ตอนที่ 1575 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (6)
“เข้าใจผิด? จะให้ข้าพาคนจากวิหารคลื่นมรกตมาคุยกันที่นี่ด้วยไหมล่ะ? เฮอะ” เฟยเหยียนกระแทกแดกดัน
กู่ซินเยียนเอ่ยคำพูดที่ดูจริงใจอีกครั้ง สรุปแล้วนางยังคงเน้นสองประเด็น
หนึ่ง สิบสองวิหารเป็นพันธมิตร และไม่ควรสู้กันเอง
สอง มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน ทุกคนยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
ความตั้งใจนั้นถูกกู่ซินเยียนถ่ายทอดออกมาด้วยทักษะทางการพูดที่ยอดเยี่ยม มันฟังดูจริงใจอย่างมาก
อย่างน้อยก็ทำให้พวกผู้เยาว์ที่อยู่รอบนอกแอบคิดว่ากู่ซินเยียนเป็นคนดี นางเป็นถึงคุณหนูแห่งวิหารมารโลหิต แต่ก็ยังยอมมานั่งคุยกับพวกเฉียวฉู่อย่างสงบ ขนาดเจอเฟยเหยียนกระแทกแดกดันอย่างต่อเนื่อง นางก็ยังคงรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ได้
แต่……
ขณะที่ทุกคนรู้สึกหวั่นไหวกับการแสดงตัวเป็นคนดีของกู่ซินเยียน พวกเขาก็รู้สึกตกใจกับคำพูดที่ร้ายกาจไร้ความปราณีของเฟยเหยียน
หลายคนพากันจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง
พวกเขาไม่รู้ว่าเฟยเหยียนไม่สนเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศชายและหญิง สำหรับเขา จวินอู๋เสียเป็นประเภทที่สามที่เพศสภาพคลุมเครือ ผู้หญิงที่ทำให้เขาปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนได้ก็คือหรงรั่วเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่เขาจะตกหลุมรักหรงรั่ว เขาอาจจะไม่ใจร้ายกับผู้หญิงมากขนาดนี้ แต่หลังจากเข้าใจหัวใจของตัวเองแล้ว เขาก็เปลี่ยนวิธีการไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับผู้หญิงคนอื่นๆ เขาเป็นเหมือนสายลมแรงที่พัดใส่ใบไม้ที่ร่วงหล่น พัดพาพวกมันไปอย่างไร้ความปราณี มีเพียงเจ้าสาวในอนาคตของเขาเท่านั้นที่เขาจะเป็นเหมือนสายลมที่พัดผ่านผิวน้ำอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
อาจกล่าวได้ว่า กู่ซินเยียนช่างโชคร้ายถึงแปดชั่วโคตรเลยทีเดียวที่มาเจอกับเฟยเหยียนซึ่งรักปักใจไปแล้ว จึงไม่คิดที่จะแสดงความสุภาพเกรงอกเกรงใจกู่ซินเยียนเลยแม้แต่น้อย
จำนวนคนที่มารวมตัวกันบริเวณริมทะเลสาบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนที่โดดเด่นที่สุดมารวมตัวกันพูดคุยในที่เดียวกันเช่นนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้พบเห็นได้บ่อยนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามนี้วิหารมารโลหิตถูกเกลียดชังจากทุกฝ่าย คนมากมายจึงพากันมาเพื่อจับตาดูความวุ่นวาย
ไม่ว่ากู่ซินเยียนจะพูดฟังดูดีสักเพียงใด ความหยิ่งผยองของวิหารมารโลหิตก่อนหน้านี้ได้ทำให้พวกเขาถูกคนจำนวนมากเกลียดชัง ไม่ว่านางจะปรุงแต่งคำพูดได้ดีสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถลบความไม่พอใจที่อยู่ในใจพวกเขาได้ ทำให้ยิ่งมีคนรีบวิ่งเข้ามาดูวิหารมารโลหิตถูกบีบจนมุม
กู่ซินเยียนพูดจนคอแห้ง ในใจเริ่มรู้สึกหมดหนทาง
ตอนแรกนางคิดว่า ด้วยพรสวรรค์ในการพูดของนาง นางจะสามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้ แต่พอเจอกับคำพูดใจร้ายของเฟยเหยียน กู่ซินเยียนก็ได้พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ไม่ว่านางจะใช้เหตุผลแบบไหนอธิบายตัวเอง เฟยเหยียนก็จะมีคำพูดที่พร้อมโต้กลับได้เป็นร้อย สุดท้ายกระทั่งกู่ซินเยียนเองก็รู้สึกว่าการพูดคุยเพื่อสร้างสันติในครั้งนี้ไร้ประโยชน์ หลินเฮ่าอวี่ทำเกินไปจริงๆในการพยายามผลักจวินอู๋ลงสู่ขุมนรก และวิธีการสุดโต่งของเขาก็ได้นำหายนะมาสู่วิหารมารโลหิตเช่นกัน
ถ้าเป็นนอกสำนักธาราเมฆ วิหารมารโลหิตไม่จำเป็นต้องกลัวใคร แต่ตอนนี้พวกเขาติดอยู่ในสำนักธาราเมฆ ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่เหมือนกัน
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของกู่ซินเยียนเริ่มฝืนมากขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจของหลินเฮ่าอวี่ก็กระชั้นขึ้น สายตาของเขามองไปที่ด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นก็คือจวินอู๋ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาเลยสักคำ
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหมอนี่ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาพยายามจะทำให้จวินอู๋ยอมจำนน วิหารมารโลหิตจะเดือดร้อนมากขนาดนี้ไหม?
หลินเฮ่าอวี่โยนความผิดทั้งหมดไปให้จวินอู๋ ไม่เคยจะคิดสักนิดว่าถ้าเขาไม่ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเพื่อบังคับให้จวินอู๋ยอมจำนน เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นอย่างนี้
“พวกเจ้าทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเราก่อนหน้านี้มันเกินไปก็เลยทนไม่ได้ใช่ไหม?” จู่ๆหลินเฮ่าอวี่ก็พูดขึ้นมา ฉวยโอกาสตอนที่กู่ซินเยียนยังครุ่นคิดว่านางจะพลิกสถานการณ์ได้ยังไง