* * *

ดูเหมือนว่าตลอดช่วงเวลาที่ห่างกันจะมีความรู้สึกเปลี่ยนไปเกิดขึ้น เคนดูควบคุมความรู้สึกที่มีต่ออาเรียไม่ได้เท่าที่คิด

เพื่อจะให้อาเรียฟื้นตัวได้เร็วขึ้นไม่รู้ว่าเขาไปหาสมุนไพรหายากนั้นมาจากไหน วางทิ้งไว้หน้าประตูพลางถามไถ่อยู่เรื่อยๆ ว่ายังจับตัวคนร้ายไม่ได้เหรอ

หากมองภายนอกอาจจะคิดว่าภายในตระกูลเกิดเหตุร้ายขึ้นเลยต้องทำแบบนี้ แต่จะว่าไปสายตาเขาที่จ้องมองอาเรียเมื่อเธอไปเดินเล่นในสวนดูมีเล่ห์เหลี่ยมแปลกๆ

ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตามิเอลเช่นกัน

“…ดัชเชสจะเสด็จมาที่นี่จริงๆ เหรอคะ”

มิเอลส่งสายตาเย็นชาพลางตอบคำถามเอ็มม่า

“คิดว่าสถานการณ์แบบนี้จะทำอะไรได้อีกเหรอ”

ในตอนแรกคิดว่าจะตายไปแล้ว แม้จะไม่รู้ชื่อแต่ได้ยินมาว่ามันคือยาพิษร้ายแรงที่ดื่มแค่อึกเดียวก็สามารถปลิดชีพได้ทันที ดังนั้นเธอจึงมั่นใจแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมอาเรียถึงตื่นมาเป็นปกติได้ภายในสองวัน

เพราะอย่างนั้นจึงจับตัวเบอร์รี่ที่กำลังจะออกนอกเมืองเอาไว้ก่อน เพื่อสืบหาสาเหตุ แต่เบอร์รี่กลับอ่านหนังสือไม่ออก เรื่องกลับพลิกผันข่าวลือที่ไม่คาดคิดก็แพร่ไปทั่ว เพราะนางลูกโสเภณีคนเดียวทำให้ทุกฝ่ายต้องเคลื่อนไหว

ดัชเชสไอซิสที่โกรธจัดเพราะเรื่องนั้น บอกทางจดหมายรับสั่งให้เธอจบเรื่องนั้นซะไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่เธอกลับไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะข่าวลือต่างหาว่าหล่อนเป็นนางร้ายทำให้เบอร์รี่ตกใจกลัวจนต้องหนีไปสักที่

คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว

“นี่มัน… นี่มันเรื่องอะไรกัน…! ส่งจดหมายขอโทษไปให้ดัชเชสไปตั้งหลายฉบับแล้ว แต่ไม่ตอบกลับมาเลย!”

“ขะ ขอโทษด้วยนะคะ เลดี้… ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตามดิฉันจะรีบหาตัวเบอร์รี่โดยเร็ว ได้โปรดรอหน่อยนะคะ”

เอ็มม่าที่พยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงสายตาเย็นยะเยือกจากมิเอลเท่านั้น เพราะว่าเอ็มม่าแก้ตัวแบบนี้มาเป็นครั้งที่สองแล้ว

แม้จะเป็นเอ็มม่าที่คอยรับใช้แม่เธอมาก่อนก็ตาม เรื่องนี้คงปล่อยไปไม่ได้ง่ายๆ

ไม่สิ จะอยู่เฉยไม่ได้ กระทั่งเคนที่ดูเหมือนว่าจู่ๆ ก็เสียสติไป กลับออกหน้าว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาอีก

“เดี๋ยวกลับมา”

มิเอลรีบหาเสื้อคลุมนอกและสวมใส่เองทั้งที่ยังไม่ได้สั่งอะไรเอ็มม่าที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ พลางขึ้นรถม้าที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อจะออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ท่านดยุก เอ็มม่าที่น่าซีดเผือดรีบเดินตามไป

“ขออภัยด้วยนะครับ ดัชเชสฝากมาบอกว่าตอนนี้ยุ่งอยู่อาจจะเข้าพบไม่ได้ครับ ไว้จะติดต่อกลับภายหลังครับ กลับไปที่คฤหาสน์จะดีกว่าไหมครับ”

แต่เหนือความคาดหมาย เธอไม่สามารถเข้าพบดัชเชสที่คฤหาสน์ท่านดยุกได้ เพราะการจะเข้าพบดัชเชสโดยไม่ได้บอกกล่าวก่อนนั้นเป็นไปได้ยาก

