บทที่ 633 : สองหมัด!

เถ้าแก่อวี้ถูกหลงเทียนเจียวบีบบังคับให้ตอบเช่นนี้ เขาไม่มีทางเลือกจึงเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย และหลังจากหันไปมองหน้าหลิงหยุนแล้ว เขาจึงหันไปตอบหลงเทียนเจียว

“คุณชายหลง.. ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถให้คำตอบคุณได้จริงๆ เพราะหินมังกรเขียวก้อนนี้ไม่ใช่ของผมแล้ว..”

“อะไรนะ?!”

หลงเทียนเจียวถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง  แม้แต่ยอดฝีมือวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหลงเทียนเจียวเมื่อได้ฟังคำตอบของเซียนหยกก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น และแววตาของเขาก็เป็นประกายวูบขึ้นมาทันที!

หลงเทียนเจียวรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขาเพิ่งจะมาที่หออวี้ติงเซวียนเมื่อสองสามวันที่แล้ว และได้ขอซื้อหินมังกรเขียวก้อนนี้จากเซียนหยก และไม่ว่าเซียนหยกจะขายในราคาเท่าไหร่ เขาก็ยินดีที่จะจ่ายด้วยความเต็มใจ

แต่หินมังกรเขียวก้อนนี้นับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของหออวี้ติงเซวียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เซียนหยกจะเห็นแก่เงินและยินยอมขายให้ง่ายๆ ไม่ว่าหลงเทียนเจียวจะพูดอย่างไร หรือเกลี้ยกล่อมยังไง ชักแม่น้ำทั้งห้าเท่าไหร่ เซียนหยกก็ยืนกรานไม่ขายให้กับเขาอยู่ดี!

เมื่อหลงเทียนเจียวเห็นว่าเซียนหยกยืนกรานไม่ขายหินมังกรเขียวให้กับเขา เขาจึงกลับไปเพื่อคิดหาหนทาง และหลังจากนั้นสองวันจึงกลับมาต่อรองกับเซียนหยกเพื่อขอซื้ออีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้หินมังกรเขียวกลับตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นแล้ว!

“ไม่ใช่ของคุณแล้วงั้นรึ? แล้วตอนนี้มันเป็นของใคร?” สีหน้าของหลงเทียนเจียวเปลี่ยนเป็นไม่พอใจนิดๆ และถามด้วยน้ำเสียงที่ห้วน

หลิงหยุนก้าวเท้าออกไปด้านหน้าสองก้าว และตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ  “เสียใจด้วย.. หินมังกรเขียวก้อนนี้เป็นของข้า!”

ครั้งแรก.. หลิงหยุนก็ขโมยคู่หมั้นของหลงเทียนเจียวไป และเขายังต้องเสียเงินถึงยี่สิบล้านเป็นค่าซ่อมกรอบประตูและกระถางต้นไม้สองใบให้กับหลิงหยุน!

เมื่อวานนี้ที่คลินิกสามัญชน.. หลงเทียนเจียวเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับหลิงหยุนด้วยตัวเอง  และยังนำเช็คจำนวนสองพันเจ็ดร้อยล้านไปมอบเป็นของขวัญให้กับเขาด้วย ไม่เพียงหลิงหยุนไม่ชายตามอง แต่ยังจงใจฉีกหน้าเขาต่อหน้าสาธารณชนอีก

เวลานี้.. เขาค้นพบความลึกลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในหินมังกรเขียวก้อนนี้ และต้องการนำมันกลับไปสำรวจต่อ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมาแย่งซื้อตัดหน้าไปอีก!

“เสียใจด้วย.. ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร? แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์เอาหินก้อนนี้กลับไป!”

ระหว่างที่หลงเทียนเจียวกำลังครุ่นคิดหาวิธีพูดกับหลิงหยุนอยู่นั้น ยอดฝีมือวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็โพล่งออกมาเสียก่อน

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองยอดฝีมือวัยกลางคนอย่างสนอกสนใจพร้อมกับตอบไปว่า

“น่าขัน! หินมังกรเขียวเป็นของข้า แต่เจ้ากลับห้ามไม่ให้ข้านำกลับไปนี่นะ! ช่างไร้สาระสิ้นดี!”

แววตาของยอดฝีมือวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที และร้องบอกหลิงหยุนไปว่า

“เจ้าหนู.. เจ้าคงจะเป็นหลิงหยุนสินะ! ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าในจิงฉูมาบ้างแล้ว!”

วันนี้หลิงหยุนอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน และเขาไม่ต้องการที่จะมาอารมณ์เสียเพียงเพราะเรื่องนี้

“ข่าวของเจ้าแม่นยำดีนี่.. รู้จักชื่อของข้าด้วย นี่เจ้าหนู.. แล้วเจ้าล่ะชื่อแซ่อะไรถึงได้กล้าพูดจาแบบนี้กับข้า?”

ผู้คนที่อยู่รอบๆได้ฟังถึงกับตกใจ.. ชายวัยกลางคนนั่นดูเหมือนจะอายุมากกว่าหลิงหยุนถึงสองรอบ แต่หลิงหยุนกลับเรียกเขาว่าเจ้าหนู!

“นี่เจ้า!” ชายวัยกลางคนถึงกับเดือดดาลอย่างมาก เขาร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“เจ้าหนู.. นี่เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกงั้นรึ? ที่ข้าไม่ทำอะไรเจ้าเพราะเห็นแก่หน้าคุณชายหลงต่างหาก! ยังไม่สำนึกอีก!”

หลิงหยุนกลับยิ้มอย่างสบายอารมณ์ “เจ้าต่างหากที่ยังไม่สำนึก! หินมังกรเขียวเป็นของข้า แต่เจ้ากลับไม่ยอมให้ข้านำกลับไป นี่เจ้าใช้อะไรคิด!?”

ยอดฝีมือวัยกลางคนร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ  “คิดไม่ถึงว่าฉัน – เฉิงกวงจงจะต้องมาโดนเด็กอย่างเจ้าพูดจาไม่ให้เกียรติแบบนี้!”

หลงเทียนเจียวเห็นเฉิงกังจงโกรธหลิงหยุนมาก ในใจก็นึกสะใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นดึงแขนเสื้อของเฉิงกังจงไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ลุงเฉิง.. ไม่เป็นไร! ในเมื่อหลิงหยุนซื้อหินมังกรเขียวไปแล้ว หินนั่นก็ควรจะเป็นของเขา..”

เฉิงกังจงดูเหมือนจะเป็นคนเลือดร้อนไม่เบาทีเดียว เพียงแค่ถูกหลิงหยุนและหลงเทียนเจียวยั่วยุเพียงเล็กน้อย เขาก็ถึงกับร้องตะโกนออกใส่หลิงหยุนเสียงดัง

“เจ้าหนู.. วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าสำนึกจนยอมขอโทษข้า และยอมยกหินมังกรเขียวก้อนนั้นให้กับคุณชายหลง! อย่าหาว่าข้ารังแกเจ้าก็แล้วกัน”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดเสียงดังกว่าเดิม “ที่แท้ก็คนแซ่เฉิง! คิดจะสั่งสอนข้างั้นรึ? ข้าว่าเจ้าถามคุณชายหลงที่ยืนอยู่ข้างเจ้าก่อนจะดีกว่า ว่าใครกันแน่ที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษ? เอาล่ะ.. ถ้าเจ้าอยากจะสั่งสอนข้ามา ก็เข้ามาได้เลย.. ข้าจะยืนนิ่งๆรออยู่ตรงนี้ล่ะ!”

เมื่อมู่หลงเฟยจื่อเห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ดี และเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะโกรธอย่างมาก จึงรีบร้องบอกหลิงหยุนด้วยความห่วงใย

“หลิงหยุน.. อย่าไปทะเลาะกับพวกเขาเลย พวกเรารีบกลับกันดีกว่า!”

แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะหันไปตอบมู่หลงเฟยจื่อว่า “จะรีบกลับไปทำไมกัน? รอให้มีเรื่องเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้!”

หลิงหยุนพูดยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ เขาก็ได้ยินเสียงตึงๆดังอยู่ด้านหลัง และเมื่อใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูก็รู้ว่าเป็นเสียงฝีเท้าของเฉิงกังจงที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขานั่นเอง

ฝีเท้าของเฉิงกังจงนั้นหนักหน่วงมาก เสียงฝ่าเท้ากระทบพื้นนั้นดังราวกับเสียงกลอง และพื้นดินก็สั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกใจจนต้องกระโดดถอยหนี

‘ทำท่าทางโมโหเช่นนี้ คงจะคิดว่าตนเองเก่งกาจมากสินะ!’

หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจ และรู้ว่าเฉิงกังจงคงต้องการจะกระทืบเขาให้จมดินแน่

แต่น่าเสียดาย.. คนที่เฉิงกังจงพบในวันนี้คือหลิงหยุน! เขาไม่รู้ระดับขั้นกำลังภายในของหลิงหยุน แต่จากที่เคยได้ฟังจากปากของหลงเทียนเจียว ทำให้เขาพอเดาได้ว่าอย่างน้อยหลิงหยุนก็ต้องอยู่ในขั้นเซียงเทียน

เรื่องที่หลงเทียนเจียวพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่เคยปริปากพูดให้ใครฟังเลย!

หลงเทียนเจียวได้แต่แอบดีใจ ‘ลุงเฉิงเป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5  ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าวันนี้เจ้าจะรอดหรือไม่..?!’

เฉิงกังจงก้าวไปหาหลิงหยุนช้าๆ และหยุดยืนห่างจากเขาราวสามเมตร  เขายืนนิ่งก่อนจะแสยะยิ้มและพูดขึ้นว่า

“เจ้าหนู.. ข้าจะให้โอกาสเจ้าขอโทษข้าอีกครั้ง..”

“นี่เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร?” หลิงหยุนตอบเสียงเรียบ

“ได้..!”

เฉิงกังจงหมดความอดทนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหลิงหยุนมองเขาไม่อยู่ในสายตา เขาก้าวเท้าเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับชกหมัดซ้ายเข้าใส่ร่างของเขาทันที

ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนหนังกำลังภายใน หมัดที่ชกเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนนั้นก็ไม่ได้รวดเร็วอะไร ความเร็วของหมัดก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่มีเรื่องชกต่อยกัน

แต่ถึงกระนั้นผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างก็สัมผัสได้ว่า หมัดของเฉิงกังจงนั้นมีพลังที่รุนแรงมาก!

เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันที!

แต่หลิงหยุนกลับไม่หลบหมัดของเฉิงกังจงที่พุ่งเข้ามา เขาเพียงแค่กำหมัดและยกขึ้นปะทะกับหมัดของเฉิงกังจงทันที! และแน่นอนว่ามันคือหมัดปีศาจเถียนกัง..

ปัง! เสียงหมัดสองหมัดกระแทกเข้าใส่กันอย่างรุนแรง และเสียง ‘แครก’ก็ดังขึ้นทันที!

มันคือเสียงกระดูกที่หักดังลั่น และทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน จากนั้นร่างของเฉิงกังจงก็ลอยละลิ่วราวกับว่าวที่กำลังตกลงสู่พื้นดิน แรงปะทะเข้ากับหมัดของหลิงหยุนนั้น ทำให้ร่างของเฉิงกังจงลอยกระแทกเข้ากับกองหินดิบจนกระจัดกระจาย

“อะไรกัน?!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากปากของเฉิงกังจง เพียงแค่หมัดเดียวของหลิงหยุนก็ทำให้กระดูกของเฉิงกังจงถึงกับหัก และได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

“เจ้าหนู.. นี่เจ้ากล้ามาก..”

