ตอนที่ 546 ตีกรอบ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 546 ตีกรอบ

อันหลิงเกอคิดผิดเพราะฤทธิ์ยาตัวนี้รุนแรงมาก นางจึงหมดหนทางหนีรอด

“ปล่อย ข้า…” อันหลิงเกอออกแรงดิ้นแต่ดูเหมือนคนเหล่านั้นมิได้ยินและยังทำเรื่องเลวทรามต่อไป

“พระชายามู่ประพฤติตนมิชอบและเรื่องสกปรกก็เกิดขึ้นที่นี่!”

“นั่นน่ะสิ ว่าแต่มันเรื่องอันใด ! ”

“พวกเจ้า…อึก”

อันหลิงเกอรู้สึกว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก เห็นอยู่ว่ายังมิทันเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริง จู่ ๆ ก็มีคนมาสังหารผู้ที่ล่วงเกินนางอย่างฉับพลัน กระนั้นกลับมาวิพากวิจารณ์นางด้วย

มิใช่การคุ้มกันหรือ? ยังมิทันที่อันหลิงเกอจะคิดได้ สายตาก็ค่อยๆ รวมเป็นจุดเดียวบนร่างของชายตรงหน้า

มู่จวินฮาน เขามาแล้ว ! อันหลิงเกอเผยรอยยิ้มออกมา ในที่สุดก็วางใจได้และโชคดีที่เขามาทันเวลา

“จวินฮาน…”

“นำตัวพระชายามาเพื่อฟังคำตัดสินโทษ ! ”

เวลานี้อันหลิงเกอเหมือนตกลงเหวครู่หนึ่ง หมายความว่าเยี่ยงไร เขามิเชื่อนางหรือ ?

“ช้าก่อน” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเย็นชาแต่ในใจเย็นเยือกยิ่งกว่าน้ำเสียง

“มู่จวินฮาน ท่านเชื่อข้าหรือไม่ ? ”

คนมากมายเยี่ยงนี้ทว่าอันหลิงเกอมิได้สนใจมารยาทอีก นางแค่อยากรู้ว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้วเขาจักทำเยี่ยงไร ?

“นำตัวพระชายาออกไป” ดูเหมือนมู่จวินฮานเจ็บปวดใจมิน้อยแต่ก็ยังเอ่ยปากไล่

“หึ…” อันหลิงเกอส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมมองไปยังเหล่าหวางเฟย

“หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมู่เฟยผู้แสนดีของท่าน หากข้าบอกว่าการตายของมารดามีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางและการตายของจ้าวหลานหยู่ก็เกี่ยวกับนางเล่า ? ”

หลังจากอันหลิงเกอเอ่ยออกไปได้มินานก็เห็นว่าเหล่าหวางเฟยถอยร่นไปด้านหลังด้วยท่าทีมิอยากเชื่อ อันหลิงเกอรู้ตัวว่ามิได้พูดออกมาเพราะขุ่นเคืองใจ แต่ที่กล่าวออกมาในตอนนี้เพราะไร้ทางอื่นที่ดีกว่าแล้ว

“อันหลิงเกอ ข้าคิดมาตลอดว่าเจ้าจะวางความเกลียดชังได้ ข้ามิเคยคิดว่าเจ้าจะสังหารเจียงอ๋องและอวี๋หมิงหลัน…”

สังหาร…

อวี๋หมิงหลันด้วยหรือ ?

อันหลิงเกอเบิกตากว้าง วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้างกันแน่ ?

อันหลิงเกอรู้ดีว่าทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับเหล่าหวางเฟย แต่นางมิเข้าใจว่ามู่จวินฮานเชื่อเหล่าหวางเฟยได้ลงคอ

เพราะคนตรงหน้าเป็นมารดาของเขาหรือ ?

แล้วที่เคยเอ่ยไว้ว่าพวกตนไม่มีวันสงสัยซึ่งกันและกัน ทว่าเพราะสตรีนางนี้ในที่สุดก็เกิดช่องว่างระหว่างพวกตนขึ้นจนได้

เหล่าหวางเฟยนะเหล่าหวางเฟย ในตอนแรกก็เอาชนะมารดาของนางได้ บัดนี้ก็ยังพยายามเอาชนะนางอีกหรือ ?