มิเอลที่หน้าซีดเผือดจนแทบจะล้มลงทันที เอ็มม่าจึงรีบเอาตัวไปขวางพ่อบ้านตรงทางเข้าพลางโน้มน้าวอ้อนวอนเขา

“ขอแค่ดัชเชสพอจะมีเวลาว่างสักนิดก็ได้นะคะ ขอรอได้ไหมคะ”

“…ไม่รู้สิครับ น่าจะใช้เวลานานเลยครับ”

“ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไรก็ไม่เป็นไรค่ะ ใช่ไหมคะเลดี้”

“อะ.. อืม…”

เอ็มม่ามองตามหลังของพ่อบ้านที่จะไปถามหมอพลางบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้นปลอบมิเอลอย่างที่เคย เพราะเทพแห่งความโชคดีอยู่ข้างมิเอลอย่างไรล่ะ

ซึ่งสิ่งนั้นก็คือเชื้อสายและเกียรติยศของเธอ โชคดีที่ดัชเชสไม่ไล่เธอกลับอย่างเย็นชา ทั้งยังอนุญาตให้นั่งรอที่สวนในร่มได้

“อาจจะนานหน่อยนะคะ แต่ถ้าไม่เป็นไรก็เข้ามาด้านในได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

มิเอลจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับไปโกรธตอนไหนพลางจับมือเอ็มม่าเดินเข้าคฤหาสน์ไป โชคดีที่เหล่าข้ารับใช้ต่างยินดีที่จะต้อนรับมิเอล

ในขณะที่ดื่มชาอุ่นเพื่อลดความกังวลลง มิเอลก็ถามเอ็มม่า

“ดัชเชสจะโกรธมากหรือเปล่านะ”

“ไม่หรอกค่ะเลดี้ ได้เข้ามาถึงขนาดนี้ทั้งยังอนุญาตให้นั่งรอในสวนนี่ด้วยนี่คะ”

“คงจะอย่างนั้นสินะ ดัชเชสใจดีนี่นา ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นด้วยใช่ไหมนะ”

“แน่นอนสิคะ ยิ่งไปกว่านั้นเลดี้ก็ได้รับแหวนสัญญาที่จะได้เป็นดัชเชสในอนาคตแล้วนี่คะ”

“ใช่แล้วล่ะ”

เพราะมิเอลไม่เคยไม่เคยได้รับความเกลียดชังหรือการปฏิเสธจากใครมาก่อนทำให้เอ็มม่าเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงใจเลย กว่าดัชเชสจะปรากฏตัวพระอาทิตย์ก็เกือบตกดินแล้ว

“…ดัชเชสไอซิส!”

มิเอลที่เรียกชื่อของเธอเผยสีหน้าเศร้าเนื่องจากรอนานกว่าที่คิด แต่ไอซิสไม่ได้สนใจเท่าไรนักพลางทักทายพอเป็นพิธีพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามมิเอล

ดูเหมือนว่าเธอจงใจจะทำให้รู้ว่ายุ่งแค่ไหน เธอเช็กเวลาจากข้ารับใช้พร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ฉันทำให้ต้องรอนานเลยสินะคะ ถ้านัดก่อนสักหน่อยก็น่าจะดีค่ะ ทำไมถึงได้มาอย่างเร่งด่วนขนาดนี้กันล่ะ… มีเรื่องอะไรเหรอคะ”

“เอ่อ… คือว่า…”

ถึงจะมาหาแต่ว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรจะบอกมิเอลจึงได้แต่พูดอ้ำอึ้งอยู่ สายตาที่เย็นชายิ่งกว่าลมในฤดูหนาวของไอซิสจ้องไปที่มิเอลอยู่พักใหญ่

เอ็มม่ามองมิเอลที่ขอบตาแดงก่ำเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงจากหญิงที่เคยแสดงด้านอ่อนโยนอยู่เสมอรีบก้มลงหมอบที่พื้นแทนเธอ มิเอลตกใจจนเรียกชื่อเอ็มม่าเบาๆ

“อะไรนะ”

“ขะ ขอโทษด้วยนะคะ! ทุกอย่างเป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ! ต้องคอยอยู่เช็กงานจนจบเรียบร้อยแท้ๆ ดิฉันใจร้อนเกินไปเองค่ะ!”

ไอซิสที่มองท่าทางที่ไม่คาดคิดของเอ็มม่าที่ลงไปหมอบอยู่ที่พื้นพลางยกยิ้มขึ้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน มิเอลจ้องไอซิสราวกับคาดหวังว่าเธอจะยกโทษให้

“รู้แล้วล่ะ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องขอให้ยกโทษให้หรอก”

เอ็มม่าที่รู้สึกตื้นตันใจจากเสียงปนเอ็นดูของเธอจึงสะอื้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาจะลำบากใจมาก

ใบหน้าที่ใจดีของไอซิสทำให้มิเอลหลงคิดว่าจะข้ามเรื่องนี้ไปแบบไม่สนใจอย่างเคย

“แต่เรื่องที่เริ่มไปแล้วก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย ถ้าอย่างนั้นเอ็มม่าจัดการก็ได้นี่”

“…คะ”

“เหมือนจะเห็นจากจดหมายว่าเบอร์รี่หนีไปหาไม่เจอนี่คะ… ไม่ใช่เหรอคะ เลดี้มิเอล”

แต่ดูเหมือนว่ามิเอลจะรับคำพูดที่ออกมาจากปากของไอซิสได้ยาก บอกให้เอ็มม่าจัดการเนี่ยนะ ทำได้อย่างไรกัน

ไอซิสอธิบายให้กันพวกเธอที่พูดอะไรไม่ออก

“หากสำเร็จเป้าหมายนั้นได้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องการมากกว่านี้แล้ว บรรยากาศตอนนี้ยิ่งทำให้กดดัน* เพราะฉะนั้น…”

สายตาของไอซิสที่หันไปมองมิเอลอยู่ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนไปมองเอ็มม่า

หรือว่า คงไม่ใช่แน่ เอ็มม่าตกใจจนเผลออ้าปากสั่นอยู่อย่างนั้น

“ก็ต้องมีคนออกหน้าว่าเป็นคนร้ายนี่คะ”

“…ดัชเชสไอซิส!”

มิเอลตกใจจนรีบลุกขึ้นไปยืนข้างไอซิส แม้ว่าเรื่องนี้จะสมควรทำอย่างที่ว่าก็ตาม แต่เธอไม่สามารถปล่อยเอ็มม่าที่คอยดูแลเธอเหมือนแม่ไปได้

ราวกับรอโอกาสโดยบอกว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวอาจจะสืบมาถึงต้นตอได้ ทั้งยังเตรียมที่จะอธิบายทางออก หากออกหน้าว่าเป็นคนร้ายล่ะก็คงตายไม่ดีแน่

“น่าจะมีทางอื่นไม่ใช่เหรอคะ เอ็มม่า… เอ็มม่าไม่ได้นะคะ”

มิเอลทำหน้าเหมือนจะร้องออกมาเดี๋ยวนั้น

“จริงหรือคะ ชาวบ้านต่างพูดชื่อเอ็มม่าแล้วนี่ จะให้หาทางไหนอีกเหรอคะ”

ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย มิเอลจึงรีบใช้สมองคิด

ต้องมีวิธีอื่นสิ มิเอลคิดอย่างกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่ง ราวกับคิดอะไรดีๆ ออกจึงเปิดปากพูด

“ขู่มกุฎราชกุมารดีไหมคะ”

ความคิดโง่เขลาที่พูดออกมาทำให้ไอซิสเบ้ปากพลางตอบ

“เลดี้ยังคิดว่าฉันยังมีอำนาจอยู่สินะคะ”

จากนั้นมิเอลก็นึกได้ว่าเพราะเล่ห์เหลี่ยมของฝ่าบาททำให้กลุ่มชนชั้นสูงต้องลำบากกันไปเสียหมดจึงรีบขอโทษเธอ เป็นเพราะเร่งรีบอยากจะช่วยเอ็มม่าจนไม่ได้วิเคราะห์สถานการณ์ให้ดีก่อน แม้จะรู้อยู่ว่าดัชเชสต้องยุ่งแบบนี้เพราะใครแต่ยังพูดเรื่องโง่ๆ แบบนั้นออกมาได้

ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ไปซิสพูดเรื่องนี้ออกมา ดูเหมือนว่าจะพยายามวางแผนทำให้เรื่องจบโดยการเสียสละชีวิตข้ารับใช้คนหนึ่ง

“เพียงแค่รบกวนเรื่องเล็กๆ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์แค่นั้นเอง กลับเพิ่มเรื่องให้ต้องกังวลแบบนี้ ฉันรู้สึกปวดใจจังเลยค่ะ”

มิเอลก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เพราะเธอก็คิดอยากจะกำจัดนางนั่นมาตลอด เพียงแค่ไม่มีใครมาทำแทนให้อย่างเต็มใจก็เท่านั้น

และยังเคยคิดอวดดีคิดว่าเรื่องนี้จะทำได้ง่ายๆ ไม่ใช่นางลูกโสเภณีที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษไม่ใช่หรอกเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นเอ็มม่าก็เชื่อใจที่เบอร์รี่บอกว่าหากเรื่องนี้ล้มเหลวเธอจะใช้มีดแทงจัดการให้สิ้นซาก

แต่เบอร์รี่กลับเข้าใจผิดคิดว่าทำสำเร็จจึงรีบหนีไปอย่างนั้น ทำให้เรื่องต้องยุ่งเหยิงแบบนี้ ถ้านางสารเลวนั่นไม่ล้มลงไปเรื่องก็เสร็จเรียบร้อยแล้วแท้ๆ

“ถ้าอย่างนั้นจะลองไปหาคนอื่นมาช่วยนะคะ เอ็มม่า…. เอ็มม่า ไม่ได้จริงๆ ค่ะ…”

ยังคงทิ้งคำถามว่าท้ายที่สุดแล้วจะสามารถช่วยได้หรือไม่ แต่ก็ไม่สามาถปล่อยเอ็มม่าไปแบบนี้ได้จึงลองพูดไปอย่างนั้นก่อน ไอซิสก็ตอบรับอย่างดีพลางพยักหน้าให้

“ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามนั้นเลยค่ะ ไม่ได้ไม่พอใจอะไรเอ็มม่าสักหน่อย เพียงแค่หวังว่าหล่อนจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นเท่านั้นเองค่ะ”

แม้ไอซิสจะคิดว่านอกจากเอ็มม่าแล้วก็ไม่มีใครสามารถจัดการงานนี้ได้อย่างหมดจด แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากปล่อยความโกรธลงกับมิเอลอย่างไร้ประโยชน์ จึงรีบปั้นสีหน้าอ่อนโยนขึ้น

“เดี๋ยวเลดี้ก็จะรู้ค่ะ จะให้เรื่องแบบนี้มาทิ้งด่างพร้อยไว้ไม่ได้อย่างไรล่ะคะ”

“ค่ะ….”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นเรื่องที่ออกจะมีบ่อย อีกเดี๋ยวออสการ์ก็จะกลับมาแล้ว ต้องรีบสะสางเรื่องกวนใจได้แล้วใช่ไหมล่ะคะ”

มิเอลตอบคำปลอบที่ปนกับคำเกลี้ยกล่อมของเธอพลางพยักหน้าช้าๆ ตามที่ดัชเชสพูด เธอต้องจัดการสะสางเรื่องนี้ก่อนออสการ์จะกลับมา

เธอได้รับโอกาสสุดท้ายจึงรีบกลับไปยังคฤหาสน์ ตอนนี้ต้องหาแพะมารับหน้าจัดการเรื่องให้เสร็จสิ้น แทนเบอร์รี่ที่หนีไป

ในระหว่างที่ไอซิสกำลังเพลิดเพลินกับชาในสวนที่ไม่มีมิเอลอยู่แล้ว พ่อบ้านก็นำจดหมายมาให้เอหนึ่งฉบับ

เป็นจดหมายที่ปิดผนึกด้วยครั่งสีทองที่สง่างาม เป็นสัญลักษณ์ที่หาดูไม่ได้ในอาณาจักรนี้ สีหน้าของพ่อบ้านที่ส่งจดหมายให้เต็มไปด้วยความกังวล

“เป็นจดหมายที่กำลังรออยู่เลย ขนาดฝ่าบาทยังต่อต้านอย่างหยาบคายแบบนี้ ฉันก็ไม่มีเลือกทางอื่นไม่ได้แล้วล่ะ”

“เลดี้…”

ขณะที่พ่อบ้านกำลังจะบอกอะไรไอซิส แต่เห็นเธอทำหน้าเย็นชาจึงปิดปากและเดินออกจากสวนไป

ไอซิสอ่านเนื้อความจดหมายพร้อมกับค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น

* * *

อาเรียที่ได้ยินมิเอลรีบออกไปข้างนอกไม่สมกับที่เป็นหล่อนจึงเรียกคนมา

จอห์นที่เคยเป็นองครักษ์ดูมิเอลอยู่หลายครั้ง ความสามารถของเขาไม่พอที่จะคุ้มกันให้อาเรีย แต่สามารถสืบร่องรอยของมิเอลได้อย่างง่ายดาย

“คฤหาสน์ดยุกเฟรดเดอริกเหรอ…”

“ใช่ครับ เดินทางไปยังคฤหาสน์ท่านดยุกครับ ดูจากที่รอมาพักใหญ่แล้วแต่ก็ไม่ออกมาแบบนี้น่าจะคุยเรื่องสำคัญอยู่น่ะครับ”

