บทที่ 277 ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

การแสดงความคิดเห็นยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแทบไม่มีใครสนใจว่าหลินจือและเทาเท่เริ่มต้นกันอย่างไร ทุกคนต่างสงสัยเพียงว่าหลินจือและเทาเท่มีความสัมพันธ์กันแบบไหนในตอนนี้

หลินจือหัวเสียกับการกระทำของเทาเท่ เธอต้องการซ่อนอดีตของเธอกับเทาเท่มาโดยตลอด เพราะเธอรู้ว่าหากเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว จะเกิดความคิดเห็นมากมายแบบนี้ขึ้น

ตอนนี้สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดกลายเป็นจริงแล้ว ต่อจากนี้ไปเธอคงออกไปที่สาธารณะไหนอีกไม่ได้ เพราะกลัวว่าพวกผู้หญิงที่คลั่งไคล้เทาเท่เหล่านั้นจะมารุมทำร้ายเธอ

มิน่าล่ะเมื่อครู่เทาเท่ถึงไม่ให้เธอเช็คโทรศัพท์ ชัดเจนว่าเพราะกลัวเธอจะเห็นแล้วให้เขาเพิกถอนคำชี้แจงเหล่านั้นออกทันที

และไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่เขาเดินออกไปทันทีเมื่อเห็นเธอเปิดเครื่องโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าเธอจะคิดบัญชีกับเขา

หลินจือวางโทรศัพท์ลงแล้วหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ

ทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตแล้วค่อยมารายงานทีหลังแบบนี้ เขาใช้ได้ดีนักเชียว

และเขาคงไม่ต้องคิดว่าเธอจะเมินเฉยต่อเขา อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาไปอีกสักครึ่งเดือน

ซูซีคิดไม่ถึงว่าเทาเท่จะออกมายอมรับอดีตของเขากับหลินจือด้วยตัวเองแบบนี้ ในความคิดของซูซี เทาเท่ควรต่อต้านเมื่อพูดถึงเรื่องนี้กับความจริงที่ว่าชาร์ลีและลูกชายบังคับให้เขาแต่งงานกับหลินจือ

ผลลัพธ์ ตอนนี้เทาเทไม่เพียงแต่ลุกขึ้นมายอมรับอย่างตรงไปตรงมา แถมยังบอกว่า เขาหวังให้หลินจือไม่ถือโทษโกรธเคืองและพูดปกป้องเธอ พลิกแพลงสถานการณ์ของหลินจือที่กำลังถูกด่าทอบนโลกอินเทอร์เน็ตไปได้สำเร็จ

ไม่เพียงแค่นั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปลุกระดม แต่ลากเธอลงมาได้สำเร็จ เพราะการเยาะเย้ยด่าทอทั้งหมดสะท้อนกลับเข้ามาหาเธอ

เวยป๋อปลุกระดมนั้นมีเนื้อหาว่า “คุณนักเขียนบทถูกซุปตาร์ซูซีใส่ร้ายมาตั้งแต่แรก”

มีคนคอมเม้นต่อด้านล่างว่า “เมื่อลองคิดๆ ดูแล้วตอนนั้นซุปตาร์ซูซีมีข่าวซุบซิบกับประธานเทาเท่ ตอนนี้คงรู้สึกแย่มากๆ”

“ได้ยินมาว่าตระกูลโดโนแวนและและตระกูลฟอเรนาทั้งสองตระกูลเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี มันเป็นไปไม่ได้ที่ดาราดังซูซีจะไม่รู้ว่าเทาเท่แต่งงานแล้ว แต่ยังจงใจป่าวประกาศเรื่องอื้อฉานั่น เสแสร้งเป็นแม่ดอกบัวขาวได้ร้ายเงียบจริงๆ”

“ดอกบัวขาวเสียที่ไหนกัน นี่มันดอกบัวดำจอมเจ้าเล่ห์ชัดๆ”

“ไร้ยางอาย!”

ซูซีโกรธจนหัวแทบระเบิด

แต่เวลานี้ลีวายดันโทรหาเธอ พร้อมกับแผดเสียงโวยวายอย่างโกรธเคือง “ซูซี เทาเท่คือสามีเก่าของหลินจืองั้นเหรอ”

ซูซีจงใจเสแสร้งว่าไม่สนใจคำถามนั้น “แล้วทำไม?”