“จวินฮาน ครานี้แม้เกอเอ๋อเหลวไหลไปบ้าง แต่คนที่รู้เรื่องก็ยังมิมากนัก…” เหล่าหวางเฟยแสร้งพูดเพื่อนาง

“หุบปาก ! ” อันหลิงเกอตวาดออกมา มิอยากเห็นอีกฝ่ายเสแสร้งแกล้งทำอีก!

ในเมื่อพวกเขาอยากให้นางตาย นางก็มิยอมให้พวกเขาอยู่อย่างมีความสุข !

เวลานี้ความเกลียดชังที่อยู่ในใจของอันหลิงเกอถูกกระตุ้นออกมา เดิมทีนางยังอยากข่มมันไว้เพื่อกระชับความสัมพันธ์แม่ลูกให้สมบูรณ์ แต่ตอนนี้คงเป็นไปมิได้แล้ว !

คนข้างกายมิได้ลงมือทำร้ายนาง ราวกับคาดมิถึงว่าในเวลานี้อันหลิงเกอจะเลือกเส้นทาง*มัจฉาตายตาข่ายขาด ให้ทุกอย่างแหลกลาญไปพร้อมกัน

“เจ้า ! ”

อันหลิงเกอดึงกระบี่ขององครักษ์ออกมาและชี้ไปยังเหล่าหวางเฟย มู่จวินฮานเข้าไปขวางระหว่างนางและเหล่าหวางเฟยโดยไร้ความลังเลทันที

‘ฉึก’ ทันทีที่ปลายกระบี่แทงเข้าเนื้อของเขา อันหลิงเกอก็ตกตะลึง

“จวินฮาน ! ”

มู่เหล่าหวางเฟยมองนางด้วยแววตาโกรธเคือง คนรอบกายต่างก็เข้ามาล้อมนางไว้

“มีคนลอบสังหาร ปกป้องท่านอ๋องไว้ ! ”

โลหิตสีแดงหยดลงพื้น อันหลิงเกอมิได้ต่อต้านอีกและปล่อยให้พวกเขานำตัวนางไปขังคุกใต้ดิน

มู่จวินฮานมิได้กล่าวอันใด ได้แต่มองนางเดินจากไป ในใจของเขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกเยี่ยงไร

ในตอนที่ได้ยินเกอเอ๋อเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา จิตใจของเขาก็ตื่นตระหนกไปด้วย

เหตุใดต้องให้เขาเลือกระหว่างหมู่เฟยและอันหลิงเกอ ?

อันหลิงเกอถูกขังอยู่ในคุกลึกที่สุดเพียงลำพัง โชคดีที่นางมีศักดิ์เป็นพระชายาเอก แม้ตอนนี้มิมีผู้ใดสนใจแต่ก็ไร้ผู้ใดมาสร้างความลำบากใจแก่นาง

ถึงอย่างไรนางก็ยังมีศักดิ์เป็นพระชายามู่

ครั้นมิมีผู้ใดเข้ามาสร้างความลำบากให้ นางจึงได้แต่มองยังดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลตาอยู่นอกคุกอย่างโดดเดี่ยว มิรู้ว่ากำลังคิดเรื่องใดอยู่

“ไปกับข้าเถิด”

น้ำเสียงของฟางหลิงซู่ดังขึ้นในคุกใต้ดินที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา

อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าบัดนี้ผู้ที่มาช่วยนางคนแรกก็คือเขา

“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร…”

“ในจวนมีคนของข้าอยู่”

ก็จริง เขาคือฟางหลิงซู่ มิมีที่ใดเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้

หากเป็นวันปกติอันหลิงเกอก็คงลังเล แต่วันนี้นางลุกขึ้นและเดินตามเขาไปโดยมิลังเล

“ดึกดื่นค่อนคืนลมค่อนข้างแรง คลุมไหล่ไว้เถิด”

ฟางหลิงซู่นำผ้ามาคลุมไหล่ให้นาง นี่คือความอบอุ่นแรกที่อันหลิงเกอได้สัมผัสในวันนี้

“ขอบใจมาก”

เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวลือเรื่องการตายของอันหลิงเกอท่ามกลางกองเพลิงแห่งคุกใต้ดินแพร่สะพัดออกจากจวนอ๋องมู่

“เป็นไปมิได้…”

มู่จวินฮานคุกเข่าลงพื้นอย่างโดดเดี่ยว เขาแค่ต้องการเวลา มิมีทาง เป็นไปมิได้!