จอห์นที่ดูเหมือนจะไม่อยากให้ถูกตำหนิว่าทำไมถึงมาช้าจึงบอกสาเหตุก่อน อาเรียจึงยื่นเหรียญทองให้หนึ่งเหรียญเป็นการตอบแทนค่าเหนื่อย

“ไปอีกครั้งแล้วรอจนกว่าจะออกมาดีไหมครับ”

จอห์นที่พอใจกับค่าเหนื่อยที่พอดีถามอีกครั้ง ก็ไม่เลว อาเรียคิดอย่างนั้นพลางพยักหน้าทันใดนั้นรถม้าก็เดินทางไปยังคฤหาสน์ท่านดยุก

‘ทำไมถึงไปพบดัชเชสนะ’

ตั้งใจจะไปหาข้อเสนอ หรือว่าแค่เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่สิ สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่เป็นไปอย่างที่หล่อนต้องการ คงไม่มีเวลาว่าแบบนั้นหรอก ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เธอคิดว่าดัชเชสอาจจะเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วยก็ไม่รู้

‘แต่ทำไมกัน เธอน่าจะยุ่งจนไม่มีเวลาลืมตาอ้าปากนี่’

หมายความว่าพวกชนชั้นสูงถูกกระจัดกระจายไป และในสถานการณ์ที่ฝ่าบาทกำลังลำบากอยู่แบบนี้ก็เพื่อจัดการหญิงโสมมต้นกำเนิดต่ำต้อยนั้นเสียเวลาโดยไร้ค่าอย่างนั้นหรือ

แม้จะคิดหาสาเหตุก็ไม่ได้คำตอบ ดัชเชสที่คิดว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงส่งก็ไม่ได้พิเศษเท่าไรนัก

‘มิเอล ถึงขนาดขอความช่วยเหลือจากดัชเชสแบบนั้น สงสัยจริงๆ ว่าแกจะหาทางออกไหนมาใช้’

ในขณะที่กำลังอ่านจดหมายที่มาถึงด้วยความโล่งใจ ก็ได้ยินเสียงรถม้าของใครที่มาถึง สงสัยว่ามิเอลจะมาถึงแล้วอย่างนั้นเหรอจึงเปิดหน้าต่างออกไปดู ทันใดนั้นก็เห็นท่านเคานต์และเคนที่ออกไปด้วยกันเดินทางมาถึง

“…!”

ไม่รู้ทำไมทันทีที่เขาลงมาจากรถม้าก็มองขึ้นมายังจุดที่ห้องของอาเรียอยู่ ทำให้เธอสบตากับเขาโดยไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดไม่ฝันว่าอาเรียจะอยู่ที่หน้าต่างจึงรีบหลบสายตาลงทันที

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาไม่ได้เข้ามาในคฤหาสน์ กลับไม่ขยับไปไหนพลางยืนมองด้วยสีหน้าที่แปลกๆ ราวกับต้องการจะเช็กให้แน่ใจ

‘แค่เกลี้ยกล่อมให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจจะเห็นฉากที่มิเอลถูกประณามก็เป็นได้’

อาเรียคิดอย่างนั้นพลางยื่นแขนออกไปปิดหน้าต่าง ทันใดนั้นร่างของเธอกว่าครึ่งจึงโผล่ออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้เสื้อคลุมที่พาดไหล่โดนลมพัดหลุดออกไปนอกหน้าต่าง

ภาพนั้นช่างดูไม่เป็นธรรมชาติเสียจริง แต่เนื่องจากคนที่มองอาเรียอยู่มีแค่เคนทำให้ไม่มีใครรู้ทันเหตุการณ์นั้น

“ทำอย่างไรดีนะ…”

อาเรียตกใจพลางยกมือขึ้นปิดปาก เคนที่ไม่ได้สั่งอะไรข้ารับใช้รีบเดินไปยังจุดที่เสื้อคลุมหล่นอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มลงหยิบเสื้อคลุมที่ยังหลงเหลือไออุ่นอยู่เล็กน้อย

“นั่น… ไม่ใช่ชุดของเลดี้อาเรียหรอกเหรอคะ ดิฉันจะเอาไปซักแล้วนำมาส่งคืนให้นะคะ”

ข้ารับใช้ของเคนพูด เพราะตกลงบนกองหิมะจึงต้องเอาไปซัก แต่เคนกลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรราวกับครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าพลางตอบ

“ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร ฉันเอาไปให้เอง”

……………………….