ลีวายกัดฟันพูด “ซูซี ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่รีบบอกเรื่องหลินจือกับเทาเท่ให้ฉันรู้ ฉันทำให้หลินจือลำบากไปตั้งกี่ครั้ง และทำให้คุณเทาเท่ขุ่นเคืองไปตั้งกี่รอบ ฉันจะมีชีวิตอยู่ในหน้าที่การงานนี้ได้ไหม”

ลีวายแทบบ้าเมื่อเห็นข่าวว่าคุณเทาเท่เป็นสามีเก่าของหลินจือ

เธอคิดมาตลอดว่า อดีตสามีของหลินจือเป็นเพียงลูกมหาเศรษฐีมีเงินธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะใส่ร้ายหลินจือ โดยไม่คาดคิดว่าสามีเก่าของหลินจือจะกลายเป็นเทาเท่ เทาเท่ผู้เป็นนายทุนใหญ่ในแวดวงการบันเทิง เธอทำให้เขาขุ่นเคืองใจแบบนี้ แล้วจะอยู่ในวงการนี้ได้อย่างไร…

เนมาและพวกครุ่นคิดเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ มิน่าล่ะเนมาและทีมงานของเขาจึงถูกแบน เพราะตอนนั้นพวกเขากลั่นแกล้งหลินจือยั่วยุให้เทาเท่ขุ่นเคือง

ลีวายได้แต่กลัดกลุ้ม ขอเพียงเธอรู้เรื่องนี้ก่อนสักสองสามวัน เธอจะไม่ปล่อยให้ซูซีใส่ร้ายหลินจือแบบนี้แน่นอน

ซูซียิ้มเยาะ “เธอคิดว่าคนที่พรสวรรค์ค่อยๆ หมดลงอย่างเธอ แม้ไม่ทำให้เทาเท่ขุ่นเคืองใจแล้วจะมีอนาคตที่ดีได้งั้นเหรอ”

ทำพูดของซูซีทำให้ลีวายโกรธจนน้ำหูน้ำตาไหล เธอรู้จักความสามารถที่ไร้ฝีมือของตัวเองดี หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเธอไม่มีความสามารถอะไรเลย เพียงแค่ที่หนังสือเล่มนั้นได้รับความนิยมเพราะเรียบเรียงดัดแปลงมาจากนวนิยาละครโทรศัพท์ที่โด่งดังในช่วงนั้น

แต่เมื่อถูกซูซีพูดขึ้นมาตรงๆ แบบนี้ ใบหน้าของลีวายก็ตกลงพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันใด

เธอกัดฟันะถามซูซี “ในเมื่อเธอคิดว่าฉันไร้ความสามารถ เธอมาใช้ฉันทำไม”

ซูซียังพูดดูถูกเหยียดหยามเธอต่อไป “ทำไมล่ะ ฉันเห็นว่าเธอก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว เลยอยากใช้เธอเป็นกำบังกั้นหลินจือและพวกของมันต่อไปน่ะสิ”

คำพูดของซูซีทั้งโหดร้ายและทิ้มแทงหัวใจ ขนาดที่คนเข้มแข็งอย่างลีวาย ยังตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ

“ซูซี ในเมื่อเราถูกฉีกหน้าไปแล้ว เช่นนั้นก็ยุติสัญญาต่อกันเถอะ” ละครย้อนยุคเรื่องนั้น แม้แต่ตัวอักษรเดียวลีวายก็ไม่อยากเขียนมันให้ซูซีอีกต่อไปนั้น

“อยากยกเลิกสัญญาก็ยกเลิกไปเลย ยังไงซะฉันไม่ได้เสียดายนักเขียนบทแย่ๆ อย่างเธออยู่แล้ว” ซูซีทิ้งท้ายประโยคไว้เพียงเท่านี้แล้ววางสายไป โทรศัพท์มือถือของลีวายร่วงหล่นลงพื้นก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา

เธอไม่ดีอย่างนั้นเหรอ

ซูซีดีกว่าเธอตรงไหนกัน

หลังจากร้องไห้ ลีวายโทรหาเมลโล่ผู้ช่วยของเธอ และสั่งให้เมลโล่เรียบเรียงต้นฉบับและบอกว่าพวกเธอกำลังจะยกเลิกสัญญากับซูซี แต่น้ำเสียงของเมลโล่จากปลายสายกลับตอบเธออย่างเฉยเมย “อาจารย์ลีวาย ขอโทษนะคะ ฉันตัดสินใจที่จะเขียนต่อ คุณซูซีขอให้ฉันเป็นผู้เขียนบทหลัก”

“อะไรนะ!” ลีวายไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “เมลโล่!”