นางคือเกอเอ๋อของเขา นางมิมีทางเป็นอันใดเด็ดขาด!

อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วดูเหมือนว่าองค์หญิงทั้งสองจากแคว้นชิงเยว่จะเข้าใจได้ทันใด

ทัวป๋าหลิวลี่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ด้วยความพอใจและความโกรธที่มีต่อทัวป๋าถิงฟางก่อนหน้านั้นก็มลายหายไปทันที ราวกับว่าความเหินห่างระหว่างทั้งสองมิเคยเกิดขึ้น บัดนี้นางค่อย ๆ ย่างก้าวออกจากเรือน

ครั้นเห็นอาภรณ์ที่เหมาะสมนั้นทัวป๋าถิงฟางก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมปรบมือชื่นชมมิหยุดหย่อน “ชุดนี้เหมาะสมกับพี่หญิงมากเจ้าค่ะ”

ใบหน้าของทัวป๋าหลิวลี่แดงก่ำ ก่อนก้มหน้าด้วยความเอียงอาย ปิ่นเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนเกล้ามวยขยับเล็กน้อยยิ่งทำให้นางดูน่ารักและงดงามมากขึ้น

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันเยี่ยงนี้กลับค่อย ๆ สูญเสียการป้องกัน

ทัวป๋าหลิวลี่เอาแต่ใจมานานแล้ว กอปรกับอยู่ในจวนอ๋องโดยมิได้รับความโปรดปรานจึงมิมีผู้ใดมาสนใจนางเท่าไร

ด้านทัวป๋าถิงฟางมิเคยได้อยู่กับพี่สาวมานานหลายปี ทว่าต้องมาทำดีกับอีกฝ่ายเสียได้

แมวน้อยเดินเข้ามาข้างใน ทัวป๋าหลิวลี่จึงอุ้มมันขึ้นมาก่อนลูบไปบนขนของมันอย่างเบามือ ดวงตาหลุบมองต่ำราวกับครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง

มินานก็ปล่อยเจ้าแมวลง นางตบไปบนหางเล็ก ๆ ของมัน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อน ข้ามีเรื่องอยากคุยกับน้องสาว”

จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าและทำตัวสนิทสนมคุ้นเคยราวกับเป็นมิตรกันมานานหลายปี นางจูงมือทัวป๋าถิงฟางและพูดอย่างเต็มอกเต็มใจว่า “ที่ข้าไร้ความปรานีต่อเจ้าในคราแรก ข้าเองก็ทำมิถูกและบัดนี้ข้าอยากให้เจ้าลืมไปเสีย”

การที่ทัวป๋าถิงฟางตีสนิทกับทัวป๋าหลิวลี่ในครานี้ก็เป็นคำสอนของมู่เหล่าหวางเฟยที่ต้องการให้หมากทุกตัวล้วนเกิดผลประโยชน์

หากนำทัวป๋าถิงฟางมาเทียบกับหลิวลี่ ถิงฟางก็เป็นแค่บุตรีที่เกิดจากนางสนมและไร้สถานะใด แม้ตามหลังหลิวลี่ก้าวหนึ่งแต่จิตใจก็มุ่งมั่นมิน้อย

ครั้นได้เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเนิ่นนาน ในที่สุดทัวป๋าถิงฟางก็หาโอกาสเจอจนได้

ความเหินห่างระหว่างทั้งสองคนสลายหายไปในชั่วพริบตา ทุกอย่างสดใสราวกับฟ้าหลังฝน ทัวป๋าหลิวลี่รีบเอ่ยทันทีว่า “เราไปเดินเล่นข้างนอกกันเถิด”

ยังมิทันที่ทัวป๋าหลิวลี่จะได้คำตอบ นางก็ลากแขนของน้องสาววิ่งออกไปข้างนอกด้วยความกระตือรือร้น

ความเป็นองค์หญิงได้แทรกอยู่ในนิสัยของพวกนาง ทุกสิ่งเข้ากันอย่างลงตัวมาก พริบตาเดียวเวลาก็พาให้พวกนางสนิทกันมากขึ้น

ส่วนอันหลิงเกอ หลังออกจากจวนอ๋องมาแล้วก็เดินอย่างไร้จุดหมาย นางมิรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับตน เหตุใดจึงทำให้นางเจ็บปวดใจเยี่ยงนี้

*มัจฉาตายตาข่ายขาด หมายความว่า ต่อสู้กันจนตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย