บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 536

เอโลอิสและฌอนซึ่งยังไม่ได้ออกไปจากโรงพยาบาล พวกเขาเกือบจะล้มลงเพราะขาของพวกเขาอ่อนแรงลง หลังจากที่รู้ว่าเมเดลีนและเจเรมี่เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

พวกเขารีบมุ่งไปที่ห้องฉุกเฉินและเห็นเจเรมี่รออยู่ข้างนอก เขานั่งนิ่งซึมอยู่บนเก้าอี้ มือของเขายังมีเลือดไหลอยู่

เขาดูเย็นชาไร้หัวใจและร่างกายของเขาได้แผ่ความเย็นเยือกออกมา ด้วยบรรยากาศที่ดูขมขื่น การเข้าใกล้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนดั่งร่างกายถูกแทงด้วยรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งที่แหลมคมบนตัวเขา

เอโลอิสยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วได้ ตอนที่เมเดลีนถูกส่งไปยังเตียงผ่าตัด เจเรมี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตื่นตระหนกจนไร้ซึ่งสติ

ดูเหมือนเอโลอิสจะเข้าใจแล้วในเวลานี้ ว่าทำไมเจเรมี่จึงโกรธเธอและเมเรดิธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นเพราะว่าเขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมเดลีน

ตอนนี้เอโลอิสก็มีลางสังหรณ์เช่นกัน เธอไม่ต้องการให้ภาพเมื่อสามปีที่แล้วเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งจริง ๆ

เมื่อมองเห็นไฟสีแดงสาดส่องออกมานอกห้องฉุกเฉิน หัวใจของเอโลอิสและฌอนก็ตึงเครียด

‘เมเดลีน อย่าเป็นไรนะ ได้โปรดเถอะ อย่าลงโทษครอบครัวของคุณและลูกของคุณแบบนี้เลย…’

คาเลนและอีวอนพอรู้เรื่องว่าเมเดลีนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และขณะนี้กำลังเข้ารับการผ่าตัดในห้องฉุกเฉินอยู่ พวกเธอก็รีบไปที่นั่นด้วยความสนุกสนานในทันที

เมื่อเห็นว่าเอโออิสและฌอนอยู่ที่นั่นด้วย คาเลนก็เลือกที่จะไม่สนใจพวกเขาและเดินตรงไปหาเจเรมี่

เมื่อเห็นมือของเจเรมี่มีเลือดออก คาเลนก็ดูกังวลใจ “เจเรมี่มือแกบาดเจ็บ เราต้องห้ามเลือดก่อนนะ!”

เธอดึงเจเรมี่เข้ามาขณะที่พูด แต่ก่อนที่เธอจะแตะต้องเสื้อผ้าของเจเรมี่ เธอก็ได้ยินเขาพูดอย่างเย็นชาว่า “อยู่ให้ห่างจากฉัน”

คาเลนรู้สึกลำบากใจ และคิดว่ามันยากที่เธอจะยึดมั่นกับความโอหังของเธอต่อไป

เมื่อเห็นแบบนี้ อีวอนที่ตามมาด้วยก็หยิบทิชชู่ออกมาทันทีและเอนตัวไปหาเจเรมี่ด้วยความกังวลใจ

“เจเรมี่อย่าทำแบบนี้เลย คุณป้าเป็นห่วงพี่นะ ดูพี่สิ พี่เสียเลือดไปมากแล้ว แย่จริง ๆ เลย”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ในขณะที่จะเอื้อมมือไปเช็ดบาดแผลของเจเรมี่

แต่เธอก็ได้ยินคำตอบกลับที่เย็นชาของเจเรมี่อย่างไม่คาดคิด “ออกไป อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”

อีวอนเม้มริมฝีปากของเธออย่างกังวลใจ “เจเรมี่ ฉันก็เป็นห่วงนายเหมือนกันนะ…”

“ฉันไม่ต้องการการดูแลจากเธอ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ออกไปซะ”

“…”

“เจเรมี่ แกพูดกับอีวอนแบบนี้ได้ยังไง? เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของแกนะ!”

“ลูกพี่ลูกน้องของผมเหรอ?” ร่างสูงที่ดูหล่อเหลาของเจเรมี่ยืนขึ้นช้า ๆ นัยน์ตาลึกล้ำของเขาหลบตาลง และเงาที่ปกคลุมตัวเขาดูน่ากลัวมาก “ภรรยาของฉัน เป็นคนที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินโดยที่มีหมอกำลังต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตเธออยู่ เธออยู่ระหว่างความเป็นและความตาย ฉันได้ไปขอให้ลูกพี่ลูกน้องมาเป็นห่วงฉันเหรอ?”

“… ”

“ไปให้พ้น! ไปให้ไกล ๆ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าญาติอีก!”

เขารู้สึกขยะแขยงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นทำให้อีวอนตกตะลึงด้วยความอายและไม่พอใจ

“เธอเป็นภรรยาแบบไหนกัน? เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นมานานแล้ว และถึงกับวางยาพิษฆ่าคุณปู่ของแก มันไม่น่าแปลกหรอกที่ผู้หญิงแบบนี้จะตาย ๆ ไปหน่ะ!” คาเลนพูดอย่างขุ่นเคือง

“คาเลน คุณกำลังพูดอะไรออกมา? คุณไม่สงสารคนที่อาจจะสูญเสียชีวิตได้อย่างไร? มาพูดใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้ได้ยังไง?!” เอโลอิสและฌอนตอบกลับอย่างทันควันด้วยความโกรธ

“ที่คุณป้าพูดคือความจริง!” อีวอนร่วมวง

ปัง!

เสียงเจเรมี่ต่อยผนังด้วยกำปั้นพร้อมกับดวงตาที่เย็นชาของเขา “ถ้าคุณใส่ร้ายลินนี่อีก อย่าโทษผมที่จะไม่สนใจความสัมพันธ์ของเราอีกต่อไป!”

ปากของคาเลนสั่นระริกด้วยความตกใจ แม้แต่อีวอนเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

เอโลอิสโกรธมากและเธอกำลังจะโต้แต่ทันใดนั้นไฟในห้องผ่าตัดก็ดับลง

เจเรมี่เงยหน้าขึ้นและเห็นประตูห้องผ่าตัดเปิดออก เขาวิ่งไปหาหมอที่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวด้วยท่าทางกังวลใจ “หมอ ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ? เธอเป็นอย่างไรบ้าง!”