ลีวายตะโกนใส่เมลโล่ด้วยความโกรธ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เมลโล่พลันพูดสวนขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ “ตอนนี้เขียนไปแล้วเจ็ดหมื่นคำและฉันเป็นคนเขียนอย่างน้อยก็ห้าหมื่นคำเข้าไปแล้วทำไมคะ คูณซูซีให้ฉันเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้เขียนบทหลัก มีอะไรที่คุณลีวายไม่พอใจงั้นเหรอ”

“ไม่มีสินะ ก็นะตั้งแต่เริ่มต้นละครเรื่องนี้ไปจนถึงการทบทวนเนื้อหาต่างๆ ฉันเป็นคนทำมันทั้งหมด ทั้งเรื่องย่อและเค้าโครงเรื่องฉันก็เป็นคนเขียน ถ้าพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย เมื่อคุณไปแล้ว บทนี้ก็ยังเขียนต่อได้”

“และเขียนได้ดีกว่าตอนที่คุณมีส่วนร่วมด้วยซะอีก!”

ลีวายตกตะลึงกับคำพูดของเมลโล่จนพูดไม่ออก ใช่ เมลโล่เป็นคนรับผิดชอบงานละครเรื่องนี้ตั้งแต่เตรียมการจนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเขียนเพิ่มไปเพียงสองหมื่นคำ และยังเขียนแบบขอไปที

แต่ลีวายคิดไม่ถึงว่าเมลโล่จะทรยศเธอ ซ้ำยังตะคอกใส่เธออีก “เมลโล่ เธอได้ประโยชน์แล้วถีบหัวส่งแบบนี้ ไม่กลัวฟ้าดินลงโทษหรือไง! ถ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่มีฉัน ทุกวันนี้เธอจะเป็นยังไง”

เมลโล่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ถ้าฟ้าดินจะลงโทษ คงต้องลงที่คุณก่อน เพราะฉันทำทุกอย่างตามคำสั่งของคุณ”

ลีวายโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เมลโล่วางสายไปในทันที ขณะเดียวกันช่องทางการติดต่อของเธอก็ถูกบล็อกทุกๆ ช่องทาง ลีวายตัดขาดกับเมลโล่อย่างไม่ลังเล

แต่โกรธไปแล้วได้ประโยชน์อะไร

ความจริงแล้ว ที่เมลโล่เป็นแค่ผู้ช่วยไม่ได้เป็นที่รู้จัก เพราะชอบเปลี่ยนสีเปลี่ยนฝั่งไปเรื่อย…

ทางฝั่งของซูซีก็ไม่ว่างเว้น หลังจากเตะลีวายออกไปแล้วก็ให้ลูกน้องหาเรื่องใส่ร้ายหลินจือต่อ แต่ครั้งนี้ต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดสักหน่อย

คราวนี้พวกเขาเริ่มลงมือจากชาร์ลีและลูกชายเป็นตัวหลัก โดยกล่าวหาว่า ชาร์ลีและลูกชายได้รับเงินจากตระกูลแม็กซิมัสหรือเทาเท่ พวกเขาจึงออกมาสารภาพว่าหลินจือบริสุทธิ์

แต่ใครจะรู้ว่าจอร์แดนมีแผนรับมือ โดยให้ชาร์ลีและลูกชายปล่อยวิดีโอที่สอง เป็นการสาบานต่อพระเจ้าว่า ถ้าพวกเขาได้รับเงินแม้แต่สลึงเดียว หรือหากพวกเขาโกหก ขอให้พวกเขาถูกฟ้าผ่าตาย

และเขายังบอกอีกว่า ถ้าทุกคนไม่เชื่อ ก็หาคนไปตรวจสอบบัญชีธนาคารของพวกเขาได้เลยว่า ไม่มีใครส่งเงินให้พวกเขาแม้แต่บาทเดียว

ทั้งสองคนออกมาให้คำสาบานเช่นนี้ พวกคนที่คอยสอดรู้สอดเห็นจึงต้องเชื่อพวกเขาพลางๆ ไปก่อน