหยันหลิงหยุนก่อนหน้านี้ ต่างก็หน้าร้อนผ่าวกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าจิวเวลรี่ นักพนันหิน หรือแม้แต่ผู้ที่เข้ามาดูเหตุการณ์ ทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ติดๆกัน..
หนุ่มเพลย์บอยหน้าโง่สองคนอย่างจูหย่งหวังและโหวเย่าจง ต่างก็งงกันเป็นไก่ตาแตก ปากของเขาอ้ากว้างขนาดเท่าไข่ห่าน และได้แต่ยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง..
จูหย่งหวังนั้นตกตะลึงจนถึงกับลืมตัวโยนหินดิบที่ตนเองเลือกมานั้นทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..
“นี่พ่อหนุ่ม.. ขายราชาหินก้อนนี้ให้กับฉันได้มั๊ย? ฉันยอมจ่ายให้ห้าพันล้านตอนนี้เลย!”
“พูดบ้าๆ หยกจักรพรรดิขนาดเท่ากำปั้นยังราคาเป็นร้อยล้าน แต่นี่ก้อนใหญ่ขนาดนี้ คุณกับเสนอราคาเพียงแค่ห้าพันล้าน? พ่อหนุ่ม.. ฉันให้หกพันล้านเลย!”
“ฉันให้เจ็ดพันล้าน..”
“หมื่นล้าน!”
………….
หลิงหยุนเพียงแค่ยืนยิ้มๆฟังการประมูลราคาหยกจักรพรรดิกันอย่างดุเดือด จากนั้นกระบี่มังกรขาวในมือของหลิงหยุนก็ขยับอีกครั้ง และหลังจากที่ฟันเข้ากับด้านข้างของราชาหิน ก็เผยให้เห็นแสงสีเขียวสุกสว่างมากยิ่งขึ้น!
ตอนนี้นอกจากด้านบนของราชาหินแล้ว หลิงหยุนก็ตัดหินด้านข้างออกอีกสองด้าน เพื่อเผยให้เห็นว่าที่แท้หินทั้งก้อนนั้นล้วนคือหยกจักรพรรดิทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นหยกที่บริสุทธิ์ และงดงามไร้ตำหนิอีกด้วย!
“แม่เจ้า!”
หลิงหยุนจัดการตอบคำถามของทุกคนด้วยการเผยให้เห็นเนื้อหยกที่ทั้งใหญ่และบริสุทธิ์ และทุกคนต่างก็รู้ว่าราชาหินก้อนนี้ได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินเป็นตัวเงินได้อีกแล้ว
“เปิดไฟ!”
หลังจากที่เซียนหยกได้สติ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่สองสามครั้งก่อนจะร้องสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเปิดไฟในลานด้านหลังของหออวี้ติงเซวียน
จากนั้นราชาหยกก็เดินถอยหลังออกจากราชาหินไปสองสามก้าว เขายืนสงบจิตสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า
“เอาล่ะทุกท่าน.. ตอนนี้ราชาหินก็ถูกเปิดเผยต่อสายตาของทุกท่านแล้ว ทุกคนคงจะคลายความสงสัย และกลับบ้านนอนตาหลับกันได้แล้ว..!”
“วันนี้จะเป็นวันที่ฉันจะต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม ตอนนี้หออวี้ติงเซวียนก็จะปิดแล้ว ขอเชิญทุกท่านกลับกันไปได้แล้ว! พบกันอีกครั้งในการพนันหินอาทิตย์หน้า!”
พูดจบ.. เซียนหยกก็สั่งให้พนักงานนำปะทัดออกมาจุดกลางลานของหอวี้ติงเซวียนทันที
“ยินดีด้วยหลิงหยุน! ฉันไม่รู้จะสรรหาคำใหนมาพูดกับเธอจริงๆ! ขอเชิญน้องชายเข้าไปคุยกันในห้องรับแขกจะดีกว่า..”
ตอนนี้เซียนหยกไม่มีอะไรจะพูดอีก และดูเหมือนจะรักษามารยาท และมีพิธีรีตองกับหลิงหยุนอย่างมาก
ครั้งนี้นับว่าเซียนหยกพ่ายแพ้และขาดทุนอย่ามหาศาล เขานั่งอยู่บนหยกจักรพรรดิก้อนมหึมาแต่กลับไม่รู้ตัวและปล่อยให้หลุดมือไปได้ เขาคงรู้สึกเสียดายจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด แต่ก็ยังคงสามารถรักษาท่าทางและอารมณ์ให้สงบนิ่งอยู่ได้
“ท่านเซียนหยกอย่าได้มีพิธีรีตองเลยครับ!”