เฉิงกังจงซึ่งเป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 ถึงกับอึ้งไปเมื่อปะทะกับหลิงหยุนได้เพียงแค่หมัดเดียว

ก่อนหน้านี้เฉิงกังจงได้เดินลมปราณ และใช้พลังชี่เป็นเกราะป้องกันตัวไว้แล้ว แต่พลังของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากพายุเฮอริเคนที่พุ่งชนกับเปลือกไข่บอบบางจนแตกไม่เหลือชิ้นดี

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่จ้องมองเฉิงกังจงที่มีเลือดไหลออกมุมปาก..

เฉิงกังจงเป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 และคิดว่าหลิงหยุนนั้นคงไม่น่าจะเกินขั้นเซียนเทียน-3 ซึ่งเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างสบาย

แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกันจริงๆ หลิงหยุนนั้นอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าเฉิงกังจง แต่เพราะวิธีการฝึกบ่มเพาะที่ต่างกัน ทำให้กำลังภายในแตกต่างกันอย่างเทียบไม่ได้

เมื่อครั้งที่อยู่ในระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-5 นั้น หลิงหยุนก็สามารถเอาชนะหลิวซุ่ยฟงที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-7 ได้แล้ว  จึงแทบไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่หลิงหยุนอยู่นระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-8 แล้ว!

และเมื่อใดที่เขาผ่านขั้นปรับบร่างกาย-9 ไปได้ เขาก็จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ทันที!

“พระเจ้า! นี่หลิงหยุนแข็งแรงมากขนาดนี้เลยเหรอ? เขาชกทีเดียวตาแก่นั่นกระเด็นไปไกลตั้งสิบกว่าเมตรเชียว!”

“ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะแขนหักไปเลย.. หมัดของหลิงหยุนช่างทรงพลังจริงๆ!”

“เด็กคนนี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ..!” นับวันหลิงหยุนก็ทำให้ซ่งเจิ้งหยางประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

หลงเทียนเจียวถึงกับอึ้งไป เฉิงกังจงนั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียน-5 แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนตั้งแต่หมัดแรก “ลุงเฉิง..  นี่ลุงเป็นอะไรมากหรือไม่?” หลงเทียนเจียวรีบวิ่งเข้าไปดูเฉิงกังจงทันที

แค๊ก.. แค๊ก..

เฉิงกังจงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตอบกลับไปว่า “ฉัน.. ฉันไม่เป็นไร! เด็กนั่น..”

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับยิ้มและพูดออกไปว่า “นี่ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย! ถ้าเจ้าอยากจะมีเรื่องกับข้าอีก ก็เข้ามาได้เลย..”

‘สำหรับคนที่กล้าวุ่นวายกับสมบัติล้ำค่าที่ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างสูงกว่าจะได้มันมาครอบครอง หมัดเดียวคงยังไม่พอ!’

“ได้..!”

เฉิงกังจงกัดฟันและเดินลมปราณขั้นสุด แล้วจึงลุกขึ้นและผละออกจากการพยุงของหลงเทียนเจียวพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนอีกครั้ง!

ใบหน้าของเฉิงกังจงสงบนิ่ง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปด้วยความแรงอีกครั้ง..

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข  และครั้งนี้เขาใช้หมัดซ้ายเข้ารับหมัดของเฉิงกังจง และใช้แรงในการตอบโต้เพียงแค่เจ็ดส่วน!

ปัง!

หมัดของเฉิงกังจงกับหมัดของหลิงหยุนปะทะกันอย่างรุนแรง  จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ

เสื้อผ้าของคนทั้งคู่ถูกลมที่เกิดจากแรงปะทะของหมัดจนปลิวว่อน และฝุ่นทรายที่อยู่บนพื้นก็ลอยคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ!

เสียงกระดูกหักดังขึ้น และร่างของเฉิงกังจงก็ลอยละลิ่วไปกระแทกกับกองหินอีกครั้ง

“โอ๊ย..”

ร่างของเฉิงกังจงลอยละลิ่วและร่วงลงไปกองกับพื้นราวกับแป้งนุ่มๆ เขากระอักออกมาเป็นเลือดทันที

“เยี่ยม.. ช่างเป็นหมัดที่ทรงพลังยิ่งนัก!”